นิดาใช้จังหวะนั้นผลักแจงสุดแรง ขวดน้ำสีใสกระเด็นไปบนพื้นคอนกรีตจนเกิดฟองฟู่ด่างเป็นดวง ขณะที่ตัวหญิงสาวผงะหงายไปฟาดกับโต๊ะหินอ่อน เพียงเสี้ยวนาทีแจงก็ประคองตัวขึ้นมาได้ โผเข้าหานิดา จิกผมแล้วตบหน้ารุ่นน้องฉาดใหญ่ซ้ายขวา
เผียะ! เผียะ!
“โอ๊ย” นิดาร้อง เจ็บทั้งหนังศีรษะ เจ็บทั้งหน้า
“เป็นไงล่ะ เจ็บแค่นี้มันไม่ได้เศษเสี้ยวที่ฉันเจ็บหรอกนะ”
“เป็นบ้าไปแล้วเหรอ” นิดาตวาด แจงยิ้มสะใจที่เห็นริ้วแดงบนหน้าขาวๆ แต่นิดาเห็นรอยเศร้าในดวงตาของสาวรุ่นพี่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงื้อมือจะฟาดซ้ำ นิดาก็สะบัดตัวจนหลุดและเอาคืนอย่างทันท่วงที
เผียะ! เผียะ!
“แก” แจงหันหน้ากลับมา ล้วงคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋า รูดใบมีดขึ้นลงเหมือนคนเสียสติ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขณะที่นิดาก้าวถอยหลัง
เมฆารีบวิ่งมาดึงตัวหญิงแปลกหน้าไว้ บิดข้อมือบางจนคัตเตอร์ร่วงลงพื้น ก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะตามมาสมทบด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ
“นิจะถือว่าพี่แจงทำไปโดยขาดสติ นิไม่เอาเรื่อง พี่แจงกลับไปดูแลคนของตัวเองให้ดี แล้วอย่ามายุ่งกับนิอีก” นิดาพูดใส่หน้าของรุ่นพี่ ก่อนจะเลื่อนสายตามาที่เมฆา “พี่เมฆา นิฝากเดินไปส่งแขกที่รถด้วย”
พูดจบนิดาก็เดินกลั้นน้ำตาออกไป แต่เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเธอก็กลับมาอีกครั้ง “ไม่ต้องบอกพี่ธีร์นะ”
จากนั้นเธอก็วิ่งจากไป
........................
ใจเดือดเป็นลาวาที่พร้อมปะทุ ธีร์เหยียบคันเร่งเกือบมิดเพื่อกลับมายังรีสอร์ตทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากสิริ เขาตามหาเธอให้ควั่กทั้งในออฟฟิศและรอบบริเวณ ก่อนจะพบกับกลุ่มของเมฆาที่ลานจอดรถ เมฆาและเพื่อนไม่รู้รายละเอียด ซ้ำยังอ้ำอึ้งที่จะพูด แต่บอกให้ธีร์ไปดูภาพจากกล้องวรจรปิดเอง เท่านั้นธีร์ก็รู้ว่านิดาไม่อยากให้เขารู้ ธีร์ตรงดิ่งไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด เปิดดูภาพจากกล้องในที่เกิดเหตุ เขาเห็นภาพทั้งหมด แม้ไม่ได้ยินเสียง แต่ก็รู้ว่าคนของตัวเองโดนทำร้าย ใจเขาหายวาบเมื่อเห็นขวดน้ำกรดในมือของผู้บุกรุก จากนั้นก็คัตเตอร์ แต่โชคดีที่นิดาเอาตัวรอดมาได้ เขารีบวิ่งไปดูสถานที่เกิดเหตุ ร่องรอยบนพื้นคอนกรีตยืนยันได้ว่าเขาเข้าใจไม่ผิด ไม่ไกลกันเท่าไรมีคัตเตอร์หล่นอยู่บนพื้น กะเล่นให้เสียโฉม ธีร์กำชับไปที่ทุกคน ว่าถ้าผู้หญิงคนนี้เข้ามาอีกให้จับไว้ แล้วเขาจะมาจัดการ
ธีร์เดินเข้ามาในออฟฟิศอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นนิดานั่งอยู่ที่โต๊ะ เพราะเขานัดเธอไว้ว่าตอนบ่ายจะมารับไปงานข้างนอก เธอส่งยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ธีร์จงใจจับต้นแขนที่เห็นในกล้องวงจรปิดว่าเธอถูกบีบ “เปลี่ยนชุดทำไมคะ เมื่อเช้าใส่แขนกุดไม่ใช่เหรอ”
นิดาสะดุ้ง แม้ว่าเขาจะจับไม่แรง แต่มันก็โดนแผลบนต้นแขนเต็มๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เธอต้องกลับไปเปลี่ยนชุดเพื่อปกปิดร่องรอย “ออ อ๋อ มันเปื้อนไอติม นิเลยไปเปลี่ยน เพราะต้องไปข้างนอกกับพี่ธีร์ไง” เธอหลบตาเขา
ธีร์จับคางเธอขึ้นมา ตาสีน้ำตาลจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตสีดำสนิทกับการโกหก ความจริงมันฟ้องอยู่ในนั้น มือใหญ่ไล้ริ้วแดงจางๆ บนแก้มนวล รอยยิ้มแต้มมุมปากน้อยๆ อย่างขมขื่นและน้อยใจ ข้างในของเขากำลังชุ่มโชกด้วยน้ำตา สงสาร เสียใจ น้อยใจ มันมากเสียจนเขากำลังจะเป็นบ้า
นิดาไม่แน่ใจว่าเขาเห็นรอยบนหน้าเธอ หรือแค่ไล้นิ้วแบบที่เคยทำ เธอเสเบี่ยงหน้าออกจากมือเขา
“ไปกันเลยไหมคะ”
“ไปจ้ะ”
ธีร์ข่มอารมณ์ไว้และทำตัวตามปกติเหมือนกับเธอ ทว่ามันก็เป็นไปได้ยาก ตลอดครึ่งวันที่เหลือทุกอย่างจึงดูฝืนไปหมด เมื่อกลับมาถึงบ้านพักต่างคนจึงต่างแยกย้ายทำธุระส่วนตัวเงียบๆ
นิดาเดินเข้ามากอดเขาเมื่อเห็นเขาเดินไปหยิบโน้ตบุ๊ก เขาเพียงแค่กดจูบบนศีรษะเธอแล้วพยักหน้าให้เธอไปนอนก่อน ซึ่งผิดวิสัยของเขาที่ชอบนอนกอดนอนหอมเธอทุกคืน
ธีร์พยายามพุ่งสมาธิไปกับงานบนหน้าจอโน้ตบุ๊กที่พาริส มือขวาของเขาส่งเข้ามาทางอีเมล ทั้งที่กำลังฟุ้งซ่าน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางคนบนเตียง เธอหลับไปสักพักแล้ว แม้แต่ตอนนอนวันนี้เธอก็ไม่ใส่ชุดนอนที่ตัวเองชอบ กลับเอาเสื้อยืดตัวโคร่งของเขามาใส่ และยังปิดปากเงียบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พรุ่งนี้หากไม่ติดธุระสำคัญก็จะเป็นวันหยุดที่เขาพาเธอไปเที่ยวทะเล เขาจึงเลื่อนไปเป็นวันมะรืนนี้ เขาคงต้องทำความเข้าใจกับเธอสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ตอนนี้หวังว่าช่วงเวลาแห่งความอึดอัดนี้จะทำให้เธอคิดอะไรได้บ้าง
ธีร์ปิดหน้าจอเมื่อเคลียร์งานของบริษัทบิดาเรียบร้อย เขาก้าวขึ้นไปบนเตียง นิดาตะแคงไปทางซ้ายข้างที่เธอถนัด ธีร์ชะโงกหน้าไปมอง ใจรวดร้าวเมื่อเห็นคราบน้ำตาบนหน้าเธอ เขาค่อยๆ เลื่อนแขนเสื้อยืดด้านขวาขึ้น ไม่เพียงแค่รอยช้ำสีม่วงอมเขียวขนาดใหญ่ ยังมีรอยแผลรูปเล็บอีกสี่รอย กรามหนาเกร็งจนขึ้นเป็นสัน เส้นเลือดบนขมับปูดนูน
“เห็นพี่เป็นอะไร มีเรื่องขนาดนี้ทำไมไม่ให้พี่ช่วย ไม่ต้องเป็นห่วงคนโน้นคนนี้หรอก ตัวเราน่ะน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ” ธีร์ถามคนหลับก่อนจะลุกไปหยิบยามาทาแขนให้เธอ