แนนเริ่มมีความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่ว่าแดงและร้อนเนื่องจากฤทธิ์ของน้ำเมา แต่ตอนนี้มันกลับมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นมากกว่าเดิมราวกับคนเป็นไข้
แต่แล้วคำถามที่เธอถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบ เพราะคนตัวสูงเลื่อนใบหน้าเข้ามาข้างแก้ม พ่นลมหายใจอุ่นร้อนกระทบใบหู แนนรู้สึกว่ากำลังถูกมือหนาล่วงเกินด้วยการจับตรงซิปที่หน้าอก
“รูดมันขึ้นหน่อยไหมครับ ผมไม่ชอบให้ใครเห็น”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหู พร้อมกับมือที่ถือวิสาสะรูดซิปชุดเดรสของเธอขึ้น ก็ทำให้แนนรู้สึกตื่นเต้นและร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว พลางทำให้ขนกายลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่
แต่แล้วคำพูดของเพื่อนก็ผุดขึ้นในหัวมาว่าถ้าหากอยู่ใกล้ใครแล้วใจมันรู้สึกหวิว เนื้อตัวร้อนวูบวาบ ขนลุกขนพอง แสดงว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่เธอรู้สึกดีด้วย
คือเขาอย่างนั้นหรือ
แนนยังคงสับสนกับใจตัวเอง เธอรู้สึกไม่มั่นใจว่าสิ่งที่คิดมันจะใช่หรือไม่ เพราะความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เธอและเขาแทบไม่เคยทำความรู้จักกันเลย นอกจากการบังเอิญเจอกันก็เท่านั้น
เควินเลื่อนใบหน้าออกก็สบเข้ากับดวงตาคู่หวานที่ช้อนสายตาขึ้นมอง แนนเผลอมองหนุ่มหล่อที่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา และแล้วคนตัวสูงก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนหน้าของทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่รอมร่อ
วินาทีนี้มันเหมือนกับว่าเข็มนาฬิกาได้หยุดเดิน ใจของเธอเต้นตึกตักแข่งกับเสียงเบสของลำโพง แต่หูของเธอก็เหมือนว่ากำลังมีปัญหาเพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น และแปลกที่เธอเองก็ยังยืนนิ่งไม่ได้คิดจะขัดขืน
แนนคิดว่าคืนนี้คงต้องเสียจูบแรกให้เขาอย่างแน่นอน
แต่ใครจะคิดว่าอีกนิดที่เดียวปากของทั้งคู่จะประกบเข้าด้วยกัน ก็มีคนเมาเดินผ่านและเซมาชนกับแผ่นหลังของเควินอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาพุ่งตัวไปด้านหน้า หัวโหม่งเข้ากับกำแพง
เควินสอดมือเข้าไปประคองศีรษะของแนนเอาไว้ตามสัญชาตญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้หัวของเธอกระแทกกับฝาผนัง
ใบหน้าหวานตอนนี้แนบชิดอยู่ที่แผงอกด้วยความตกใจปนกับความเสียดาย ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันผุดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เมื่อกี้เธอกับเขากำลังจะจูบกันอยู่แล้ว
กรี๊ด… แนนหลับตาปี๋ส่งเสียงกรีดร้องในใจ
เควินมองตามหลังชายคนดังกล่าวที่โซเซเข้าไปในห้องน้ำ ลอบถอนหายใจด้วยความเสียดายที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะ เขาผละตัวออกเล็กน้อย ก้มลงมองคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เมื่อกี้...” เขากะจะพูดถึงเรื่องจูบ แต่ก็โดนขัดจังหวะ
“โอ๊ะ”
แนนเงยหน้ามองคนตัวสูง แต่แล้วก็ต้องเปล่งเสียงอุทาน ยกมือเล็กชี้ที่หน้าผากที่แดงเถือกและกำลังเริ่มมีรอยนูน
เควินเลื่อนมือขึ้นลูบหน้าผากก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความอาย โดนชนจนเสียเรื่องยังไม่พอ นี่ยังมาหัวโนต่อหน้าสาวอีกหรือ
“ชนแรงเหรอคะ หัวโนง่ายจัง หึหึ”
แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เขาได้รับบาดเจ็บ แต่สติที่เลือนลางไปบ้างก็ทำให้เธอถามคำถามที่เหมือนจะเป็นการแซวเขาเสียมากกว่า แถมเธอยังแค่นหัวเราะในลำคอเพราะพยายามกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“สมองจะได้รับการกระทบกระเทือนไหมครับ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกมึน ๆ”
เควินลูบหน้าผากปรอย ๆ ทำหน้าเหยเก ผิวของเขานั้นบอบบางมาก โดนชนนิดหน่อยก็เกิดรอยแดงและหัวโนได้ง่ายอย่างที่เธอว่า
“ไม่มั้งคะ ตอนเด็ก ๆ ฉันก็หัวโนแบบนี้ประจำ ตอนนี้ฉันก็ยังอยู่ดี ที่คุณคีย์รู้สึกมึน ๆ อาจจะเพราะดื่มเหล้ามาด้วยมั้งคะ”
แนนพูดไปตามความจริง ตอนวัยเด็กเธอเป็นคนที่ซุกซนและซุ่มซ่าม เรื่องเจ็บตัวแบบนี้จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เควินได้ฟังก็อึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะเอ่ยต่อ
“คุณช่วยประคบให้หน่อยได้ไหมครับ ถ้าคืนนี้ไม่ได้ประคบ เช้ามาเลือดต้องคลั่งแน่ ๆ” เขาจ้องใบหน้าหวานที่ดูเป็นคนจิตใจดีเพื่อรอฟังคำตอบ
“คุณมีผ้าเช็ดหน้าไหมคะ เดี๋ยวฉันไปห่อน้ำแข็งที่โต๊ะมาให้”
แนนคิดวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้แค่นี้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“ไม่มีครับ” เขารีบปฏิเสธ ทั้งที่ได้พกผ้าเช็ดหน้าติดตัวตลอดเวลา
“งั้นจะทำยังไงกันดีคะ”
เควินคว้าข้อมือของเธอให้เดินตามกันออกไป แนนก็เดินตามอย่างเชื่อฟังทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“จะพาฉันไปไหนเหรอคะ”
“ร้านขายยาครับ”
พอได้รับคำตอบแนนก็เข้าไปนั่งในรถโดยไม่คิดอะไร และส่งข้อความไปบอกเพื่อนว่าขอตัวกลับก่อน โดยให้ข้ออ้างว่ามีธุระด่วน
“นั่งรอในนี้นะครับ เดี๋ยวผมมา”
พอไปถึงเควินก็เอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพไม่ต่างจากเวลาที่ไม่ได้ดื่ม จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถ
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที เขาก็กลับมาพร้อมกับถุงที่มีเจลประคบเย็นสองก้อนอยู่ในนั้น ทำเอาแนนรู้สึกแปลกใจว่าซื้อเจลประคบเย็นมาก็ต้องหาตู้แช่อีก ไม่อย่างนั้นคงจะใช้ประคบไม่ได้
“ผมขอเอาเจลไปแช่ตู้เย็นห้องคุณได้ไหมครับ”
ดวงตาคู่คมที่จ้องเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวก็เหมือนกับมีมนตร์สะกด คืนนี้เธอคงดื่มเยอะไปทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“ได้ค่ะ”
และแล้วแนนก็เผลอตอบตกลงทันที
@ อะพาร์ตเมนต์สีเหมียว
รถของเควินดับเครื่องลงเมื่อเข้าไปถึงโรงจอดรถที่อยู่ด้านข้างของตึกเจ็ดชั้น ทั้งสองคนก้าวลงจากรถ ดวงตาคู่คมเงยดูแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าตึกก็กระตุกยิ้มขึ้นและบังคับตัวเองไม่ให้หลุดขำ
“รู้นะคะว่าคิดอะไร”
“อะไรเหรอครับ”
“ขำชื่ออะพาร์ตเมนต์ใช่ไหมล่ะ คิกคิก”
ก็มันน่าขำจริง ๆ ขนาดเธอเห็นก็ยังหลุดหัวเราะทุกครั้งก่อนจะเข้าไปด้านใน
“ปะ เปล่านะครับ”
“ไม่ต้องมาทำฟอร์มหรอกค่ะ ครั้งก่อนคุณคีย์ก็ว่าให้ฉันชอบไปสถานที่ที่มีชื่อแปลก ๆ”
“จำได้ด้วยเหรอครับ ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง” เควินเอ่ยพลางลูบท้ายทอยอย่างคนเสียอาการ
“ถือซะว่าเป็นห้องเช่าอารมณ์ดี ใครเข้าพักก็มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่า” แนนเอ่ยพลางส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
คงจะอารมณ์ดีอย่างที่เธอว่า เพราะเควินเองก็หลุดขำออกมาเบา ๆ เช่นกัน
ประตูลิฟต์ชั้นเจ็ดได้เปิดออก แนนก็เดินนำคนตัวสูงไปยังห้องหมายเลข 757 แล้วเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบคีย์การ์ดออกมาเปิดประตู
“นั่งรอที่โซฟาก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันเอาเจลไปแช่ตู้เย็นก่อน”
“ครับ”
ระหว่างที่รอให้เจลเย็นตัวแนนก็มานั่งเป็นเพื่อนผู้มาเยือน เนื่องจากมีโซฟาตัวยาวแค่ตัวเดียวจึงต้องนั่งด้วยกัน แม้ทั้งสองจะไม่ได้สนิทกัน แต่ด้วยเหล้าที่ดื่มไปปริมาณมาก มันก็เพียงพอที่จะไม่ทำให้บรรยากาศในห้องมันกระอักกระอ่วน
จากนั้นแนนก็เริ่มชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ
“ห้องเล็กไปหน่อยนะคะ พอดีฉันอยู่คนเดียว”
“ผมก็อยู่คนเดียวเหมือนกันครับ”
“หึหึ โสดเหมือนกันเลยสินะคะ”
แนนแค่นหัวเราะใส่คนที่กำลังนำเสนอว่าตัวเองเป็นหนุ่มโสด แบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่กับคนมีเจ้าของสองต่อสอง