“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณคีย์”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณแนน”
ต่างฝ่ายต่างมองกันด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเควินดูจะเหนือกว่าตรงที่ครั้งนี้เขาตั้งใจเข้าหา มันไม่ใช่แค่บังเอิญมาเจอกัน
ทั้งสองคนหยุดแวะที่ร้านขนมถังแตก เนื่องจากแนนเห็นแล้วก็ดวงตาลุกวาวนึกอยากจะกินขึ้นมา
“ป้าคะ เอาไส้มะพร้าวงาสองชิ้นค่ะ” แนนสั่งเผื่อเขาด้วย
“แม่หนูมาที่นี่ทุกอาทิตย์เลยใช่ไหม ป้าจำได้ พักอยู่แถวนี้เหรอจ๊ะ”
ขณะที่ทำขนมป้าเจ้าของร้านก็ทักขึ้น ทำให้แนนระบายยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง เธอแวะมาซื้อขนมถังแตกร้านนี้ทุกอาทิตย์ แต่ก็ไม่คิดว่าแม่ค้าที่เห็นผู้คนผ่านตานับไม่ถ้วนจะจำเธอได้
“ไม่ได้พักแถวนี้หรอกค่ะป้า มันเป็นทางผ่าน หนูเลยแวะมาซื้อของกินก่อนกลับน่ะค่ะ”
“อ๋อ แล้วแต่งตัวสวยหล่อแบบนี้ทำงานอะไรกันล่ะ” แม่ค้าวัยกลางคนเอ่ยถามพลางมองทั้งสองคนสลับกัน
“คอลเซ็นเตอร์ค่ะ” แนนตอบออกไปตามตรง
แต่ดูเหมือนว่าจะทำให้ร้านข้าง ๆ ที่ได้ยินอาชีพของเธอเกิดความไม่พอใจ และได้พูดเหน็บแนมขึ้นทันที ราวกับว่าเธอไปทำให้คนเหล่านั้นโกรธเคืองมาแต่ชาติปางก่อน
“หาเงินบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวบาปเหรอแม่หนู”
“นั่นสิ อาทิตย์ก่อนคนรู้จักฉันก็เพิ่งโดนหลอกเอาเงินไปตั้งสองแสน ป่านนี้ยังไม่ได้คืนเลย ตามจับตัวก็ไม่ได้ ชั่วจริง ๆ เลยคนพวกนี้”
“ไม่ใช่นะคะป้า”
แนนเริ่มหน้าเสีย เธอรีบปฏิเสธแต่ไม่ทันได้อธิบายความจริงก็โดนสวนกลับมาเสียก่อน
“ไอ้พวกแก๊งรีดไถ ฉันไม่ขายให้แล้วโว้ย ออกไปจากร้านฉันเลยนะ ไปเลย ชิ่ว ชิ่ว”
ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตกสะบัดมือส่งเสียงขับไล่ไสสงราวกับเธอเป็นตัวน่ารังเกียจ ส่วนอีกสองร้านข้างกันก็พากันปาผักกาดแก้วและไข่ไก่มาทั้งฟอง
นี่คนสวยแบบเธอกำลังจะโดนรุมประชาทัณฑ์อย่างนั้นหรือ ไม่นะ!!!
แนนได้แต่ยืนค้างไม่กระดุกกระดิก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มองเห็นภาพผักและไข่ไก่ลอยมาอย่างเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์โมชัน หรือว่าดวงตาของเธอกำลังมีปัญหา
เควินเห็นท่าไม่ดีจึงแทรกตัวมายืนอยู่ด้านหน้าหญิงสาว หันหลังให้กับแม่ค้าเหล่านั้น ใช้มือทั้งสองข้างจับเสื้อสูตแล้วกางออกเพื่อเป็นเกาะกำบังให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้มีผักกาดแก้วลอยมาตกอยู่บนศีรษะ และเขาก็ได้รับแรงกระแทกของไข่ไก่ที่แตกใส่แผ่นหลังดังโป๊ะ พร้อมกับเปลือกตาที่หลับลงชั่วครู่ ก่อนจะลืมขึ้นก้มมองคนตัวเล็ก
แนนช้อนสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดวิตก ไม่คิดว่าพวกแม่ค้าจะเข้าใจผิดและมีการกระทำที่รุนแรงขนาดนี้
“เป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามแล้วหยิบผักที่ติดอยู่บนผมของเธอออก
แนนกระพริบดวงตาที่เริ่มแดงแล้วส่ายหน้าไปมา เธอไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เขาต่างหากที่เป็นคนเข้ามารับมันแทน
เห็นว่าแนนไม่ได้รับบาดเจ็บ เควินจึงหันไปประจันหน้ากับป้าทั้งสามคนที่ยืนมอง
“รบกวนฟังก่อนได้ไหมครับ เมื่อกี้เธอก็กำลังจะอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด”
เสียงทุ้มทรงพลัง บวกกับใบหน้าเคร่งขรึม ก็ทำให้แม่ค้าเหล่านั้นยืนเงียบ เควินจึงพูดต่อ
“เธอไม่ได้เป็นพวกรีดไถหรือทำงานผิดกฎหมาย เธอเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานในแผนกคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกเอาเงินอย่างที่พวกคุณกล่าวหา”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นบอกว่าคอลเซ็นเตอร์ ก็คิดว่าพวกต้มตุ๋นน่ะสิ” ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตกเอ่ยขึ้นอย่างไม่เต็มเสียง พร้อมกับเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นราวกับไม่กล้าสู้หน้า
“ทีนี้ก็เข้าใจเธอใหม่ด้วยนะครับ และการใส่ร้ายหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายในที่สาธารณะแบบนี้ พวกเราแจ้งความเอาผิดในฐานหมิ่นประมาทได้นะครับ นี่ยังดีที่พวกเราไม่ได้เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นพวกคุณอาจจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง”
“เอ่อ พวกเราขอโทษนะจ๊ะพ่อหนุ่ม”
“แม่หนู พวกป้าขอโทษนะลูก ให้อภัยพวกป้านะ”
“ใช่จ้ะ ป้าก็ขอโทษนะ อย่าแจ้งความจับพวกเราเลยนะ พวกเราก็แค่คนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีปัญญาหาเงินไปจ่ายค่าปรับหรอกจ้ะ”
ได้ยินหนุ่มหน้าตาดีพูดถึงเรื่องแจ้งความ ป้าทั้งสามก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันควัน รีบเอ่ยขอโทษขอโพยด้วยน้ำเสียงอ่อย
แนนเห็นว่าตัวเธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงเสื้อผ้าของคีย์ที่เปรอะเปื้อนจากคราบไข่ไก่ก็เท่านั้น พอได้ฟังแม่ค้าวัยทองทั้งสามคนขอโทษแล้วจึงรู้สึกเห็นใจ
“ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูไม่เอาเรื่องพวกป้าหรอกค่ะ ต่อไปก็อย่าไปกล่าวหาใครแบบนี้อีกนะคะ”
“จ้ะ ป้าจะไม่ทำอีกแล้ว ป้าขอโทษนะ”
“ขอโทษด้วยนะแม่หนู ทั้งสวยทั้งใจดี ป้าขอบคุณจริง ๆ ที่ไม่แจ้งความพวกเรา”
“ป้าก็ต้องขอโทษด้วยนะ”
หลังจากที่เคลียร์กันจบ ป้าเจ้าของร้านขนมถังแตก ร้านก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ร้านโตเกียวไส้ทะลัก ก็หยิบของกินใส่ถุงยื่นให้กับหญิงสาวเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไวใจกล้ากล่าวหาโดยไม่รู้ความจริง
“ขอโทษด้วยนะคะ เสื้อคุณเปื้อนหมดแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
“ที่จริงไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมตัวใหญ่ขนาดนี้ ไข่ไก่แค่ฟองเดียวทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“แหะ แหะ” แนนขำแห้งออกมา
นึกว่าเขาจะโกรธเสียอีกที่ทำให้เดือดร้อนไปด้วย แต่นี่ยังมาเล่นมุกโชว์ความแมน แสดงว่าเป็นคนจิตใจดีและมีความร่าเริงระดับหนึ่ง
ขณะที่เดินกลับออกมาแนนก็รู้สึกเสียดายที่ซื้อของกินได้แค่ไม่กี่อย่าง ยังเดินไปไม่ถึงด้านในสุดของตลาดนัดกลางคืนเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องมีเหตุให้ต้องกลับออกมากันเสียก่อน
“ถอดเสื้อของคุณออกสิคะ”
เมื่อไปถึงลานจอดรถแนนก็หยุดเดินแล้วหันมาขอเสื้อของคนที่ช่วยเธอไว้
“ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอครับ” เควินทอดสายตาไปยังผู้คนที่ยังเดินพลุกพล่านเต็มถนนที่สองข้างทางมีแต่ร้านขายของกิน
“เสื้อคุณเปื้อน ฉันแค่จะเอาไปซักค่ะ แอบคิดอะไรเนี่ย”
แนนระบายยิ้มขำแล้วเข้าถึงเนื้อถึงตัวของคนตัวสูง ยื่นมือไปถอดเสื้อของเขาออกจากแขน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ตัวของเธอและเขาใกล้ชิดกันมากจนได้กลิ่นน้ำหอมของกันและกันโชยเข้าจมูก
เควินกระตุกยิ้มขึ้นเพราะก้อนเนื้อตรงหน้าอกที่นูนเด่นกำลังแนบกับอกแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตของเขา
“ไม่ลำบากคุณใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่หญิงสาวได้เสื้อของเขาแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย
“ไม่เลยค่ะ คุณช่วยฉันไว้ แค่ซักเสื้อให้ตัวเดียวจะลำบากได้ยังไง” แนนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจือจางปนกับความรู้สึกผิด
ถ้าเธอคิดได้เร็วกว่านี้ก็น่าจะพูดให้มันชัดเจนว่าไม่ได้ทำงานหลอกลวงชาวบ้าน เขาจะได้ไม่มาเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำงานที่เดียวกับเธอเลย
“ฉันจะคืนเสื้อให้คุณได้ยังไงคะ ให้เอาไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ หรือว่าเราจะนัดเจอกัน”
“แลกเบอร์กันไหมครับ”
“แลกเบอร์เหรอคะ อืม... ก็ได้ค่ะ” แม้จะเปล่งเสียงราวกับครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่นานเธอก็ตอบตกลง
แนนระบายยิ้มหวานอย่างที่เคย แล้วทั้งสองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบันทึกเบอร์ของกันและกัน
“งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะคะ” แนนชิงบอกลา
“ไม่ให้ผมไปส่งเหรอครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย ไว้ถ้าซักเสร็จแล้วฉันจะติดต่อไปนะคะ”
เธอเอ่ยพลางขยับเท้าเดินออกไปทีละก้าว พร้อมกับมือที่โบกไปมาเพื่อล่ำลากัน รอยยิ้มหวานละมุนไม่ต่างจากน้ำเสียงก็ทำให้เควินเผลอมองตามคนตัวเล็กจนแนนเข้าไปนั่งในรถแท็กซี เขาจึงเดินไปหารถตัวเองเพื่อเดินทางกลับคอนโด
ระหว่างทางริมฝีปากของหนุ่มลูกครึ่งก็มีรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี
คนชื่อแนนมีอะไรน่าดึงดูดได้อย่างแปลกประหลาด โดยเฉพาะตอนที่ขอไปส่งแล้วเธอปฏิเสธ มันทำให้เธอน่าค้นหา แนนมีความเฟลนลี แต่ก็มีความระมัดระวังเรื่องการวางตัวกับคนที่ยังไม่คุ้นเคย และก็ไม่ได้ถือตัวจนกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง เห็นแบบนี้เควินก็ยิ่งกลายเป็นคนโลภที่อยากทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่านี้