สายน้ำเย็นๆ ไม่ช่วยให้หัวใจคลายความรุ่มร้อนจากเพลิงโทสะ โรสิตานึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนเจ้าอารมณ์ขึ้นมา เธอยอมรับว่าเอริกหล่อเหลามาก แต่นิสัยของเขาช่างต่างจากใบหน้าเหลือเกิน ชายหนุ่มร้ายกาจนิสัยเสียเป็นจอมมารขนานแท้ เขาไม่ไต่ถามความจริงคิดเองเออเองว่าเธอกับไอรีนเป็นพวกเลสเบี้ยน ไม่ยอมฟังเหตุผลก็หาเรื่องว่าต่อว่า ซ้ำยังขับไล่เธอออกจากบ้าน อีกทั้งยังลงโทษเธอด้วยข้อหาที่เขายัดเยียดให้
“เอริกคุณมันจอมมารชัดๆ”
มือเรียวหมุนปิดก๊อกน้ำ พาร่างของตัวเองมายังกระจกบานยาว ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นเมื่อมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง เอริกฝากรอยจารึกไว้บนผิวกายเธออย่างน่าเกลียด รอยจ้ำเล็กสีแดงเกลื่อนไปทั่วลำคอระหงและเนินอก ซึ่งแน่นอนว่าพรุ่งนี้เช้ามันจะเข้มขึ้นและชัดเจนกว่านี้อีก ใครเห็นเข้าไม่ต้องเดาก็รู้ว่ารอยพวกนี้มาจากไหน
“ฉันไปทำอะไรให้คุณ ถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ คนเลว... เลวที่สุด”
โรสิตาน้ำตาคลอ แตะรอยแดงบนซอกคอของตัวเองด่วยความแค้นใจ เธอไม่ได้ผิดเพศหรือชอบพอกับผู้หญิงด้วยกัน แค่ไม่ชอบสวมกระโปรง ไม่ชอบแต่งหน้าเพราะแพ้เครื่องสำอาง ไม่ชอบไว้ผมยาวเพราะรู้สึกรุงรัง บิดาของเธอเป็นนายทหารใหญ่ ท่านอบรมเลี้ยงดูเธอไม่ต่างจากผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ได้อ่อนหวาน เหมือนผู้หญิงทั่วไป ภาพลักษณ์ภายนอกแบบนี้ ทำให้เอริกตีความว่าเธอเป็นพวกลักเพศเชียวหรือ
“ถ้าเธอยังไม่เลิกยุ่งกับน้องสาวของฉัน ฉันจะทำเลวได้มากกว่านี้อีกยายทอม”
ผู้ชายใจร้ายข่มขู่เธอ ก่อนจะลงโทษเธอด้วยจุมพิตดุดันจนริมฝีปากเธอบอบช้ำ เธอถูกเขาเหยียดหยามถูกเขารังแกอย่างไร้ทางสู้ กรรมเวรแต่หนไหนบันดาลให้เธอต้องพบคนร้ายกายคนนี้ ปลายนิ้วเรียวเลื่อนมาแตะริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเองลูบไล้ไปมาด้วยความอดสู หญิงสาวคว้าผ้าขนหนูมาพันร่าง ก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์แต่งตัว ฟุบหน้ากับฝ่ามือด้วยความขมขื่นใจ ไหล่มนค้อมลงอย่างอ่อนแรง ขอบตาร้อนผ่าวแดงก่ำ โรสิตาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับระบายลมหายใจออกหนัก ไล่ความคับแน่นในหัวใจออกไป พยายามรวบรวมสติคิดทบทวนว่าตัวเองควรไปจากบ้านนี้ตามคำสั่งของเขาหรือไม่ ในเมื่อเอริกไม่ต้องการให้เธอคบหากับไอรีนอีก เธอควรไปให้ไกลๆ ไปให้พ้นจากคนเลวแสนร้ายกาจคนนี้ แต่อีกด้านของความคิดสั่งให้หญิงสาวไม่ยอมแพ้ หากเธอไปก็เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหานั้น ยอมรับว่าตัวเองทำผิดจริงดังที่เขาว่า และต้องถูกเขารังแกฟรีโดยไม่ได้ตอบโต้กลับ
“เอริก ฉันไม่ยอมแพ้คุณหรอก”
ดวงตาคู่งามทอประกายวับวาว เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้จอมมารอย่างเขา
“ฉันจะทำให้คุณอกแตกตาย จะเอาคืนให้เจ็บแสบ สมกับที่คุณทำกับฉันไว้”
บิดาของเธอท่านสอนลูกสาวคนเดียวให้เป็นคนสู้คน ไม่ให้หนีปัญหา โรสิตาจึงขอสู้กับจอมมารเอริกดูสักตั้ง ให้มันรู้ไปว่าเธอจะไม่มีทางทำอะไรเขาคืนได้เลยหรืออย่างไร ...
หญิงสาวใช้ความคิดไปขณะแต่งตัวไป เธอนิ่วหน้าเมื่อรอยแดงๆ บนลำคอไม่สามารปกปิดได้ แม้จะใส่เสื้อผ้ามิดชิดแต่ก็ยังมีบางรอยโผล่ให้เห็น โรสิตามองหาตัวช่วยปกปิดรอยราคีนั้น ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นครีมรองพื้นของไอรีน จึงหยิบออกมาแต้มๆ ทาๆ บนรอยนั้น เกลี่ยกลบพร้อมกับตบแป้งสีเนื้อทับจนมั่นใจว่าสามารถปกปิดรอยแดงได้เนียนสนิท จึงกล้าออกมาจากห้องน้ำ พอเปิดประตูออกไปก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นว่า
“อาบน้ำนานจังเลยนะยะยายโรส”
ไอรีนเอ่ยทักทายเพื่อนสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะหยัดกายลุกจากที่นอนจ้องมองเพื่อนสาวที่แต่งตัวราวกับคนหนาวจัด ด้วยสายตาขบขัน
“แอร์ห้องฉันมันเย็นมากหรือไง ถึงได้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ แบบนั้น”
โรสิตายิ้มแห้งๆ หลบสายตาของเพื่อนอย่างมีพิรุธ แสร้งเดินมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งหยิบหวีมาสางผมที่ยังหมาดชื้นของตัวเองแก้เก้อ ดวงตากลมโตมองเงาสะท้อนในกระสำรวจดูว่าร่องรอบยที่เธอปกปิดไว้ ได้ปรากฏให้เพื่อนเห็นหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีจึงค่อยมั่นใจขึ้น
“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้” โรสิตาคิดว่าข้อแก้ตัวนี้ฟังดูน้าเชื่อถือและเข้าท่าที่สุด แต่กลับทำให้คนได้ยินรีบลุกมาหา
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหนดูสิ ตัวร้อนไหม” ไอรีนแตะหลังมือบนหน้าผากของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่พบกับความร้อนเกินปกติ “ตัวไม่ได้ร้อนนี่ ปวดหัวหรือเปล่า เดี๋ยวฉันหายาให้”
“ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวนอนพักก็หายแล้ว”
รสิตาดึงมือเพื่อนออกจากการวัดไข้ พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ ซึ้งใจในความห่วงใยที่ไอรีนมีให้ สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยไอรีนก็คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอ ยามป่วยไข้ไม่สบายก็มาคอยดูแล ผ่านมาหลายปีความห่วงใยยิ่งเพิ่มพูน ความผูกพันยิ่งเหนียวแน่นเป็นเท่าทวีคูณ
“ลงไปทานอาหารเย็นไหวไหม นี่ก็ถึงเวลาตั้งโต๊ะแล้ว” ไอรีนเอ่ยถาม
“ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ ดื่มนมสักแก้วกับกินยาพาราสักเม็ดก็พอแล้ว” โรสิตาบอกเพื่อนสาว เธอไม่อยากลงไปเจอหน้าคนร้ายกาจคนนั้น
ไอรีนพยักหน้าเข้าใจ “โอเค ฉันจะให้ป้าแมรี่เอายากับนมมาให้นะ เดี๋ยวจะไปบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วย ว่าเธอไม่ลงไปทานอาหารเย็น ท่านจะได้ไม่ต้องห่วง” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปจากห้อง
ครอบครัวเมดิสันร่วมรับประทานอาหารเย็นกันในห้องอาหารเหมือนทุกวัน ซึ่งสมาชิกของบ้านแม้จะงานยุ่งเพียงใดก็ต้องกลับมารับประทานอาหารที่บ้านร่วมกัน นอกจากติดธุระสำคัญจริงๆ วันนี้สามพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า นายโรเบิร์ต เมดิสันกับนางอโณมาบิดามารดาของทั้งสาม มองดูลูกๆ ด้วยแววตาอบอุ่น ทรัพย์สมบัติเงินทองมากมายไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับความสุขในครอบครัว โรเบิร์ตในฐานะหัวหน้าครอบครัวจึงตั้งกฏให้ลูกๆ มาร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้ากันอาทิตย์ละหนึ่งวัน เพื่อจะได้พบหน้ากัน โดยมีภรรยาแม่ของลูกๆ เป็นคนทำอาหารมื้อสำคัญนี้
“วันนี้โรสไม่ลงมาทานด้วยเหรอยายไอรีน” โอลิเวอร์เอ่ยถามน้องสาว เมื่อไม่เห็นโรสิตามาร่วมโต๊ะด้วย
“โรสไม่ค่อยสบายค่ะพี่โอลิเวอร์ บ่นว่าปวดหัว” ไอรีนตอบคำถามพี่ชาย สีหน้าห่วงใยเพื่อนสาว
“เราใช้เพื่อนทำงานหนักหรือเปล่าไอรีน พ่อเห็นโรสเขาทำงานมากกว่าลูกอีกนะ” โรเบิร์ตแกล้งกระเซ้าลูกสาว เมื่อเห็นไอรีนคอยเกาะโรสิตาแจ
นางอโณมาพยักหน้าเห็นด้วยกับสามี “นั่นสิจ๊ะ แม่เห็นหนูโรสเอาแต่ทำงาน มีแต่เรานี่แหละที่ชอบอู้งาน” คนเป็นแม่แสร้งตำหนิลูกสาว
ไอรีนทำหน้ามุ่ย เมื่อโดนพ่อแม่ว่า “ไอรีนไม่ได้อู้นะคะคุณพ่อคุณแม่ แค่ให้โรสเขาช่วยทำงานแทนแค่นั้นเอง โรสเขาเก่งค่ะ ไอรีนอยากให้เขามาช่วยงานที่สำนักงานใหญ่มากกว่า ประจำที่สาขา” หญิงสาวถือโอกาสนี้หารือกับครอบครัว
เธอเคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อนแต่โรสิตาไม่ยอมรับปาก หากบิดามารดาของเธอช่วยพูด บางทีโรสิตาอาจจะเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธก็ได้
“ผมก็เห็นด้วยกับไอรีนนะครับ โรสเขามีความสามารถหากมาช่วยงานผม คงจะเบาแรงได้มากลอร่าก็กำลังจะลาไปคลอดลูก ผมกำลังขาดผู้ช่วยพอดี” โอลิเวอร์เข้าใจความคิดของน้องสาว รีบพูดสนับสนุนทันที
แต่กลับทำให้เอริกที่นิ่งฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจ เมื่อเขาไม่ต้องการให้โรสิตามาใกล้ชิดสนิทสนมกับน้องสาว หากย้ายมาทำงานด้วยกันยิ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ทั้งสองเลยเถิดกันไปไกลกว่านี้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากคัดค้านทันที
“ผมว่าคนที่เก่งมากกว่าโรสยังมีอีกเยอะ เราเปิดโอกาสให้พนักงานเก่าที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้จะดีกว่า”