โอลิเวอร์เอ่ยถึงพี่ชายคนโต ที่ทั้งดุ และเฮี้ยบจนคนในบ้าน ตั้งฉายาให้ว่าจอมมาร หากเอริกเห็นพฤติกรรมแผลงๆของน้องสาวกับโรสิตา เขาเชื่อว่าพี่ชายคงไล่ตะเพิดแม่สาวผมสั้นหน้าหวานคนนี้จนเผ่นแทบไม่ทัน เอริกเกลียดชังพวกผิดเพศผิดธรรมชาติเข้าไส้ สาเหตุเกิดจากโดมินิคเพื่อนสนิทของเอริกถูกแฟนสาวบอกเลิกแล้วหันไปคบกับผู้หญิงด้วยกัน จนทำให้อีกฝ่ายคิดสั้นจนเกือบฆ่าตัวตาย นั่นทำให้เอริกชิงชังคนเหล่านั้นและเหมารวมว่าเป็นพวกรกโลกมาตั้งแต่บัดนั้น
“ยายไอรีนเธอนั่นแหละตัวดี ชอบเล่นพิเรนทร์แบบนี้บ่อยๆ”
โรสิตาแกล้งดุเพื่อนสาว เมื่อเห็นว่าโอลิเวอร์เข้าใจพวกเธอทั้งสองคนดีแล้ว
“แหม ยายโรส เธอกับฉันไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนจริงๆ สักหน่อยจะไปกลัวอะไร”
ไอรีนต่อปากต่อคำเสียงใสขึ้น ท่าทางหงอยๆ เหมือนนกตกน้ำเมื่อครู่ เปลี่ยนมาร่าเริงราวกับลิง ทำให้คนเป็นเพื่อนหัวเราะขำ ทนเก็กหน้าดุไม่ไหว
“บ้าจริงยายไอรีน เพราะเธอชอบทำแบบนี้กับฉันต่อหน้าหนุ่มๆ ฉันถึงขึ้นคาน ไร้หนุ่มเหลียวมองมาจนถึงตอนนี้” โรสิตาโอดครวญ มองเพื่อนรักอย่างคาดโทษ
“ไม่ดีเหรอจะได้เป็นโสดเป็นเพื่อนฉัน”
ไอรีนหัวเราะเสียงดัง ถูกใจที่เห็นเพื่อน ตีหน้ามุ่ย เพราะถูกเธอแกล้วทำแบบนี้ต่อหน้าหนุ่มๆ บ่อยครั้ง ทั้งหนุ่มที่มาจีบเธอเอง และหนุ่มใจกล้าที่มาจีบโรสิตา จนพวกเขาเหล่านั้นพากันอกหักไปก่อนจะได้สมหวัง
“ดีสิ ดีมาก ยายเพื่อนบ้า อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ว่าเธอกำลังจะปล่อยให้ฉันขึ้นคานคนเดียว” โรสิตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใส่เพื่อนตัวแสบ ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคบหากับชายหนุ่มนามว่าฟิลลิปอยู่
“ยายโรส อย่ามาพูดอะไรให้พี่ชายของฉันเข้าใจผิดสิ”
ไอรีนทำหน้าตาตื่น กลัวพี่ชายจะรู้ว่าแอบคบกับฟิลลิป เพื่อนสนิทของโอลิเวอร์อยู่ เรื่องหวงน้องนี่ทั้งเอริกและโอลิเวอร์อาการหนักไม่แพ้กัน เธอไม่อยากให้พี่ชายขัดขวางความรักครั้งนี้
โอลิเวอร์นั่งฟังสองสาวคุยกันอยู่นาน เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ว่าน้องสาวของเขากับเพื่อนสาว ทำกิริยาแบบนี้ต่อหน้าเขาโดยไม่สะทกสะท้านได้อย่างไร ก็ทั้งสองไม่ได้เป็นพวกเลสเบี้ยนจริงๆ หากเป็นคงปิดบังจนไม่มีใครจับได้แน่ และคงไม่หาญกล้าแสดงพฤติกรรมแบบนี้ต่อหน้าใคร
“คราวหน้าอย่าไปทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีกนะ สงสารโรสบ้าง”
โอลิเวอร์ปรามน้องสาว เขาหันไปสบตาหญิงสาวผมสั้น ด้วยแววตาอ่อนโยน หากโรสิตาเป็นทอมเป็นเลสเบี้ยน จริงคงไม่หน้าแดงเมื่อถูกเขาชมหรอก ชายหนุ่มเผลอยิ้มเมื่อเห็นแก้มของอีกฝ่ายแดงเรื่อขึ้นมา ดวงตาคู่สวยมีรอยเขินอาย ก่อนจะเมินหลบไป
ขณะที่ทั้งสามหนุ่มสาว พูดคุยกันอยู่นั้น บนชั้นสองของบ้าน ห้องหนึ่งซึ่งมีหน้าต่างหันมาทางสวน มีร่างสูงของพี่ชายใหญ่ นามว่าเอริก ยืนกอดอกมองผ่านหน้าต่างลงมายังสวนสวย ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นทุกการกระทำของสองสาว ดวงตาคมจับจ้องหญิงสาวผมสั้นร่างเพรียวบางอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหมุนกายเดินกลับเข้าไปในห้อง...
เสียงคุยกันดังมาจากห้องของไอรีน ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านหยุดนิ่งฟัง บานประตูห้องปิดไม่สนิททำให้เสียงในห้องดังลอดออกมา เอริกค่อยๆแง้มประตู แนบใบหน้ามองลอดช่องเล็กๆนั้น ภายในห้องไอรีนนั่งพิงไหล่เพื่อนสาวที่นั่งพิงหัวเตียง มือของโรสิตามีแฟ้มเอกสารอยู่ข้างหนึ่งส่วนอีกข้างโอบไหล่ไอรีนไว้ ใบหน้าของทั้งสองแทบจะชนกัน โรสิตาใช้มือข้างที่โอบไหล่ไอรีนชี้ให้เพื่อนสาวดูเอกสารในมือ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก
“ไอรีน ตั้งใจอ่านหน่อยสิ ไหนบอกว่าไม่เข้าใจไง”
โรสิตาทำเสียงดุเพื่อนสาว เอาแฟ้มไปจ่อลูกตาเพื่อนให้ดูรายละเอียดในเอกสารนั้น หากไอรีนกลับดันออกห่าง ส่ายหน้าดุกดิก ชวนให้คนที่ตั้งใจช่วยหงุดหงิดใจ
“ไม่ไหวแล้ว ปวดหัวจะตาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ ฉันง่วงแล้ว” พูดจบเจ้าตัวก็เอนกายลงบนตักเพื่อน
โรสิตาวางแฟ้มไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างระอา ไอรีนชอบเป็นแบบนี้ทุกครั้ง สมัยเรียนเวลาใกล้สอบทีไรเจ้าตัวจะโวยวายราวกับไฟไหม้บ้าน ว่าอ่านหนังสือไม่ทัน พอบอกให้เตรียมตัวอ่านล่วงหน้า ก็จะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงไปมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือบนบานศาลกล่าวเก่ง เลยสอบผ่านมาได้จนเรียนจบมหาวิทยาลัย
“ทำไมถึงมัวเล่นอยู่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปพรีเซ้นส์แล้วนะ” โรสิตาระอาใจกับความไม่เอาไหนของเพื่อน
ครั้งนี้เพื่อนสาวโทรจิกให้เธอหอบเอกสารการวิจัยมาให้ เพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมของบวิจัยเพิ่ม หากเจ้าตัวกลับไม่สนใจจะอ่านเอกสารเหล่านี้เลย พรุ่งนี้ไม่แคล้วต้องลำบากให้เธอช่วยนำเสนองานแทน
“ก็มันปวดหัว ปวดตานี่ พรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อไม่ได้เหรอ”
ไอรีนไม่ยอมลุกขึ้นมาอ่านหนังสืออีก ยังนอนหนุนตักโรสิตาอยู่แบบนั้น ท่าทางชวนให้เจ้าของตักรำคาญใจ
“โอเค... พอแค่นี้ก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะปลุกเธอมาอ่านแต่เช้า”
โรสิตาดึงแขนคนที่นอนบนตักให้ลุกขึ้น หมดอารมณ์เคี่ยวเข็ญ เมื่อรู้ดีว่าไอรีนเข็นไม่ขึ้นเสีนแรงเปล่าจะให้คนขี้เกียจลุกมาทำงานต่อ จึงตัดใจเลิกบ่นเอาเวลาที่เสียไปมานอนพักผ่อนจะได้ประโยชน์กว่า
“ไปนอนที่ของเธอได้แล้ว แม่จอมขี้เกียจ ฉันจะนอนแล้ว” โรสิตาเอนกายลงนอนดึงผ้าห่มมาคลุมตัวหลับตานิ่ง
“ทำไมรีบนอน เพิ่งหัวค่ำเองนะ”
พอไม่ต้องอ่านแฟ้มรายงาน ดูเหมือนคนขี้เกียจจะตาสว่างทันที
“โรสจ๋า อย่าเพิ่งนอนสิ คุยกันก่อนสิ”
ไอรีนนอนตะแคงเอามือเท้าคาง ชวนเพื่อนคุยต่อ แต่โรสิตาไม่สนใจหันหลังให้พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
“โรสคนดี โรสสุดที่รัก คุยกับไอรีนหน่อยนะ” ไอรีนยังราวีไม่เลิก เขย่าแขนคนนอนแรงๆ ให้หันมาสนใจ
“ก็เธอบอกเองนี่ ว่าง่วงนอน ทำไมไม่รีบนอนเสียล่ะ” คนที่นอนหันขวับมา ย้อนศรคืน
ไอรีนขยับลุกขึ้นนั่ง หญิงสาวทำหน้าบึ้งมองเพื่อนสาวอย่างขัดใจ อุตส่าห์ชวนมานอนเป็นเพื่อน หวังจะหาคนคุยด้วย แต่ดูสิ... มานอนหนีกันแบบนี้ มันน่านัก
ความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัว แววตาของเจ้าของความคิดวาวระยับอย่างนึกสนุก
“ว้าย ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ โอย ยายไอรีนบ้า... ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
โรสิตากรีดร้องโวยวาย พยายามดิ้นหนีมือเล็กๆ ที่จี้เอวตัวเอง หากอีกฝ่ายไม่ยอมหยุดง่ายๆ
“นี่แหนะ ... จะจี้ให้หายง่วงเลย”
โรสิตาดิ้นหลบไปมา ก่อนจะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน ต่างดิ้นหลบกันไปมาจนที่นอนยุ่งเหยิง สองสาวส่งเสียงหัวเราะดังคิกคัก ทำให้คนที่แอบดูอยู่ทนไม่ไหว เปิดประตูพรวดเข้ามา ทั้งสองตกใจชะงักหยุดค้างการกระทำทุกสิ่งทันที
“พี่เอริก... เข้ามาทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ไอรีนถามพี่ชายเสียงอ่อย สายตาของคนเป็นพี่ดุจนน้องสาว รู้สึกใจฝ่อไม่อยากเดา ว่าพี่ชายเข้ามาเพราะอะไร
เอริกมองหน้าน้องสาวนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตาคมดุนั้น มองหญิงสาวผมสั้น ดวงตาสีน้ำเงินดุกร้าวขณะจ้องใบหน้าหวานใสของโรสิตานิ่ง ก่อนจะหันมามองหน้าน้องสาวอีกครั้ง
“พี่ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกไปนอกห้อง เลยแวะเข้ามาดู ท่าทางจะสนุกกันมากเลยนะ”
เขาปรายตามองโรสิตาแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับมามองหน้าน้องสาว สายตาเข้มดุนั้นทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ เสียววูบไปทั้งตัว เสียงของเขาว่าดุแล้ว แต่สายตาน่ากลัวกว่าหลายเท่า
“ไอรีน ต้องขอโทษพี่เอริกด้วยนะคะ ที่ส่งเสียงดังรบกวน”