เพราะสงสัยเรื่องชาติกำเนิดของเด็กหญิงตัวน้อยที่เรียกตัวเองว่า ‘แด๊ดดี้’ กวินจึงไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป ตกลงน้องเอ็นดูคือลูกของเขาจริงไหม นี่คือสิ่งที่ต้องค้นหาคำตอบให้ได้ และคนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดคงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก...
“ตกลงเด็กคนนี้เป็นลูกใคร”
ชายหนุ่มถามเสียงเข้มหลังจากลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเส้นด้าย ก่อนจะหันไปมองหน้ากลมบ็อกของเด็กน้อยที่มีความคล้ายคลึงกับตนเอง
มุมปากมีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กหญิงเทวิกากำลังจ้องเขาตาแป๋ว เขาไม่ได้อยากยิ้มให้หรอกแต่มันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
เส้นด้ายเห็นว่าปิดเรื่องลูกไปก็ไม่มีประโยชน์จึงตัดสินใจบอกความจริง อย่างไรเสียวันหนึ่งกวินก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีลูกสาวที่เกิดจากเธอ ผู้หญิงที่เขาจำเป็นต้องแต่งงานด้วย
“ลูกของคุณกับฉันค่ะ” ตอบเสียงห้วนคล้ายไม่อยากคุยด้วย แม้แต่สรรพนามที่เคยใช้เรียกแทนกันก็ยังเปลี่ยนไป สมัยก่อนเธอเรียกเขาว่า ‘พี่’ แล้วแทนตัวเองว่า ‘ด้าย’ มาตอนนี้คุณกับฉันทำให้กวินรู้สึกฉุนไม่น้อย
“คุณ? เราห่างเหินกันขนาดนี้เลยเหรอ” ถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพลางสังเกตรูปร่างหน้าตาของเส้นด้ายไปด้วย ดูเหมือนเธอผอมลงไม่น้อย
“ใช่ค่ะ สำหรับเราสองคนก็เหมือนคนแปลกหน้า” เธอยอมรับความจริงอย่างไม่เกรงกลัวสายตาคมดุนั่น
กวินยิ้มมุมปากหลังจากหันไปมองลูกสาวแล้วหันกลับมาจ้องตาแม่ของลูก
“หึ งั้นเหรอ แต่คนแปลกหน้าเขาไม่มีลูกด้วยกันหรอกนะ”
“คุณเชื่อเหรอคะว่าน้องเอ็นดูเป็นลูกของตัวเอง”
“ดีเอ็นเอของพี่แปะอยู่บนหน้าลูกขนาดนี้ไม่เชื่อก็โง่แล้ว”
“แด๊ดดี้กับแม่หมูทะเลาะกัน หนูไม่ชอบเลย”
เด็กฉลาดพูดแทรกก่อนเอามือขึ้นมากอดอก แล้วมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าน้อยๆ ยับยู่ยี่ คิ้วขมวดชนกันเป็นแพยาว รู้ว่าถ้าพวกผู้ใหญ่เสียงดังใส่กันแสดงว่ากำลังมีปัญหา ไม่เอาเด็ดขาด หนูน้อยไม่อยากให้แด๊ดดี้กับแม่หมูทะเลาะกัน
“ไม่ใช่ค่ะ แม่หมูกำลังคุยกับแด๊ดดี้ของหนู เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกัน ใช่ไหมคะคุณกวิน” คุณแม่รีบปฏิเสธเพราะกลัวลูกน้อยซึ่งอยู่ในวัยช่างจดจำจะเสียใจ
“ใช่แล้วค่ะ ลุง เอ่อ แด๊ดดี้กับแม่ของหนูเราคุยกันเฉยๆ ไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ” กวินเองก็ไม่อยากให้แม่หนูน้อยที่มีใบหน้าละม้ายตนเองเสียใจจึงรีบเออออห่อหมกไปกับเส้นด้าย
สองสามีภรรยายิ้มแห้งให้แก่กันทำเหมือนไม่ได้ทะเลาะกันจริง แต่เด็กฉลาดกลับไม่เชื่อคิ้วย่นติดกันหนักกว่าเดิม
“ไม่จริง มาตินบอกว่าผู้ใหญ่เสียงดังใส่กันคือทะเลาะ”
อย่ามาโกหกเด็ดขาด เทวิกาทำแก้มป่องปากจู๋ใส่บิดามารดา มือยังกอดอกเหมือนเดิม ดวงตาก็คอยมองคนนั้นคนนี้สลับกัน
“น้องมาตินเข้าใจผิดแล้วค่ะลูก ผู้ใหญ่พูดกันเสียงดังเพราะไม่ค่อยได้ยิน” คุณแม่พยายามหาเหตุผลที่เข้าท่า เด็กฉลาดเกินวัยเหมือนจะเริ่มเชื่อแต่ก็ยังไม่เชื่อจึงหันไปถามหาความจริงจากกวิน
“จริงเหรอคะแด๊ดดี้” ปากน้อยๆ ยังมู่ทู่เหมือนเดิม ดูท่าช่างเป็นเด็กเอาเรื่องไม่น้อย
“ครับลูก เราไม่ได้ทะเลาะกันเลย” คุณพ่อพยักหน้ารับพลางยิ้มหวานแต่ในใจแอบกลัว ลูกสาวของเขาดุเกินไปแล้ว อายุเพิ่งกี่ขวบเองจี้ถามบุพการีเป็นชุด
“เฮ้อ โล่งอก แม่หมูขา หนูหิวข้าวแล้วค่า” เพราะได้รับคำยืนยันเด็กฉลาดจึงยอมเชื่อบวกกับความหิวทำให้หันไปสนใจเรื่องปากท้องแทน มือป้อมลูบพุงบ่งบอกถึงความหิว
“โอเคค่ะ งั้นเรากลับบ้านไปกินข้าวกัน”
“แด๊ดดี้ไม่ไปด้วยเหรอคะแม่หมู”
“ไม่ค่ะ เราจะไปกันสองคน แด๊ดดี้ของหนูมีงานต้องทำไม่ว่าง”
“ไม่ว่างอีกแล้ว แด๊ดดี้ไม่ว่างตลอด”
“ใครบอกว่าไม่ว่าง วันนี้แด๊ดดี้ว่างทั้งวันเลยค่ะลูก”
“นี่คุณ อย่ามาทำให้ลูกดีใจแบบนี้สิ”
“วันนี้พี่ว่าง แล้วเราก็มีเรื่องต้องคุยกันยาว”
สองคนผัวเมียกระซิบกระซาบเพื่อไม่ให้เด็กน้อยได้ยิน
กวินติดต่อเลขาสั่งยกเลิกตารางงานทุกอย่างของวันนี้ให้หมด รวมถึงพรุ่งนี้ด้วยเพราะเรื่องสำคัญของเขาตอนนี้คือน้องเอ็นดู
เขาอยากรู้ทำไมเส้นด้ายท้องแล้วไม่ยอมบอก ถ้าไม่บังเอิญเจอกันวันนี้เธอจะปิดเขาไปอีกนานแค่ไหน
“พายฉันพาลูกกลับก่อนนะ” เส้นด้ายหันไปบอกเพื่อนสนิทที่ยืนมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบเชียบมาตั้งแต่ต้น คุณหมอพิมพ์พายเห็นบรรยากาศมาคุระหว่างครอบครัวเลยเลือกที่จะยืนอยู่อย่างไร้ตัวตน
“ไปเถอะ จะพูดอะไรคิดถึงลูกให้มากเข้าไว้นะ” เธอเอ่ยเตือนในฐานะหมอ ใครบอกว่าเด็กไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด ยิ่งเด็กสมัยนี้โตไวผู้ใหญ่ทำอะไรเด็กจะจดจำทันที อย่าได้ไปสัญญาด้วยเด็ดขาด เพราะจะโดนทวงถามไม่เว้นวันโดยเฉพาะกับเด็กฉลาดอย่างน้องเอ็นดู
“กูไปก่อนนะไอ้ธี มีเรื่องต้องจัดการ” กวินหันไปบอกเพื่อนสนิท
ธีรยุทธอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเหมือนคุณหมอพิมพ์พายแต่เลือกที่จะยืนดูโดยไม่ปริปากพูด เพราะตัวเขาเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไรนัก รู้เพียงว่าเพื่อนรักแต่งงานแล้วกับผู้หญิงที่ครอบครัวหามาให้ ทั้งสองคนแต่งงานได้เพียงปีเดียวก็แยกกันอยู่
“เอ่อ เดี๋ยวกูค่อยโทร.ถาม ใจเย็นนะมึง” ชายหนุ่มตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้แม่หนูน้อยที่กำลังจ้องมองตนเองตาแป๋วคล้ายกับสงสัยว่าอีตาลุงคนนี้เป็นใคร
“น้องเอ็นดูขา ลาป้าหมอก่อนค่ะ” เส้นด้ายกระซิบบอกลูกสาวเสียงหวาน เด็กน้อยรีบยกมือขึ้นมาไหว้คุณป้าทันที แล้วค้างอยู่ในท่านั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องสวัสดีคุณลุงสุดหล่อด้วยไหม
“สวัสดีค่ะป้าหมอ หนูต้องลาคุณลุงด้วยไหมคะแม่หมู” คำถามของเทวิกาสร้างรอยยิ้มให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ทั้งรู้สึกเอ็นดูและมันเขี้ยวในเวลาเดียวกัน
“ต้องลาค่ะลูก คุณลุงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของแด๊ดดี้เอง” บิดาเป็นคนตอบ
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เด็กน้อยก้มหัวไหว้เพื่อนบิดาอย่างอ่อนช้อย จากนั้นก็โดนมารดาจูงมือออกไปจากโรงพยาบาล โดยมีกวินตามหลังไม่ห่าง
คุณหมอพิมพ์พายกับธีรยุทธ มองแผ่นหลังของสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงไม่ต่างกัน แต่เรื่องครอบครัวต้องปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง
“เฮ้อ บทจะเจอก็เจอ โลกกลมแท้”
แพทย์หญิงถอนหายใจออกมาก่อนส่ายหัว ถึงจะตกใจแต่ก็แอบดีใจในที่สุดหลานสาวก็ได้เจอพ่อเสียที เธอบอกให้เพื่อนพาลูกไปหาพ่อมานานกลับโดนเพื่อนปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ถึงเวลา
“ไม่ทราบว่าคุณหมอว่างไหมครับ”
“คุณธีถามพายเหรอคะ”
“ครับ ถ้าว่างผมขอคุยด้วยหน่อย”
คุณหมอพยักหน้าแต่ก็แอบสงสัยเจ้านายอยากคุยอะไรกับตนเอง ปกติเจอกันแค่ตอนประชุมไม่ก็สวนกันตามทางเดิน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว อยู่ๆ มีเรื่องอยากคุยด้วยจึงรู้สึกระแวงขึ้นมา
ธีรยุทธยิ้มมุมปากหลังจากหันหลัง เขาแอบมองเธอมาหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาสทำความรู้จัก ตอนนี้โอกาสมาแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด