หนุ่มใหญ่นั่งที่เก้าอี้ตัวโปรดในมุมโปรดในเวลาบ่าย สายตาเหม่อลอยมองไปไม่มีจุดหมายปลายทาง พร้อมกับจิบชาอย่างดีไปเรื่อย ๆ
"อารมณ์ดี?" หนุ่มใหญ่รีบหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นมา
"อ้าวนายดาม งานการไม่มีทำรึไง ภูเก็ต สระบุรีมันใกล้นักเหรอ มาป้วนเปี้ยนอยู่ได้" แดนชลบ่นไม่จริงจัง
"คิดถึงก็ไปหา เวลาไม่คอยใครหรอกนะ ทะเลยังแปรประสาอะไรกับคน" แดนไตรแกล้งกระตุกหนวดเสือ
"อย่ามาทำเป็นพูดดีไปนายดาม"
"ได้ข่าวว่าจบโทมาสองปี ตาคมผมยาว ผิวสีน้ำผึ้งผสมนมสดแถมพ่วงท้ายปริญญาบัญชีมหาบัณฑิตอีก อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้ล่ะ"
"เฮ๊อ....ฉั๊นปิดอะไรนายได้บ้างล่ะ มีสปายซินะ"
"เฮียก็น่าจะรู้ ๆ กันอยู่ว่าเราอยู่ใต้ปีกใคร" แดนไตรพูดชี้ช่อง
**ความทรงจำอดีตเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว**
¤"ป๊าครับทำไมอาสรถึงพาน้องไปทุกที่เลยบางที่เด็กก็ไม่ควรเข้าด้วยซ้ำ" เด็กหนุ่มวัย 15 ปีถามบิดาอย่างสงสัย
"เมียอาสรตายตั้งแต่หนูแสงดาวคลอดใหม่ ๆ น่ะ หลังจากนั้นอาสรก็กระเตงลูกสาวไปทุกที่เลย เพื่อน ๆ บอดี้การ์ดก็ช่วยกันเลี้ยงบ้างเวลามีงาน"¤
นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มจำได้จากคำบอกเล่าของบิดา
-อดีตเมื่อแดนชลอายุ 26 ย่าง 27 ปี เขาเรียนเรียนจบ MBA มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกาและกลับมาสานต่อกิจการของฟาร์มต่อจากมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วได้หนึ่งปีกว่า ๆ โดยมีเขตแดนผู้เป็นบิดาคอยระวังหลังให้เรียกได้ว่าเป็นแบ็คอย่างดี และเขตแดนทำแบบนี้ให้ลูก ๆ ทุกคนเสมอ
..จะขึ้นปีหนึ่งแล้วซินะ คณะบัญชีซ๊ะด้วย ชายหนุ่มนั่งมองรูปถ่ายที่ให้นักสืบจำเป็นได้ถ่ายส่งมาให้ เขาลูบคลำหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นราวกับได้ลูบไล้ใบหน้างามของสาวน้อยในโทรศัพท์ก็ไม่ปาน
"ไง ไอ้ลูกชาย ไม่คิดจะบอกเจ้าตัวเค้าหน่อยเหรอ ตามเค้ามาตั้งแต่เค้าอยู่ ม.ต้นไม่ใช่รึไง" เขตแดนเอ่ยแซวลูกชายคนโตเพียงแผ่วเบาให้พอได้ยินกันแค่สองคน
"ป๊าครับ น้องแค่ 18 ย่าง 19 ปีเองกำลังจะขึ้นปีหนึ่ง เดี๋ยวจะเสียการเรียนน่า"
"เอาดี ๆ กลัวน้องจะเสียการเรียนหรือกลัวใจตัวเองกันแน่ว๊ะไอ้เสือซุ่ม" เขตแดนยังแซวลูกชายไม่เลิก
"ป๊า....." แดนชลลากเสียงยาวอย่างเหนื่อยหน่ายที่ผู้เป็นบิดายังแซวไม่เลิก 《ความจริงก็กลัวแบบนั้นแหละ แต่จะทำยังไงได้เล่า อาสรก็คนสนิท แถมยังเป็นที่ปรึกษาอย่างดีให้เขารองจากบิดา จะทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนเพราะไม่อยากคุยกับลูกปืนของอาสรไง ไหนจะลูกปืนของน้องอีกเพราะผู้เป็นบิดาของสาวเจ้าได้ถ่ายทอดการยิงปืนให้ลูกสาวตั้งแต่ขึ้นม.ปลายแถมได้ข่าวว่าแม่นเหมือนจับวางไปอีก》
อีกด้าน
"แสง..ลูก พร้อมหรือยังพ่อจะพาไปทำใบขับขี่รถยนต์ เดี๋ยวจะสาย แดดจะร้อนนะลูก"
"เสร็จตั้งนานแล้วค่า หนูรอพ่อกินข้าวอยู่ค่า" เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากห้องอาหาร
"อ้าวเหรอ ไหนดูซิ๊ มีอะไรกิน" ผู้เป็นบิดาเอ่ยปากถามอย่างเอ็นดู
สองพ่อลูกรับประทานอาหารเช้าอย่าเอร็ดอร่อยแม้จะเป็นเพียงอาหารแสนธรรมดาก็ตาม
@สำนักงานขนส่งจังหวัด
หลังจากสอบภาคทฤษฎีผ่านแล้วสาวเจ้าก็สอบภาคปฏิบัติและผลการสอบผ่านสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
"ก่อนกลับบ้านพ่อขอแวะหานายใหญ่ก่อนนะลูก แล้วนายใหญ่บอกว่าให้หนูเข้าไปพบพร้อมกับพ่อเลยนะ" สรบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบในใจนึกหวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน
"อ้าว เหรอคะ ก็ได้ค่ะ" แสงดาวรับคำบิดาอย่างว่าง่ายแต่ก็นึกแปลกใจเพราะทุกครั้งที่ติดตามผู้เป็นบิดาเธอจะไปนั่งรอที่สวนหย่อมมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนที่เธอเคยชอบมานั่งเล่นรอบิดาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก แต่คราวนี้ให้เข้าไปด้วยจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
@ห้องทำงานของเขตแดนนายใหญ่แห่งฟาร์มดวงเดือน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก สรเคาะฝาผนังเพราะเจ้าของห้องไม่ชอบปิดประตู
ชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาผิวพรรณดีแต่ติดดุนิด ๆ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
"อ้าวมากันแล้วรึ เป็นไง สำเร็จลุล่วงดีใช่มั๊ย?" เขตแดนถามขึ้นทำเอาอีกคนงงกันเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้านายของบิดาอย่างรู้มารยาท และเขตแดนเองก็รับไหว้ยิ้มอบอุ่นกลับไปให้
"นายมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ"
สรตัดสินใจถามขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว
....ครื่ด....(เสียงลูกกุญแจสัมผัสกับพื้นผิวของโต๊ะทำงาน) เขตแดนดันลูกกุญแจพร้อมเอกสารประจำรถไปตรงหน้าสรและลูกสาว
"ของขวัญวันฉลองใบขับขี่รถยนต์ครั้งแรก เหมาะกับหนูพอดีเลยลูก" เขตแดนกล่าว
"นาย!!! เอ่อ..นายครับผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ มันมากไป" สรละล่ำละลักพูดออกมาทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่ารถคันนี้เป็นของใครกันแน่ที่ซื้อให้
"เถอะน่า นายเป็นพ่อประสาอะไร อยากให้ลูกสาวขับรถมอเตอร์ไซค์ไปมหา'ลัยรึไง"