หลังจากปรมัตถ์เริ่มศึกษางานอย่างจริงจัง เขาก็รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้เอกสารกองนี้ที่ชมพลอยหามาให้ งานที่คิดว่าจะทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ความรู้สึกกลับตรงกันข้าม รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาเมืองไทย และเป็นความท้าทาย เขาจะต้องนำพาบริษัทให้เจริญยิ่งขึ้นกว่านี้ เขาต้องทำให้ได้ ธุรกิจเครื่องประดับมีคู่แข่งมากมาย ดีที่บริษัทพ่อของเขาทำให้มันแข็งแกร่งแล้ว ตอนนี้บริษัทเป็นบริษัทผลิตเครื่องประดับส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
“พลอยครับ มีอะไรให้ผมเรียนเพิ่มเติมไหมครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าจากเอกสารถามขึ้น หลังจากที่หญิงสาวเดินเอาของว่างเข้ามาให้
“หมดแล้วค่ะ หลังจากนี้ต้องไปถามท่านประธานนะคะ ว่าจะให้คุณปรมัตถ์ทำอะไรบ้างน่ะค่ะ เพราะดิฉันยังไม่ได้รับตารางงานของคุณเลย”
“ถามจริงเถอะ คุณเป็นคนจริงจังแบบนี้เสมอเลยเหรอครับ”
เห็นสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายก็อดปากถามขึ้นมาไม่ได้ ปกติเขาเคยได้ยินแต่เลขาแต่งตัวเปรี้ยวมาล่อเจ้านาย นี่อะไร เธอยังคงคอนเซปต์เดิมคือกระโปรงทรงสอบเสื้อปิดคอดูยังไงก็ไม่น่าจะทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์ได้
ดีนะที่เธอเป็นคนหุ่นดี สะโพกผายงอนรับกับเอวคอดกิ่ว พอที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เสื้อเธอก็ชอบใส่แบบแขนยาวปิดจนถึงคอ เธอมีแฟนหรือยังนะ เขาสงสัยว่าแฟนเธอทำไมไม่บอกเธอบ้างว่าควรแต่งตัวแบบไหนให้มีเสน่ห์น่าดึงดูด หลังได้รับตำแหน่ง เขาท่าจะต้องทำงานกับเธอไปอีกนาน เพราะดูแล้วเธอจะเป็นคนโปรดของคุณพ่อ ซึ่งได้รับความไว้วางใจมาก
“ค่ะ”
“คุณพ่อบอกว่า ต่อไปคุณต้องมาเป็นเลขาของผม หลังท่านทำเรื่องมอบตำแหน่งให้ผม”
“ดิฉันยังไม่ทราบค่ะ ท่านยังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการค่ะ”
“ตอนนี้คุณก็ทราบแล้วนะครับ... โปรเจกต์แรกที่ผมจะทำหลังเข้ารับตำแหน่งก็คือ ขยายสาขาไปต่างประเทศให้มากที่สุด และผมอยากได้นักออกแบบสามคน เพราะผมจะแตกตัวไลน์สินค้าเป็นซับแบรนด์ที่มีขนาดเล็กแบบน่ารักขึ้น ราคาจับต้องได้มากขึ้นสำหรับคนชั้นกลาง เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มีมากที่สุด”
ปรมัตถ์บอกความต้องการ และแผนงานที่เขาวางแผนไว้ให้เลขารับรู้ เพราะเธอต้องเป็นคนประสานงานให้เขา
“ดิฉันจะประสานงานให้ค่ะ”
“นัดประชุมฝ่ายออกแบบกับฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาดให้ผมอาทิตย์หน้าด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
“ส่วนอาหารกลางวัน ผมชอบกินเมนูตามนี้ ต่อไปคุณช่วยเตรียมให้ผมด้วยนะ”
ชายหนุ่มยื่นกระดาษที่เขาจดเมนูที่เขาชอบส่งให้เธอ สลับสับเปลี่ยนกันในหนึ่งสัปดาห์
“รับทราบค่ะ”
ประตูที่ถูกผลักเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ ทำให้ปรมัตถ์นิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะทำหน้าแปลกใจเมื่อรู้ว่าใครกำลังเดินเข้ามา
“พี่ใหญ่กลับมาตั้งแต่วันไหนครับ”
ปิยังกูล หรือ เล็ก น้องชายปรมัตถ์ส่งเสียงตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มขี้เล่นอันเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เกิด ปิยังกูลก็เดินทางตลอดเหมือนกัน เพราะเขาเป็นช่างภาพ ทั้งสองพี่น้องจบบริหารธุรกิจมาเหมือนกัน ปิยังกูลชอบการถ่ายรูปจึงไปเข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม จนกลายมาเป็นงานหลักของเขาตอนนี้ เขากำลังรวบรวมภาพเพื่อจะเปิดนิทรรศการรอบที่สอง การได้ทำงานในสิ่งที่รักทำให้เขามีความสุข แต่ก็รู้ดีว่าเขาเกิดมาในครอบครัวนี้ ก็ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้านอยู่แล้ว
“พี่กลับมาได้หลายวันแล้ว แล้วนายล่ะเล็กไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่เข้ามาช่วยงานที่บริษัทบ้าง”
“อะไรกันครับพี่ใหญ่มาถึง ก็จะให้ผมเริ่มงานเลยเหรอครับ ผมยังไม่พร้อมหรอกครับ ผมยังสนุกกับงานของผมอยู่เลย” ปิยังกูลเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“งานของนายคืออะไร พี่ได้ยินข่าว วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ป้อสาวไปทั่ว”
“ก็นั่นแหละครับงานผม เอ้ย! ไม่ใช่นะครับข่าวมั่วมากกว่า... จริงไหมครับพลอย น้องพรีมเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่เจอนาน น่าจะโตขึ้นมากแล้ว จะ จำลุงเล็กได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ”
ปิยังกูลหันมาคุยกับเลขาคนสนิทของพ่อ พร้อมมองดวงหน้าเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง
“ค่ะคุณเล็ก ตอนนี้เข้าเตรียมอนุบาลแล้วค่ะ ต้องจำได้สิคะ แกยังเคยถามหาอยู่ค่ะ ว่าลุงเล็กไปไหนไม่เห็นนานแล้วค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลยครับ ผมซื้อของมาฝากแกด้วย นี่ครับ... ผมไปหาคุณที่โต๊ะไม่เจอ ไปถามคุณพ่อเลยเดินมาหาที่ห้องพี่ใหญ่” ชายหนุ่มยื่นถุงกระดาษมาให้ชมพลอยหลายถุง
“ขอบคุณค่ะ แต่คุณเล็กไม่เห็นต้องลำบากเลย”
ชมพลอยรับของมาพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณปิยังกูลด้วยความซาบซึ้งใจในความมีน้ำใจของอีกฝ่าย
“ลำบากอะไรกันครับ น้องพรีมน่ารัก ผมเห็นแล้วคิดถึงแกเลยครับ เดี๋ยววันหยุดผมว่าจะเข้าไปรับออกมาทานไอศกรีมนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ น้องพรีมต้องดีใจมากเลยค่ะ”
“จะคุยกันอีกนานไหม นี่มันเวลางานนะ”
ปรมัตถ์รู้สึกหมั่นไส้ที่เห็นสองคนคุยกันเหมือนรู้จักกันมานาน ไม่เห็นหัวเขา แถมแม่เลขาตัวดีของเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรคือยิ้มแล้วน่ารัก เขาไม่เคยเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน เห็นแต่เธอทำหน้าเดียวคือราบเรียบ จนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงไร้ความรู้สึก