นิก
“คุณนิก!” ผมไม่ฟังเสียงของเตยหอมก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทันที
“ฮัลโหล”
(เอ่อ ใครครับ) ปลายสายถามออกมาอย่างแปลกใจ
“ผมนิกครับ” ผมตอบกลับออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
(อ๋อ คุณนั่นเอง)
“ตอนนี้เตยหอมขับรถอยู่น่ะ...”
“พี่คิม เดี๋ยวเตยโทรกลับนะคะ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เตยหอมก็แทรกขึ้น
(อ๋อ งั้นก็ได้ครับ ขับรถดีๆนะ) แล้วพอผู้ชายคนนั้นได้ยินที่เตยหอมพูด ก็บอกผมออกมาอย่างเข้าใจก่อนจะตัดสายทิ้งไป
“ทำไมต้องทำเหมือนกลัวที่จะคุยกับแฟนตัวเองด้วย” ผมถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ทำงานกับเธอมา ผมก็ไม่เห็นเธอคุยกับแฟนเธอต่อหน้าผมเลย เวลาแฟนเธอโทรมา ส่วนมากเธอก็รับแล้วกระซิบบอกออกไปว่าทำงานอยู่ เดี๋ยวโทรกลับแค่นี้จริงๆ
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ” เธอตอบกลับมานิ่งๆ ผู้หญิงบ้าอะไรมีแต่ความนิ่งเรียบ ใบหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ผมอยากรู้จริงๆเลยว่าเวลาอยู่กับแฟนเธอเป็นแบบนี้หรือเปล่า
“เวลาเธออยู่กับแฟนเธอ เธอไร้อารมณ์แบบนี้ตลอดหรือเปล่า” ไวกว่าความคิดก็คงจะเป็นปากนั่นแหละ ที่มันถามออกไป
“.....” เตยหอมไม่ตอบ แต่แหล่ตามามองผมเล็กน้อยก่อนจะขับรถต่อ
“โอเค เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว” ก็แค่อยากรู้ แต่นี้ก็ต้องมองค้อน ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนอัญญาเลยสักนิด
แล้วไม่นานเธอก็ขับรถมาถึงคอนโดของผม ผมเลยหันไปบอกความต้องการกับเธอออกไป
“คืนนี้ฉันจะไปดื่มนะ” ครับ ผมไม่ได้ออกไปดื่มนานแล้ว และผมมีอะไรให้คิดด้วย อีกอย่างพรุ่งนี้ว่างพอดี ผมก็เลยคิดว่าจะออกไปคลายเครียดหน่อย
“ค่ะ” เธอตอบกลับออกมาสั้นๆนิ่งๆเหมือนทุกครั้ง
“เธอไม่ต้องไปก็ได้นะ เผื่อว่าอยากอยู่กับแฟน” ถึงแม้ว่าปกติจะมีเจ๊โฟนไปคุมตลอด แต่บางครั้งเธอ ก็ไปกับเจ๊โฟนด้วย แต่ครั้งนี้เห็นแฟนเธอโทรมา เผื่อว่าอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
“หาเวลาอยู่กับแฟนมันง่ายกว่าแก้ข่าวให้คุณค่ะ” แล้วน้ำเสียงพร้อมใบหน้าเรียบนิ่งก็ตอบกลับออกมาพร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง
“จิ๊” ผมได้แต่จิ๊ปากออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะลงจากรถไป เพราะผมไม่เคยเถียงยายผู้จัดการส่วนตัวคนนี้ได้เลยสักครั้ง ไอ้หน้าตาเรียบนิ่งพร้อมกับน้ำเสียงเรียบๆนั่นของเธอ มันทำให้ผมมักคิดคำเถียงต่อไม่ถูกเวลาเธอพูดอะไร
แต่ที่ทำให้ผมนับถือเธอก็คงจะเป็นการทำงาน เพราะเธอเป็นคนที่เรียนรู้งานได้เร็วมาก ตอนเข้ามาเป็นผู้ช่วยของเจ๊โฟนใหม่ๆ เธอใช้เวลาไม่นานก็สามารถจดจำเรื่องของผมได้เกินกว่าครึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มที่กับงานมากๆ และเก่งเกินตัว ไม่แปลกเลยที่เจ๊โฟนไว้ใจกล้าปล่อยให้เธอดูแลผมคนเดียวเป็นปีๆแบบนี้
เสียอย่างเดียว เธอไม่ค่อยมีความอ่อนโยนเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด เธอนั้นทั้งนิ่ง เย็นชา เหมือนคนไร้ความรู้สึก และเก่งเกินไปไม่น่าจะกล้ามีผู้ชายกล้าจีบ นี่ถ้าเกิดเธอไม่ได้มีแฟน หรือมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมก็คงคิดว่าเธอชอบผู้หญิง หรือไม่ก็ตั้งตัวเป็น Working woman สนใจแต่งาน อยู่กับงานจนไม่สนใจอะไรรอบข้าง
เตยหอม
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่คลับแห่งหนึ่ง เป็นคลับที่ศิลปินต่างๆชอบมาใช้บริการ เพราะมีความเป็นส่วนตัวมาก และที่สำคัญ เป็นคลับของคุณปราบ เพื่อนของคุณนิกนั่นแหละ แต่เพราะเป็นคลับที่คนดังชอบมาใช้บริการบ่อยๆไง มันก็เลยต้องระวัง เพราะจะมีพวกปาปารัสซี่ที่แฝงตัวมาเพื่อหาข่าว แล้วไหนจะพวกศิลปินที่อาจไม่ชอบหน้ากันด้วย เอาเรื่องเสียหายไปปล่อยได้
และการมาของเขา แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็คือ ฉันต้องมาเป็นคนขับรถให้เขา เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าฉันไม่ต้องการแก้ข่าวให้เขาเรื่องเมาแล้วขับแน่นอน ส่วนเรื่องผู้หญิงหรอ ฉันไม่รู้นะว่าเขาเคยใช้บริการแบบนี้หรือเปล่า แต่เวลาฉันมากับเขาและเจ๊โฟน ก็ไม่เคยเห็นนะ แต่ลึกๆไปกว่านั้นฉันก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะฉันไม่ได้ตัวติดกับเขาตลอด
“ดื่มหน่อยสิ” คุณนิกว่าขึ้นพร้อมกับยื่นแก้วตัวเองมาเพื่อชนแก้วของฉันที่ถูกชงเหล้าไว้บนโต๊ะจนจะละลายหมดแล้ว
“ฉันต้องขับรถค่ะ” ฉันตอบกลับไปตรงๆ
“แค่แก้วสองแก้วไม่เมาหรอกหน่า กว่าฉันจะเลิกดื่มฤทธิ์เหล้าในตัวเธอก็หายหมดแล้ว” เขาว่าแล้วยังคงคะยั้นคะยอให้ฉันยกแก้วไปชนกับเขา จนฉันได้แต่ถอนหายใจ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าปฏิเสธเขาหรอกนะ แต่จะให้ฉันนั่งดูเขาดื่มจนเลิก ฉันก็เบื่อเป็นเหมือนกัน ส่วนจะให้ฉันคุยกับพี่คิมรอก็ไม่ได้ เพราะหลังจากที่ฉันส่งคุณนิกเสร็จแล้วโทรหาพี่คิม คำตอบที่ได้ก็คือ พี่คิมไปสัมมนาต่างจังหวัดนั่นเอง และฉันก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
“แล้วแฟนเธอไม่ว่าหรอที่ออกมาแบบนี้” พอเหล้าเริ่มเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น เขาก็ถามคำถามที่ถามตั้งแต่เจอหน้าฉันออกมาอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ” ฉันก็ตอบกลับอย่างเนือยๆกับอาการของเขา
“ดีจังเลยนะ ถ้าเป็นแฟนฉัน ฉันคงไม่ให้มาแบบนี้” แล้วเขาก็พูดออกมาทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขา
“คุณมีแฟนหรอ” จะว่าฉันประชดก็ได้ แต่ก็ถามนั่นแหละ ว่าเขาไปแอบมีแฟนลับหลังฉันหรือเปล่า เผื่อว่าวันหนึ่งข่าวหลุดออกมา ฉันจะได้ตั้งรับทัน
“เธอก็อยู่กับฉันตลอดไหม” เขาว่าออกมา
“.....” ฉันไหวไหล่ออกไปอย่างเข้าใจความหมายของเขา คำตอบก็คงจะหมายถึงไม่มี แต่แค่พูดว่าถ้ามีเฉยๆประมาณนั้น
“เธอคิดว่า คนอย่างฉันจะมีใครรักไหม” แล้วอยู่ๆเขาก็ถามคำถามแปลกๆออกมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ
“ไม่รู้ค่ะ” ก็คนไม่รู้นี่ ตัวของเขาเองเขายังไม่มั่นใจ แล้วฉันจะตอบแทนได้ยังไง
“ยายผู้หญิงหน้าตาย!” แล้วเขาก็ว่าฉันออกมาอย่างที่ชอบว่าเวลาไม่ได้ดั่งใจ
“.....” ฉันได้แต่ถอนหายใจเงียบๆไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป แล้วนั่งจิบเหล้าตัวเองไปทีละนิดพรางๆ
“แล้วเธอคิดว่า อย่างฉันจะทำให้อัญญาสนใจได้บ้างไหม” แล้วเขาก็ถามออกมาอีกครั้ง นี่อย่าบอกนะว่าการมากินเหล้าแล้วดูเหมือนกับมีอะไรให้คิดคือเรื่องนี้ นี่เขาจริงจังกับอัญญาขนาดนั้นเลยหรอ
“ถ้าอยากรู้ คุณก็ไปถามเธอสิคะ” มาถามฉันจะตอบได้ยังไง ฉันไม่ใช่อัญญาสักหน่อย
“ก็ตอบแบบมุมมองของเธอไง เธอนี่แม่ง!” แล้วเขาก็ทำท่าทางหงุดหงิดออกมา
และใช่ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากฉันกับพี่โฟน(ไม่รวมคนในครอบครัวเขา) ว่าเวลาเขาเมานะ งี่เง่าเหมือนเด็กน้อยมาก มากแบบมากๆเลยแหละ เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ แต่เอาจริงๆเขามีนิสัยที่เป็นเด็กน้อยอยู่มากนะ แต่เขาจะแสดงออกเวลาอยู่กับฉันและพี่โฟนนี่ และแสดงออกมาเวลาไม่ได้ดั่งใจหรือมีใครขัดใจเขามากๆ
“งั้นฉันถามใหม่ ถ้าฉันจีบเธอ เธอจะคบกับฉันไหม” เขาเปลี่ยนคำถามแล้วถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบอีกครั้ง ฉันก็มองหน้าเขานิ่งๆเพื่อพิจารณาชัดๆ
คุณนิกเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ทั้งฐานะ ความรู้ ความสามารถ และการวางตัวในที่สาธารณะของเขา เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์คนหนึ่งเลย
แต่สำหรับฉันที่อยู่กับเขาเกือบตลอดเวลา ได้เห็นตัวตนของเขามากกว่าครึ่งจากที่คนอื่นได้เห็นไปนั้น ตอบได้คำเดียวว่า...
“ไม่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปตามตรง ถึงแม้ว่าเขาจะจัดอยู่ในกลุ่มผู้ชายเพอร์เฟกต์ แต่สำหรับฉัน ฉันชอบแบบโตๆ มีความเป็นผู้ใหญ่
“เธอมันตาถั่ว!” อ้าว พอไม่ได้คำตอบอย่างที่ตัวเองคิดกลับมาว่าฉันตาถั่วซะงั้น
“ฉันไปเข้าห้องน้ำนะคะ” ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขาเลยนั่งเฉยๆ จนเริ่มรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยบอกเขาออกไป คุณนิกก็พยักหน้าให้ฉันอย่างรับรู้ ฉันเลยลุกออกไปทำธุระส่วนตัว
“สวัสดีครับ” แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาดักหน้าฉันหลังจากฉันออกจากห้องน้ำได้นิดหน่อย
“.....” ฉันไม่ตอบ แต่เลือกจะเลี่ยงไปอีกทาง ซึ่งเขาก็มาขวางไว้
“ผมไดม่อนครับ”
“ค่ะ” ฉันไม่ได้อยากรู้จัก แต่ตอบรับให้จบๆก็เท่านั้น
“แล้วคุณ...”
“ขอทางค่ะ” ฉันไม่ตอบในสิ่งที่เขาถาม แต่เลือกจะพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไป
“ผมอยากรู้จักคุณนะครับ” ถึงแม้ว่าท่าทางไม่ได้ดูมีพิษภัย แต่มันก็อาจจะเป็นแค่ภายนอกก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าข้างในใจคิดอะไรอยู่
“เตยหอมค่ะ” ฉันบอกให้จบๆไป อย่างน้อยก็คงได้เจอกันแค่วันนี้
“เป็นเกียรติดื่มกับผมสักแก้วไหมครับ” เขาพูดพร้อมกับยื่นแก้วในมือที่เขาถืออยู่สองแก้วมาให้ฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันไม่อยากรับของจากคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้า ยิ่งเป็นสถานที่แบบนี้ด้วย
“คุณ รังเกียจผม?” เขาเลิกคิ้วถามออกมา
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“ถ้าไม่ทำความรู้จัก จะสนิทได้ยังไงครับ” เขาพูดแล้วขยับยื่นแก้วมาใกล้ฉันอีกครั้ง
“.....” ฉันไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ
“ดูคุณรำคาญนะครับ แต่ขอแค่แก้วเดียว แล้วผมจะไป” เขาพูดแล้วส่งแก้วมาให้ฉันอีกครั้ง และตอนนี้ฉันเบื่อมาก
หมับ อึก อึก ฉันคว้าแก้วนั้นมาแล้วกระดกลงปากก่อนจะส่งแก้วคืนเขาก่อนจะเดินออกมาทันที ซึ่งเขาก็รักษาคำพูดของเขาที่ไม่ยุ่งกับฉัน