ด้านคีรินก็ที่ก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจก็รู้สึกจุกและเจ็บใจมากที่ภรรยาที่เขารักนั้นแอบนอกใจเขาไปเป็นชู้กับแฟนเก่าของเธอ แถมเธอยังหลอกลวงและหักหลังเขา ไหนจะเรื่องลูกอีกตอนนี้เขาแทบไม่เหลืออะไรให้หวังในชีวิตครอบครัวกับแพรไหมอีกแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะทำลายมันลงอย่างไม่เหลือชิ้นดีแบบนี้
“ที่ผ่านมาฉันรักและซื่อสัตย์กับไหมเขามาตลอด ไม่เคยทำตัวเจ้าชู้ให้เขาต้องเสียใจเลย แต่ไหมเขากลับตอบแทนความรักของฉันแบบนี้เหรอวะ..จิตใจเขาทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้เลวแบบนี้วะ…ฉันแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ไปได้ยังไงกัน…” คีรินพูดออกไปไปอย่างแค้นใจจนเขากำหมัดแน่นเลย เพราะตอนนี้เหมือนเขาได้รู้ฐานแท้ของแพรไหมเลยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเห็น
“ก็แกคบกับคุณไหมเขาแค่ปีเดียวเอง แกก็แต่งงานกับเขาแล้วนิวะ แกยังไม่ทันได้ศึกษาเขาให้ดีเลย แต่ตอนนี้มันก็ไม่สายไปนิวะ อย่างน้อยแกก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักแกจริงๆ แล้วแกจะทำยังไงต่อไปวะคีริน” เนวินพูดไปแบบนั้นเพราะเขาเคยบอกเพื่อนก่อนจะแต่งงานแล้วว่าให้คิดดีๆ แต่มันก็บอกว่าแพรไหมนี่แหละคือคนที่ใช่ที่เหมาะจะเป็นเมียและแม่ของลูกมันแล้ว แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายก็เจอเต็มๆตอเลย สิ่งที่วาดฝันไว้มันก็พังทลายลงหมด เขาจึงเอ่ยถามต่อว่าเพื่อนของเขาจะเอายังไงต่อไป
“ฉันจะตรวจดีเอ็นเอของเคนโซ่อีกครั้ง….ถ้าเคนโซ่เป็นลูกของฉัน ฉันก็จะเลี้ยงลูกเอง แต่ถ้าเคนโซ่เป็นลูกของไอ้ชู้นั่น แกคิดว่าฉันจะปล่อยไหมให้ไปมีความสุขกับไอ้ภัคพลนั่นง่ายๆเหรอวะ…ฉันจะแก้แค้นให้สาสมกับที่ไหมกับไอ้นั่นมันทำกับฉันเอาไว้เลย….”คีรินเอามือเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วพูดบอกไปเพราะเขาอยากจะตรวจเลือดให้ชัดเจน เพราะบางทีเส้นผมที่เพื่อนของเขาได้ไปมันอาจจะสลับกันก็ได้ คีรินคิดไปอย่างมีหวัง ก่อนจะพูดไปถึงแพรไหมและภัคพลที่เขาจะไม่ปล่อยให้สองคนนี้มีความสุขบนความทุกข์ของเขาแน่ๆ
“แกจะแก้แค้นอะไรพวกเขาวะคีริน…” เนวินเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าอยากรู้ เพราะตอนนี้สีหน้าของเพื่อนหนุ่มดูโกรธแค้นเอามากๆ
“ไหมเขาทำกับฉันยังไงฉันก็จะทำแบบนั้นกับเขานั่นแหละ…ฉันจะไม่ยอมหย่าให้ไหมไปเสวยสุขกับไอ้นั่นหรอก ฉันจะทรมานให้ไหมกับมันได้รู้ว่าการที่มาสวมเขาให้ฉันมันต้องเจอกับอะไร…และฉันจะใช้คนใกล้ตัวของไหมเขานั่นแหละ เขาจะได้รู้ว่าการที่โดนคนที่รักหักหลังมันเป็นยังไง....” คีรินพูดด้วยเสียงเข้มอย่างจริงจัง แล้วเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะทำยังไงในการแก้แค้นแพรไหม
“แกจะใช้ใครวะคีริน…” เนวินเอ่ยถามแล้วมองเพื่อนหนุ่มที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างอยากรู้ เพราะคนใกล้ตัวแพรไหมที่คีรินพูดถึงน่ะมันหมายถึงใคร
“ก็เพื่อนสนิทของไหมเขาไง…ทัดดาว…เขาเคยชอบฉันมาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าฉันจะเป็นชู้กับเขาเพื่อแก้แค้นไหม…” คีรินพูดบอกไปเพราะทัดดาวนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับแพรไหมเลย ถ้าเขาเป็นชู้กับทัดดาว แพรก็คงจะต้องเจ็บใจไม่มากก็น้อยล่ะ
“เฮ้อ…ฉันไม่อยากจะให้แกทำแบบนี้เลยว่ะ คุณทัดดาวเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะไอ้คีริน…แกอย่าดึงเขาเข้ามาเลยว่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณไหมเขาเลยนะ…เขากับคุณไหมสนิทกันมาเป็นสิบๆปีแกจะไปทำลายความสัมพันธ์ของเขาทำไมวะ….” เนวินที่พอจะรู้จักทัดดาวก็เอ่ยพูดบอกไป เพราะนั่นมันเพื่อนสนิทของแพรไหมเลยนะ และถ้าเพื่อนเขาทำแบบที่พูดจริงๆเขาว่ามันทำได้แน่ เพราะทัดดาวก็เคยมีใจให้เพื่อนของเขามาก่อน
“คนอย่างไหมไม่สมควรจะเจอมิตรภาพดีๆจากใครหรอก…แกรอดูก็แล้วกันเนวิน..ถ้าผลตรวจเลือดของฉันกับเคนโซ่ออกมาไม่ตรงกัน ฉันทำแบบที่ฉันพูดตอนนี้จริงๆแน่...” คีรินพูดบอกไปแบบมาดมั่น เพราะเธอสวมเขาให้เขา เขาก็จะสวมเขาให้เธอ และเขาจะทำให้เธอเจ็บและเสียใจยิ่งกว่าที่เขาเจอ
เนวินมองเพื่อนหนุ่มไปก็ถอนหายใจออกมาทันที เพราะคีรินเป็นคนที่ถ้าตัดสินใจอะไรแล้วมันก็จะทำแบบนั้น และเขาก็ไม่สามารถห้ามมันได้ ขนาดมันแต่งงานเขายังห้ามไม่ได้แล้วนี่มันจะแก้แค้นเขาจะห้ามอะไรได้ เขาก็คงทำได้แต่เป็นที่ปรึกษาและคอยเตือนสติเพื่อนหนุ่มเท่านั้น เขาก็หวังว่าคีรินมันจะไม่ทำไปเกินกว่าเหตุไปมากกว่าที่มันคิดนี่ก็แล้วกัน…
จากนั้นไม่นานคีรินก็ชวนเนวินนั้นไปที่บ้านของเขาเพื่อไปรับเคนโซ่นั้นออกมาตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ซึ่งวันนี้แพรไหมออกไปตรวจงานที่ร้านจิวเวอร์รี่ของเธอพอดีทำให้เคนโซ่นั้นอยู่กับพี่เลี้ยง เขาก็เลยใช้โอกาสนี้เพื่อเอาลูกออกมาตรวจซะเลย
“หวังว่าผลตรวจจะออกมาว่าลูกเป็นลูกของพ่อนะเคนโซ่…” คีรินเอามือลูบที่หน้าท้องของลูกชายที่อยู่ในรถเข็นอย่างรักใคร่ หลังจากที่เขานั้นพาลูกไปตรวจเลือดมาแล้วและเขาก็กำลังทำให้ลูกชายนั้นหลับไปได้ จากที่ร้องไห้โยเยเพราะถูกเข็มเจาะเลือดไปตรวจเมื่อกี้ เขาก็ไม่ได้ให้ลูกต้องเจ็บตัว แต่มันเป็นสิ่งที่เขาเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
เนวินที่มองเพื่อนหนุ่มพูดกับลูกชายแบบนั้นแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างสงสาร เพราะตอนนี้เขาพึ่งมาสังเกตได้ว่าเด็กคนนี้หน้าตาออกไปทางตี๋ๆไม่ค่อยจะเหมือนเพื่อนของเขาเลย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะคีรินนั้นมันยังคงมีความหวังว่าเคนโซ่จะเป็นลูกของมัน เขาก็ไม่อยากจะไปพูดบั่นทอนจิตใจของเพื่อนหนุ่ม
“แล้วนี่แกจะพาลูกกลับบ้านเลยหรือเปล่าวะ พอดีวันนี้ฉันมีนัดประชุมต่อว่ะ ฉันคงไปกับแกต่อไม่ได้แล้วนะโว้ย…” เนวินเอ่ยถามไปเพราะเดี๋ยวเขาต้องไปเข้าประชุมเพื่อเตรียมตัวที่จะทำงานสำคัญในคืนพรุ่งนี้
“อืม แกกลับไปทำงานต่อเถอะว่ะ ฉันขอบใจแกมากนะไอ้เนที่มาเป็นเพื่อนฉันแล้วก็ยังช่วยฉันสืบจนรู้ความจริงน่ะ ขอบใจว่ะ..” คีรินหันไปตอบเพื่อนหนุ่มแล้วก็เข้าไปกอดอย่างขอบคุณที่มันช่วยเปิดหูเปิดตาให้เขาได้พบกับความจริง
“เออ มีอะไรก็โทรมานะ ฉันไปล่ะ…” เนวินกอดตอบแล้วก็เอามือตบหลังเพื่อนหนุ่มเบาๆแล้วเขาก็ถอนกอดออกแล้วยิ้มให้เพื่อนหนุ่มไป จากนั้นเขาก็เดินออกไปแบบเร่งรีบ
“ลุงเนไปแล้ว ทีนี้เราสองคนก็กลับบ้านกันนะครับคนเก่ง…” คีรินมองเพื่อนหนุ่มเดินออกไปแล้วเขาก็หันมาพูดกับลูกชายที่นอนหลับอยู่แล้วก็เข็นรถเข็นเด็กออกจากโรงพยาบาลแล้วขึ้นรถตู้ของที่บ้านที่มาจอดรอรับเขาและลูกกลับบ้าน
หนึ่งชั่วโมงต่อ ณ บ้านของคีริน….เวลาหกโมงเย็น
“คุณคีริน คุณพาลูกไปไหนมาคะ ทำไมไม่เห็นคุณโทรบอกฉันเลยคะ” แพรไหมเห็นคีรินอุ้มลูกเข้ามาในบ้านก็รีบลุกไปหาแล้วเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าดุๆที่เขาไม่บอกเธอ
“ก็คุณออกไปที่ร้านไม่ใช่เหรอ พอดีวันนี้ผมว่างน่ะก็เลยมารับลูกออกไปข้างนอกกับเนวินมันน่ะ…ทำไมเหรอ ผมจะพาลูกไปไหนต้องบอกคุณก่อนหรือไง เคนโซ่ก็ลูกของผมเหมือนกันนะ” คีรินพูดบอกไปด้วยเสียงเข้มพร้อมกับหน้าตาที่มองเธอแบบไม่อ่อนโยนแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป
“คะ…อ่อ เปล่าค่ะ ที่ฉันพูดก็เพราะว่าฉันเป็นห่วงก็เท่านั้นเองค่ะ เมื่อวานคุณบอกว่าคุณไม่ค่อยสบายไม่ใช่เหรอคะ ฉันแค่กลัวลูกจะติดหวัดจากคุณน่ะค่ะ คุณพาลูกออกไปข้างนอกมาคงจะเหนื่อย ไปนั่งพักก่อนสิคะ…เดี๋ยวฉันดูลูกต่อเองค่ะ…” แพรไหมเห็นคีรอนตอบเธอด้วยเสียงห้วนๆแล้วทำหน้าตึงใส่เธอแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจทันที เพราะปกติเขาไม่ได้ทำท่าทีแบบนี้กับเธอเลย เธอจึงพูดบอกไป
“อืม…” คีรินพยักหน้าตอบไปก็ส่งเคนโซ่ให้แพรไหมอุ้มต่อ แล้วเขาก็เดินไปทางห้องนอนรับแขกที่เขาพักเมื่อคืนทันที เพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะเจอหรือพูดคุยอะไรกับเธอเลย ยิ่งเขาเห็นหน้าเธอเขาก็ยิ่งเจ็บใจกับสิ่งที่เธอนั้นทำกับเขา
“เป็นอะไรของเขานะทำไมต้องทำท่าทางเหมือนโกรธเราด้วย เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนิ” แพรไหมพูดออกมาด้วยสีหน้างงๆ ก่อนจะมองตามคีรินไปอย่างไม่เข้าใจเขาเลย แพรไหมคิดไปก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สนใจอะไร เพราะเขางอนเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ก็ปล่อยให้เขาหายงอนเอาเองก็แล้วกัน
จากนั้นแพรไหมก็อุ้มลูกของเธอไปนั่งเล่นในห้องอย่างคิดถึง เพราะวันนี้เธอออกไปทำงานมาจึงไม่ได้เล่นกับลูกเท่าไหร่ เธอจึงหยอกเย้ากับลูกชายไปแบบมีความสุข
สองวันผ่านไป…
ข่าวที่เนวินจับแรงงานลักลอบเข้ามาในไทยได้เกือบสี่สิบคนจากการที่หลบซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ก็กลายเป็นข่าวดัง ทำให้สื่อนั้นให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนวินนั้นได้ออกหมายจับนายตำตรวจชั้นผู้ใหญ่ด้วย เพราะมีหลักฐานสาวไปถึงตัวนายตำรวจคนนี้
“นายตำรวจคนนี้เก่งทีเดียว ที่จัดการไปถึงต้นตออย่างไอ้หน้าประจวดนี่ได้ ต่อไปเราก็ไม่ต้องโดนพวกมันรีดไถ่อีกแล้ว ดีจริงๆ…” ไกรศรอ่านข่าวแล้วยิ้มออกมาก่อนจะพูดไปด้วยเสียงมีความสุขเลยทีเดียว
“หมดคนนี้แล้วก็ต้องมีคนใหม่มานั่นแหละค่ะคุณ…อิทธิพลพวกนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไปไม่ถึงหัวหน้าหรอก อย่างมาก็เป็นพวกลูกน้องคอยเป็นแพะรับบาปให้…” กุลมาศพูดเสริมใส่สามีของเธอไปอย่างรู้ว่าเดี๋ยวอีกสักพักมันก็ต้องมีคนใหม่มา
“มันก็จริง แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ช่วงนึงมันก็ดีไม่ใช่เหรอ เฮ้อ…ผมล่ะอยากจะได้ลูกเขยเป็นตำตรวจเก่งๆแบบนี้จริงๆเลย จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยกับเรื่องรีดไถพวกนี้จากท่าเรืออีก” ไกรศรพูดออกไปแล้วมองไปที่ลูกสาวของเขาที่นั่งทานข้าวเช้าอยู่ด้วยรอยยิ้มทันที
“อย่ามามองหนูแบบนั้นนะคะคุณพ่อ…หนูไม่ชอบตำตรวจค่ะ…” อังคณาเงยหน้ามองพ่อของเธอแล้วพูดตอบไปแบบชัดเจน
“พ่อก็เห็นลูกก็ไม่ชอบผู้ชายคนไหนสักคนอ่ะ…นี่อายุอนามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบแล้ว ลองศึกษาดูใจกับใครสักคนเถอะ เนี่ยๆ ถ้าจะมีนะ ดูอย่างตำรวจคนนี้ไว้เนี่ย ดูสิ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ แถมยังเป็นตำรวจน้ำดีอีก ถ้าจะมีแฟนก็มีให้ได้แบบนี้นะลูกพ่อ” ไกรศรพูดออกไปแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ลูกสาวไปแบบขอร้อง
“ไม่เอาค่ะ หนูบอกว่าหนูไม่ชอบตำรวจ และจะไม่มีวันชอบด้วยค่ะ” อังคณาพูดออกไปแบบมาดมั่น เพราะตั้งแต่ที่เพื่อนสาวเธอเล่าให้ฟังว่าเธอนั้นไปจูบกับตำรวจตอนที่ไปดื่มเมื่อหลายเดือนก่อนนู้น เธอก็รู้สึกไม่ชอบตำรวจยังไงไม่รู้ เห็นแล้วเธอก็กลัวจะเจอกับคนที่เธอไปจูบด้วยจริงๆ แต่เธอเมามากก็เลยจำไม่ได้
“เออๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ งั้นก็หาไอ้คนที่ชอบๆแล้วเอามาทำสามีแล้วรีบมีหลานให้พ่อสักทีเถอะ พ่อมีลูกคนเดียวนะเนย พ่อก็แค่อยากจะให้ลูกมีคนดูแลก็เท่านั้น” ไกรศรพูดไปก็เริ่มเข้าโหมดซึ้งห่วงใยลูกสาว
“หนูรู้แล้วค่ะพ่อ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาค่ะ หนูยังไม่เจอใครที่รู้สึกว่าใช่เลย เดี๋ยวถ้าหนูเจอวันไหนหนูจะพามาให้พ่อรู้จักนะคะ หนูสัญญาว่าไม่เกินอายุสามสิบแน่นอนค่ะ” อังคณาพูดบอกไปแล้วทำมือให้สัญญากับพ่อของเธอไป เพราะอย่างน้อยมันก็เหลืออีกตั้งสองปีเชียวนะ
“โอเค ตามนั้นเลยลูกพ่อ พ่อจะรอเจอคนที่ใช่ของลูกนะ ฮ่าๆ…แต่ก่อนที่ลูกจะเจอคนที่ใช่ พ่อวานลูกเอาหลักฐานนี่ไปให้ผู้กองที่เป็นข่าวคนนี้ที และอย่าให้ผ่านคนอื่น ต้องให้เขาคนเดียวเท่านั้นนะ” ไกรศรพูดตอบไปแบบชอบใจที่ลูกสาวรับปากเขาแล้ว ก่อนจะเอาซองเอกสารให้กับลูกสาวไป
“หลักฐานอะไรคะคุณพ่อ มันสำคัญถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” อังคณาเอ่ยถามออกไป เพราะถ้ามันเสี่ยงต่อครอบครัวของเธอ เธอไม่เอาไปให้เด็ดขาด
“ก็แค่บัญชีการโอนและภาพที่ตำรวจคนที่ถูกจับไปน่ะเขามารีดไถพ่อเราน่ะสิ พ่อของลูกเก็บหลักฐานเอาไว้เอาผิดเขามานานแล้ว ตอนนี้มันคงจะมีประโยชน์กับรูปคดีมากขึ้น แต่พ่อแม่ออกหน้าไม่ได้ ลูกก็เอาไปแทนก็แล้วกันนะ” กุลมาศพูดไปเพราะไม่ค่อยมีใครรู้จักลูกสาวของเขา เนื่องจากอังคณานั้นค่อนข้างจะไม่ชอบออกสื่อหรืองานสังคม แต่ชอบออกเที่ยวตามคลับและร้านเหล้ามากกว่า
“ก็ได้ค่ะ….” อังคณาพูดบอกไปแบบจำยอม ในเมื่อพวกท่านไปด้วยตัวเองไม่ได้เธอก็ต้องไปแทนไหมล่ะ เรื่องสำคัญแบบนี้ให้คนอื่นไปแทนก็คงไม่ได้
“ถ้าผู้กองคนนี้เขาโสดก็ดูไว้นะลูก พ่อชอบลูกเขยเก่งๆแบบนี้แหละ หึๆ” ไกรศรเห็นลูกสาวตอบรับแล้วเขาก็พูดเสริมออกไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มเลยทีเดียว
“หนูจะไม่ไปก็เพราะพ่อพูดแบบนี้แหละค่ะ เฮ้อ…” อังคณาพูดไปแล้วมองค้อนใส่พ่อของเธอไป เพราะดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะคะยั้นคะยอให้เธอมีแฟนซะเหลือเกิน แต่จะเป็นใครก็ได้ แต่เธอไม่สนใจผู้ชายที่เป็นตำรวจเด็ดขาด
ณ บริษัทของคีริน…
“ขออนุญาตค่ะคุณคีริน ดิฉันไปเอาเอกสารที่โรงพยาบาลมาให้คุณคีรินเรียบร้อยแล้วค่ะ” เอมอรเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มแล้วก็เดินเข้ามา พร้อมกับซองเอกสารสีขาวที่คีรินนั้นวานให้เธอไปรับที่โรงพยาบาล
“อ่อ ขอบคุณ…คุณออกไปแล้ว….” คีรินรับเอกสารมาแล้วเขาก็เอ่ยขอบคุณเลขาของเขาไป จากนั้นเขาก็มองเอกสารในมือด้วยสีหน้าเครียดๆ
“อ่อค่ะ…” เอมอรมองหน้าเจ้านายก็รู้สึกได้ว่าเขามีความกังวลใจแต่เธอก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย เธอจึงเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาแต่โดยดี
“เฮ้อ…ผลออกแล้วสินะ…ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้….” คีรินพูดกับตัวเองแล้วเขาก็เอามือฉีกซองจดหมายนั้นออกมาแล้วเขาก็ดึงเอกสารที่แนบมาด้านในออกมา ก่อนจะคลี่ดูแล้วเขาก็ตั้งใจอ่านข้อมูลในเอกสารอย่างตั้งใจ
“จากผลตรวจเลือดข้างต้นของนายคีริน อัจชนะสร และเด็กชายภาคินัย อัจชนะสร ไม่มีความเป็นเกี่ยวข้องเป็นพ่อลูกกันทางพันธกรรม…” คีรินอ่านออกไปด้วยเสียงสั่น ก่อนจะวางเอกสารลงด้วยสีหน้าหมดอาลัยอทันที เพราะผลเลือดออกมาก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่าเคนโซ่ไม่ใช่ลูกชายของเขา
“ไหม..นี่คุณเอาลูกชู้มาหลอกว่าเป็นลูกของผมจริงๆเหรอ คุณหลอกแบบนี้ได้ยังไงกัน…คุณมาหลอกให้ผมรักลูกของคุณกับชู้ทำไม…โธ่โว้ย….” คีรินพูดออกไปอย่างเสียใจที่เคนโซ่ไม่ใช่ลูกของเขา ไม่ว่าจะตรวจกี่รอบเขาก็คงจะเปลี่ยนความจริงไปไม่ได้ เขารักและผูกพันกับเคนโซ่มาก ทำไมไม่เป็นลูกของเขา ทำไมต้องเป็นลูกของไอ้ชู้นั่นด้วย คีรินคิดในใจไปด้วยคำถามที่ว่าทำไมอยู่ตลอดเวลา
“ผมจะทำให้คุณเจ็บยิ่งกว่าผมตอนนี้….เพล้ง…” คีรินพูดไปเสียงดังแล้วเอามือปาดรูปของเขาและแพรไหมที่ถ่ายกับลูกนั้นทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่อยากจะทนเห็นอีกแล้ว เพราะเมียก็ไม่ใช่แค่เมียของเขาคนเดียว ลูกที่คิดว่าเป็นลูกของตัวเองก็ยังไม่ใช่อีก
“ชีวิตแต่งงานบ้าอะไรวะ โคตรบัดซบเลยแม่ง…” คีรินพูดออกไปอย่างหัวเสียเลยทีเดียว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโยนรูปที่ถ่ายคู่กับแพรไหมปาทิ้งไปอีกอย่างโมโห เพราะเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการระบายออกไปแบบนี้อีกแล้ว
จากนั้นคีรินก็นั่งลงที่เก้าอี้...แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกดโทรหาทัดดาวเพื่อนสนิทของแพรไหมทันที เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอรู้ว่าเขาเป็นชู้กับเพื่อนสนิทของเธอเอง เธอจะรู้สึกยังไง…คีรินคิดไปก็ไม่รีรอที่จะเริ่มแก้แค้นแพรไหมด้วยวีธีเดียวกับเธอ แต่ต่างกันที่เขาใช้คนที่เธอสนิทด้วยก็เท่านั้น แล้วมาดูกันว่างานนี้ เธอจะยังมีความสุขกับการที่สวมเขาให้เขาอยู่อีกไหม
ณ เล้าน์สุดหรูในโรงแรมชื่อดัง…
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีรถมันติดน่ะค่ะ…คุณคีรินนัดดาวมามีเรื่องอะไรจะคุยกับดาวเหรอคะ” ทัดดาวเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้กตรงข้ามกับคีรินแล้วก็เอ่ยพูดบอกไป พร้อมกับมองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆอย่างดีใจที่ได้เจอเขาแบบนี้
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมเห็นคุณดาวเป็นเพื่อนกับไหมเขามานานแล้ว ผมก็เลยอยากจะรู้ว่าคุณดาวรู้จักผู้ชายที่ชื่อภัคพลไหมครับ…ผมอยากจะรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับไหม…” คีรินพูดบอกไปตรงๆอย่างอยากรู้ว่าทัดดาวจะตอบเขายังไง เพราะเธอเป็นเพื่อนกับแพรไหมมานานและเธอก็ทำให้เขาได้รู้จักกับแพรไหม เขาจึงคิดว่าเธอก็น่าจะรู้เรื่องราวก่อนที่แพรไหมจะมาคบกับเขา
“อ่อ…ทำไมคุณคีรินถึงอยากจะรู้ล่ะคะ…” ทัดดาวทำหน้าแปลกใจออกมาแล้วเอ่ยถามเขาว่าเขาอยากจะรู้ไปทำไมกัน เพราะเธอจะได้รู้ว่าเธอควรจะพูดไหม…
“ผู้ชายคนนี้เป็นชู้กับไหม…ผมก็เลยอยากจะรู้จักเขามากกว่านี้ คุณดาวเป็นเพื่อนของไหมนิครับ ไหมเขาก็คงจะพาผู้ชายคนนี้มาเจอคุณดาวบ้างใช่ไหมครับ…” คีรินพูดออกไปแล้วมองทัดดาวแบบจดจ้องเลย พร้อมกับดูท่าทีของเธอที่รู้เรื่องนี้
“ห้ะ…อะไรนะคะ…ไหมเป็นชู้กับภามเหรอคะ…แต่เขาสองคนเลิกรากันไปนานหลายปีแล้วนะคะ แล้วภามเขาก็อยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอคะ เขาจะเป็นชู้กับไหมได้ยังไงคะ คุณคีรินเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” ทัดดาวได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตกใจทันทีที่คีรินบอกว่าแพรไหมมีชู้ และคนนั้นก็ยังเป็นภัคพลอดีตแฟนหนุ่มอีก เธอไม่เคยได้ยินแพรไหมพูดถึงภัคพลมาก่อนเลย ตั้งแต่ที่ทั้งสองเลิกรากันไป
“นายภัคพลอะไรนี่กลับไทยมาเกือบปีแล้ว…และเขาก็กำลังทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของครอบครัวอยู่ ผมก็เคยเจอตัวจริงเขามาแล้ว แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะมาเป็นชู้กับไหมเขาก็เท่านั้นเอง นี่ไหมเขาไม่ได้เล่าอะไรให้คุณฟังจริงๆเหรอครับคุณดาว…”คีรินพูดไปก็มองหน้าทัดดาวไป
“ไหมเขาไม่เคยพูดเรื่องของภามให้ดาวฟังเลยค่ะ ดาวก็พึ่งมารู้จากคุณคีรินนี่แหละค่ะ แล้วนี่คุณคีรินคุยกับไหมเรื่องนี้หรือยังคะ” ทัดดาวเอ่ยถามเขาไปด้วยสีหน้าเป็นห่วงความรู้สึกของเขา แพรไหมไม่น่าทำแบบนี้เลย เธออุตส่าห์ยอมหลีกทางให้ แต่ไม่คิดเลยว่าเพื่อนสาวจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับคีรินได้ลงคอ
“ยังครับ ผมพึ่งรู้เมื่อหลายวันก่อน และผมก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับไหมเขาตอนนี้ด้วย ผมตั้งใจที่จะมีครอบครัวกับเขา ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบแทนความรักที่ผมให้เขาไปแบบนี้ ถ้าตอนนี้ผมเลือกที่จะออกเดทกับคุณ บางทีเรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับผมก็ได้…” คีรินพูดออกไปแล้วมองไปที่ทัดดาวอย่างลองเชิงเธอว่าเธอจะตอบเขาว่ายังไง เพราะถ้าเธอปฎิเสธเธอก็เป็นเพื่อนที่ดีของแพรไหมเลย แต่ถ้าเธอไม่ปฎิเสธเธอก็ไม่ใช่เพื่อนที่ดีเท่าไหร่ ก็ถือว่าเขาช่วยแพรไหมคัดเพื่อนไปไม่ดีออกไปจากชีวิตก็แล้วกัน