Devil monster Pee x Puifai 09
“เดี๋ยวกลับตอนสายๆครับ”
“หลับอยู่ครับ ครับ”
ฉันลืมตาโพรงผุดลุกนั่งอย่างตกใจเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผ้าห่มทำท่าจะล่นลงไปกองที่เอวฉันเลยคว้าเข้ามาแล้วกอดแนบอก ทำไมรู้สึกมึนๆหัวกันนะ ฉันสอดสายตาไปทั่วก่อนจะเจอชุดตัวเองวางอยู่ปลายเตียง พอกำลังจะขยับไปเอาชุดก็มีเสียงเข้มๆดังขึ้นซะก่อน
“ไปอาบน้ำก่อน คนกำลังเอาชุดมาให้” เจ้าของเสียงยืนพิงโต๊ะมองฉันด้วยแววตาระยิบระยับ ฉันมองหน้าเขานิ่งๆก่อนจะคว้าชุดที่อยู่ปลายเตียงมาสวม ฉันก้าวลงจากเตียงอีกครั้งตั้งใจจะเดินออกจากห้องบ้าๆนั่นแต่ร่างก็ลอยจากพื้นแล้วถูกพาไปยังห้องน้ำ คนนิสัยเสียกระชากชุดฉันจนขาดวิ่นไปหมด
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาจะไม่ไปให้นายเห็นหน้าอีก” ฉันทรุดนั่งลงพื้นยกมือไหว้เขาพรางร้องไห้อย่างน่าสมเพช ฉันไม่อยากกลับอยู่อยู่สถานการณ์แบบนั้นแล้วไม่อยากเจ็บไม่อยากถูกมองเป็นยัยโง่แบบนั้นอีกแล้ว
“พี่รู้พี่ผิด พี่จะแก้ตัวสำหรับทุกอย่าง”
“ไม่ๆๆ ไม่เอาอะไรทั้งนั้นอย่า อย่ายุ่งกับฉันเลยนะขอร้องล่ะ” ฉันร้องขอไปไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา
“ฝ้ายๆ ฟังพี่”
ฝ่ามือร้อนประคองใบหน้าที่อาบน้ำตาฉันไว้ก่อนจะโน้มลงมาใกล้จนหน้าผากชิดกัน ฉันส่ายหน้าปฏิเสธการกระทำของเขาก่อนจะผลักเขาออกห่าง ร่างสูงล้มลงไปบนพื้น สายตาที่เขามองมามันดูเจ็บปวดมากจริงๆ
“ออกไปเถอะ ฉันจัดการตัวเองได้”
“ฝ้าย...”
“ออกไป!”
“...”
“ถ้ามีอะไรเรียกพี่นะ พี่รออยู่ข้างนอก”
หลังจากประตูปิดลงฉันก็ร้องไห้ออกมาอย่าเสียใจ ฉันนี่มันโง่งี่เง่าเกินไปแล้วจริงๆรู้ทั้งรู้ว่ากลับมาจะเจออะไรแม้จะคอยบอกคอยเตือนตัวเองแต่ใจมันก็แพ้ให้กับเขาอยู่ดี ฉันเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่สุด!!
“ฝ้ายอาบน้ำนานเกินไปแล้วนะ”
เสียงตะโกนอยู่หน้าห้องน้ำทำให้ฉันเลิกร้องไห้แล้วจัดการอาบน้ำฉันสวมเสื้อคลุมออกมา เขายื่นสุดเดรสสีน้ำเงินเข้มมาให้ฉันรวมชั้นใน ฉันรับมาเงียบๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปแต่งตัว พอเดินออกมาคนที่อยู่ข้างนอกก็สวมสุดเรียบร้อยเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มปลายแขนเสื้อมีแถบสีดำคาดอยู่บวกกับกางเกงยีนสีเข้ม หึ ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงเขาก็ยังดูดีสินะ
“เรากลับบ้านกันก่อนนะ ไปรับเด็กๆแล้วเราค่อยไปทานข้าวด้วยกัน”
“...”
“บ่ายๆต้องไปร้านไอ้เซกะด้วยนี่ใช่ไหม?”
“...”
“เราหิวหรือเปล่า”
ไม่ว่าเขาจะเพียรถามหรือชวนคุยฉันก็ได้แต่นั่งเงียบไม่คุยไม่ตอบเขาพอถึงบ้านฉันก็ลงจากรถแล้วรีบเข้าบ้านทันที
“แม่ครับ!//แม่คะ!”
เด็กๆที่นั่งรอยู่บันไดขั้นสุดท้ายก็วิ่งเข้ามกอดขาฉันก่อนจะร้องไห้ออกมา ฉันย่อตัวกอดเด็กสองคนไว้แนบอกมือยกลูบผมเบาๆอย่างปลอบโยน
“แม่ ฮึก แม่ไปไหน”
“ผมกลัว ฮึก แม่ไม่อยู่”
“แม่ขอโทษนะ แม่คุยกับน้าลูกอมนานไปหน่อยแต่แม่กลับมาแล้วนะ” ฉันก้มลงจูบหน้าผากลูกทั้งสอง ก่อนจะกอดไว้แน่น เมื่อคืนฉันมัวทำเรื่องบ้าอะไรอยู่นะทำไมถึงได้ละเลยลูกแบบนี้
“หลานไม่ยอมนอนเลยค่ะ” ป่านนั่งหาวอยู่บันไดข้างๆกันนั้นคือเป้ที่นิ่งพิงราวบันไดอย่างหมดแรง
“หลับก็สะดุ้งตื่นแล้วร้องไห้” เป้พูดเสริมพรางเอียงศีรษะไปซบไหล่ป่าน ฉันก้มมองลูกท้องสองอย่างรู้สึกผิด ฉันน่าจะกลับพร้อมลูกตั้งแต่เมื่อคืน
“แม่ขอโทษนะ ไปนอนกันนะคะ”
เด็กๆพยักหน้าแต่ฉันไม่มีแรงที่จะอุ้มเด็กๆเลย จู่ๆคนที่เดินตามเข้ามาก็อุ้มเด็กๆไว้ในแขนข้างละคนก่อนจะเดินนำไปที่บันได้ เชื่อสิถ้าเด็กๆไม่ง่วงเขาไม่มีทางได้แตะตัวเด็กๆหรอก
“ฝ้าย พี่เปิดประตูไม่ได้”
คนตัวโตหันมาบอกเสียงหวาน ฉันรีบเดินเข้าไปเปิดประตูพอเขาวางเด็กๆลงบนเตียงฉันก็จัดแจงห่มผ้าให้ลูกทันที พอกำลังจะหันไปไล่คนที่อาสาอุ้มเด็กๆมาส่งก็ต้องเงียบเสียงลงเพราะเพราะเขาทิ้งตัวนอนขอบเตียงเรียบร้อยและเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย ฉันเปลี่ยนชุดเดรสบ้าๆนี่ออกจากร่างแล้วสวมแค่เสื้อยืดคลุมเข่า ฉันออกมาทิ้งตัวนอนบนเตียงอีกฝั่งเท่ากับว่าเด็กๆนอนอยู่ระหว่างกลางฉันและเขา พ่อของเด็กๆ...
“โอ๊ย!!”
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องลั่นห้อง ฉันผุดลุกนั่งบนเตียงก่อนจะมองลูกเป็นอย่างแรก แต่เด็กๆนั่งข้างๆกันบนตียงกำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่เด็กๆมองอะไรกันน่ะ
“เฮ้! นี่พ่อนะ”
คนที่ส่งเสียร้องเจ็บเมื่อกี้ผุดลุกนั่งก่อนจะมองเด็กๆใบหน้ายุ่ง เด็กๆหันกลับมามองฉันก่นจะกอดคอฉันไว้ทั้งสองคน พี่พีคลานขึ้นมาบนเตียงสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะฟ้องฉันเรื่องเมื่อกี้
“ลูกผลักพี่ตกเตียง! รับผิดชอบพี่เลยนะไม่รู้หลังหักหรือเปล่า”
“หนูไปทำเขาทำไมลูก” ฉันก้มลงถามลูกทั้งสอง
“เขาเป็นโจร เขาจะทำแม่ร้องไห้” ลันบอกก่อนจะกอดฉันแน่นขึ้นเมื่อมีมือของคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรมาดึงตัวไปเขาวางอลันลงบนเตียงก่อนจะจี้ไปทั่วตัวอลันจนเกิดเสียงหัวเราะเพราะจั๊กจี้
“อย่าทำลันนะ!”
อลินหยิบหมอนมาฟาดใส่หลังพี่พี ร่างเล็กๆของอลินลงไปนอนข้างๆอลันที่ยังนอนหัวเราะอยู่ก่อนที่ทั้งสองจะถูกพี่พีแกล้งจี้แกล้งจูบ เสียงหัวเราะเด็กๆดังลั่นห้องนอน
“พอแล้ว เลิกเล่น” ฉันยกมือตีที่ไหล่กว้างของคนที่แกล้งเด็กๆอยู่ เขายอมผละออกก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างๆเด็กๆแล้วโอบทั้งสองไว้ เด็กๆผลักแขนเขาออกก่อนจะคลานมานอนกอดฉันไว้ อลันยกมือตีแขนพี่พีเสียงดังเพี๊ยะเมื่อเขาขยับมาใกล้แล้วยกท่อนแขนโอบฉันไว้
“ตีพ่อทำไมเนี่ย!”
“ก็บอกว่าเราไม่เคยมีพ่อ!!”
เด็กสองคนตะโกนออกมาพร้อมกัน ทำเอาคนที่อ้างเป็นพ่อหน้าเสียไปทันที ฉันไม่เคยเอ่ยอะไรเกี่ยวกับพ่อของเด็กๆเลย เวลาที่เป้ป่านเอ่ยถึงเขาฉันมักจะร้องไห้เงียบๆ จนช่วงหลังๆเป้ป่านไม่เคยเอ่ยถึงผู้ชายคนนี้เลย คงไม่แปลกที่เด็กๆจะไม่ชอบเวลาเขาเอ่ยคำว่าพ่อ
“พอเถอะ คุณออกไปได้แล้ว”
“ไม่ไปจะอยู่กับลูกกับเมีย”
“ฉันรำคาญ! หยุดทำแบบนี้สักที”
“ฝ้ายพี่...”
“ออกไป”
ร่างสูงไม่ตอบอะไรกลับมาเพียงแต่เดินลงจากเตียงแล้วออกจากห้องไปเงียบๆ เด็กๆที่เหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรก็นอนกลิ้งไปมาบนเตียง พอเรียกสติกลับมาได้ฉันก็เปลี่ยนชดแล้วพาเด็กๆลงมาข้างล่าง อลินกับอลันวิ่งเข้าไปนั่งบนตักพ่อกับแม่ฉันทำให้แขกอีกสามคนมองเด็กๆด้วยความน้อยใจ
“ฝ้ายจะพาลินกับลันออกไปข้างนอกนะคะแม่” ฉันเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวข้างๆแม่
“หลานแม่ยังไม่ทานข้าวเลยนะ ยังไงก็พาเด็กๆออกไปทานข้าวด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นพาลูกไปทานข้าวก่อนแล้วกันค่อยพาไปร้านไอ้เซกะ”
คนที่นั่งตรงข้ามฉันเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องรับแขกไป ฉันหันกลับมามองพ่อกับแม่ท่านก็พยักหน้าให้ เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้พวกเขาคุยอะไรกัน
“ฝ้าย แกล้งลูกแม่ให้หนักๆเลยนะ” คุณป้าเอ่ยขึ้น ฉันยิ่งสงสัยเข้าไปกันใหญ่
“ฝ้ายพาลูกไปทานข้าวเถอะ ถ้ามีอะไรโทรมาได้เลยนะ”
“ค่ะ ไปกันเถอะลูก”
“ไปนะคะ จุ๊บๆ”
อลินจุ๊บแก้มคุณตากับคุณยายพอลงจากตกมาได้อลันก็เข้าไปจุ๊บตามอีกรอบ เด็กทั้งสองหันไปไหว้คุณลุงกับคุณป้าท่าทางน่ารัก แม้จะเลี้ยงที่นู่นตั้งแต่เกิดแต่ฉันยังคงสอนมารยาทไทยให้เด็กๆฉันอยากให้เด็กๆซึมซับกับวัฒนธรรมไทยอันดีงามนี้
“ลินอยากกินไก่”
“ลันอยากกินกุ้ง”
“แต่แม่อยากกินอาหารไทย”
**“พอเลยทั้งแม่ทั้งลูก ขึ้นรถได้แล้วจะพาไปกินทุกอันเลย**”
พอบอกว่าจะพาไปเด็กๆก็วิ่งไปยังรถพี่พีทันที ไม่นานรถเบนซ์คันหรูที่เคลื่อนตัวออกช้าๆ เด็กๆที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังกำลังตื่นเต้นกันใหญ่ ฉันทั้งเกรงทั้งห่วงลูกกลัวว่าจะเล่นซนแล้วถูกเจ้าของรถดุเอา จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเคยนั่งรถเขาแบบนี้ สงสัยพอส่งฉันกับลูกเสร็จเขาคงต้องรีบเอารถไปล้างทันที
“นั่งเกร็งอะไรขนาดนั้นฝ้าย พี่ไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้นนะ”
คนที่ทำหน้าที่ขับแซวเสียงนุ่มแต่ฉันกลับสะดุ้งตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะแซวเหมือนกันปกติเขาจะนิ่งและวางสีหน้ารำคาญฉัน แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่
“เอ่อ ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษอะไร พี่ไม่ได้ว่าอะไรเรานะ”
“แม่คะ” เสียงเล็กๆของอลินฉุดฉันให้ออกจากภวังค์
“คะลูก ว่าไงเอ่ย” ฉันเอี้ยวตัวหันกลับไปมองลูก
“อันนั้นคืออะไรคะ”
“อันไหนคะ” ระหว่างรถติดไปแดง ฉันก็สอดสายตาตามนิ้วป้อมๆของอลินไป ก็เห็นว่ามันเป็นรูปโฆษณาการอนุรักษ์ช้างไทย
“เค้าเรียกว่าช้างค่ะ elephant ”
“elephant”
“yes อยากเห็นตัวจริงไหมคะ”
“อยากค่ะอยาก”
“ว่างๆแม่จะพาไปสวนสัตว์นะคะ” ฉันบอกก่อนจะก่อนจะหันกลับมานั่งเหมือนเดิม รอยยิ้มของคนที่ขับรถอยู่ทำให้ฉันรู้สึกร้อนวาบที่หน้ารอยยิ้มแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน
“แม่ครับ แล้วน้าเป้กับน้าป่านล่ะครับ”
“น้าเป้กับน้าป่านไปทำงานครับ”
“แล้วลุงคนนี้เป็นใคร”
จู่ๆเสียงนุ่มๆของอลันก็เข้มขึ้น ฉันเริ่มอึกอักไม่รู้จะตอบว่ายังไง
“ลุงเลยเหรอตัวแสบ นี่พ่อนะ” พี่พี หัวเสียอย่างหนักเมื่อถูกอลันเรียกว่าลุง
“I don’t …have…father”
อลันบอกเสียงแผ่วเบาใจฉันกระตุก เด็กๆคงรู้สึกขาดมากสินะถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่ก็เก็บงำความรู้สึกไว้
“I’m the father of her” พี่พีบอกเด็กๆเสียงนุ่ม ไม่รู้ว่าฉันกลัวมากขนาดไหนแต่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้มฉันแล้ว
“really?”
“of course” พี่พียังตอบอลันเสียงนุ่ม ไม่มีทีท่าที่จะหงุดหงิดแต่คนที่เริ่มจะไม่เหมือนเดิมคืออลัน นั่งตรงนี้ฉันมองๆไม่ชัดว่าอลันกำลังทำหน้ายังไงอยู่
“หึfather, I hate you”