Devil Monster กลรักนายปีศาจ 5

3398 คำ
Devil monster Pee x Puifai 05 ***“คุณตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้วนะคะ”*** “...” *“เราตรวจพบว่าในครรภ์คุณมีเด็กอยู่สองคนนะคะ มิน่าล่ะท้องคุณถึงโตเร็วกว่าปกติ หมอก็สงสัยตั้งแต่แรกแล้วแต่ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”* “...” “เอ่อ คุณยินดีที่จะมีลูกหรือเปล่าคะ มีอะไรปรึกษาหมอได้นะ” “อ้อ ไม่ค่ะฉันแค่ตกใจเท่านั้นเอง” “แผลคุณเริ่มดีขึ้นมากแล้วนะคะ แต่หมอยังอยากให้มาล้างแผลอีกสักวันสองวัน ส่วนเรื่องยาบำรุงหมอจะจัดให้นะคะ” “ค่ะ” ฉันไม่รู้จริงๆว่าท้องได้ยังไงเพราะพลาดมีอะไรกับเขาแค่ครั้งเดียวและฉันก็คิดว่าเขาน่าจะป้องกันตัวเองไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉันเดินเหม่อๆออกจากห้องตรวจรอรับยาลูกอมกับพอสเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นน้ำเปล่ามาให้ฉันรับก่อนจะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอรับยาฉันก็แยกจากเพื่อนโดยอ้างว่าเหนื่อยอยากนอนพักซึ่งพวกมันก็เข้าใจแล้วไม่ได้ว่าอะไร พอถึงบ้านฉันเอาแต่นั่งคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกท่านยังไงดี ฉันไม่เคยโกหกพ่อกับแม่อีกอย่างเรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มากจนฉันไม่รู้จะทำยังไง “ฝ้ายเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ” พ่อเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้หลังมืออังหน้าผากฉันเบาๆอย่างเห็นห่วง “พ่อคะ...” “หือ?” “หนู...” “...” “หนูท้อง” “...” “...” “ไปทานข้าวกันก่อนดีกว่า เพราะดูแล้วเราคงต้องคุยกันอีกยาว” เป็นไปตามที่พ่อคาดไว้เพราะหลังจากทานข้าวพ่อกับแม่ก็ย้ายไปนั่งคุยกันที่ห้องนอนฉันเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันนั่งร้องไห้กอดแม่ด้วยความรู้สึกผิด ฉันมันคนใจง่ายโง่ที่ยอมเขาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรด้วย “ที่ว่าเรื่องคืนนั้น ใช่คืนที่หนู...หนูเปล่าลูก” แม่ถามเสียงเรียบ มือก็ยกเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องฉันรู้สึกเสียงแหบแห้งไปหมดเลยได้แต่พยักหน้าตอบว่าใช่ “โทรไปบอกเขา พ่อจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้เด็ดขาด” พ่อพูดเสียงฉุนขาด “พ่อก็รู้เขาไม่ได้รัก ฮึก รักฝ้าย มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ” ฉันบีบมือเข้าหาตัวเองแน่น ไม่รู้จริงๆว่าฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ตอนนี้ “ถามว่าเขาจะเอายังไง ถ้าเขาบอกจะไม่เอาเด็กไว้พ่อจะเลี้ยงหลานเอง” พ่อเดินเข้ามาลูบผมฉันเบาๆ ยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม เพราะพวกท่านรักและห่วงฉันมากฉันเลยรู้สึกผิดที่ทำตัวเหลวไหลแล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันมันเลว!! หลังจากที่หยุดร้องไห้ได้แล้วฉันรับมือถือจากพ่อแล้วกดโทรหาพี่พี เขาตัดสายทิ้งตลอดห้าสายที่ผ่านมาพอตัดสินใจโทรรอบสุดท้ายน้ำเสียงแหบสั่นพร่าก็ดังมาตามสาย (ครับ) “พี่พี...” (ฝ้ายเหรอ มีอะไรหรือเปล่าพี่ไม่ค่อยว่างอ่าส์) เสียงครางท้ายประโยคทำให้ฉันน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง ฉันก็ลืมไปว่าเวลานี้เขาอยู่กับแฟนของเขา “ฝ้ายมีเรื่องจะบอก” (อือ พี่ฟังอยู่//พีวางสิคะแค่เด็กข้างบ้านโทรมาทำไมต้องคุยนานด้วย เฟิร์นไม่ไหวแล้วนะ) มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเทิ้มไปหมด น้ำตายิ่งหลั่งไหลลงมาฉันแค่หวังว่าเขาจะถามว่าฉันจะบอกออะไรแต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้ฉันหลุดเสียงร้องไห้โฮออกมา (แค่นี้ก่อนนะพี่อยู่กับ...) พ่อดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่นเมื่อฉันเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนี้เหมือนทุกอย่างมันพังลงมาใส่ฉันฉันรู้สึกผิดต่อคนที่กำลังกอดแล้วปลอบฉันทั้งน้ำตาฉันไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้แต่วันนี้ตอนนี้ท่านร้องไห้ให้กับคามโง่และความเหลวแหลกของฉัน “หนูขอโทษ หนูขอฮึกขอโทษ” “ฝ้ายๆ ฟังพ่อนะลูกถึงมันไม่แคร์หนูแต่หนูจงจำไว้ว่ายังมีพ่อกับแม่ น้องทั้งสองก็จะอยู่ข้างๆเรา” “หนู ฮึก หนูขอโทษ ฮื่อ!!!” ฉันไม่รู้ว่าร้องไห้และหลับไปนานแค่ไหนแต่รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือถือสั่นอย่างบ้าคลั่ง พอดูเบอร์ที่โทรเข้ามาทำให้ฉันตัดสินใจบล็อกเบอร์เขาทันที เขาจะไม่มีวันรู้ว่าฉันท้อง! ฉันอาบน้ำแล้วลงมาข้างล่างเพื่อนที่จะคุยกับพ่อเรื่องรถ ฉันเคยประกาศขายรถที่ใช้อยู่มีคนอยากซื้อต่อและราคามันก็สูงอยู่เหมือนกันถ้าขายได้ฉันก็ต้องการเงินอีกเพียงห้าแสนในการใช้หนี้ วันนี้ทั้งวันฉันนั่งๆนอนอยู่บ้านทั้งวันตกเย็นคนที่ไม่คิดจะมาบ้านฉันกำลังเดินเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยรอยยิ้ม หึ เขายิ้มในขณะที่ฉันทุกข์สินะ “เมื่อวานโทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่า” เขาเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ท่าทีสบายๆเหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่เขาจะมีแฟน “เปล่าค่ะไม่มีอะไร มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” “ทำไมพูดจาห่างเหินกับพี่แบบนั้นล่ะ” เขาตัดพ้อน้อยใจ แต่ทำไมฉันรู้สึกเขาว่ากำลังสนุกนะ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเขามาที่นี่เพราะอะไรกันแน่ “อาทิตย์หน้าไอ้ท็อปมันจะแต่งงานนะ มันบอกให้พี่มาบอกเราด้วย” พี่ท็อป พี่ที่สนิทกันเพราะตอนเด็กๆพวกเรามักจะมาเล่นด้วยกันแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดทุกอย่างแล้วฉันรู้ “ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ” “เราออกไปทานข้าวกันไหม พี่เพิ่งออกเวรยังไม่ได้กินอะไรเลย” เขามองฉันอย่างออดอ้อน สายตาแบบนี้ฉันหวังว่าจะได้จากเขาสักวัน แต่วันนี้พอเขาทำจริงๆฉันกลับรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างมาก “ทานข้าวแล้วค่ะ พี่ออกไปกับ...อืมพี่ไปเถอะ” ฉันชะงักคำพูดไว้ก่อนจะยิ้มให้แม่ที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆฉัน “ไม่ทราบว่าคุณพีมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” “เอ่อ ทำไมคุณป้าเรียกผมแบบนั้นล่ะครับเราคนกันเองนะ” พี่พีถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะปกติแม่จะเรียกชื่อเขาเฉยๆไม่มีคำว่าคุณ แต่เพราะวันนี้มันไม่ปกติไงล่ะ “เราต้องให้เกียรติคุณค่ะ เพราะคุณเป็นเจ้าหนี้พวกเราแล้วตกลงคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” “คุณป้าครับเรียกผมเหมือนเดิมเถอะครับ” พี่พีค้านเสียงหลง เมื่อแม่ฉันยังเรียกเขาว่าคุณ แม่ฉันไม่ตอบอะไรกลับไปแต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนี้ “ฝ้ายไปทานข้าวกับพี่เถอะ พี่หิวมากเลยนะ” “ฝ้ายทานข้าวแล้วค่ะ ไม่หิว” ฉันยิ้มให้เขาก่อนที่เขาจะหน้าตึงนิดหน่อยเมื่อเขามองมาอย่างโกรธๆ แต่แล้วไงล่ะเขาโกรธฉันเป็นประจำอยู่แล้วนี่นาน่าจะชินได้แล้วล่ะ “แล้วแผลเราเป็นยังไงบ้าง” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย วันนี้เขาเป็นอะไรทำไมท่าทีแปลกๆ “หายแล้วค่ะ ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไปรบกวนกลับไปก่อนได้ไหมคะพอดีมีอย่างอื่นต้องทำ” “เอ่อ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะมาหานะ” “ไม่ต้องมาหรอกค่ะคุณพี พอดีครอบครัวเราจะออกไปทานข้าวข้างนอก” “งั้นเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมมาพรุ่งนี้ก็ได้ครับ สวัสดีครับ” ทันที่เขาเดินออกจากบ้านไปฉันก็เอนหลังพิงกับโซฟาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆด้วยความเจ็บปวด *หนูรู้หรือเปล่าลูกว่าเขาคนนั้นไม่เคยต้องการแม่เลย* อีกสามวันฉันนัดค*****นก้อนสุดท้ายให้กับคุณลุงคุณป้าพร้อมกับจดทะเบียนหย่า แล้วอาทิตย์หน้าฉันก็จะบินไปอัมสเตอร์ดัมทันทีที่เสร็จจากงานพี่ท็อปน้องทั้งสองฉันอยู่ที่นั่นแล้วฉันก็จะไปหางานทำแล้วคลอดลูกที่นั่นเขาจะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน ที่นู่นน้องฉันซื้อบ้านไว้แล้วนอกจากเรียนพวกนั้นยังทำงานพาร์ทไทม์ด้วยส่วนฉันก็รับงานแปลผ่านเมล์เหมือนเดิมงานนี้ฉันทำตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้วล่ะอย่างน้อยมันก็คงจะพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้นั่นแหละ ถ้าลูกคลอดมาฉันก็ว่าจะรับงานมากขึ้นมันคงจะพอเลี้ยงลูกได้ล่ะนะ “ฝ้าย บอกน้องพอสกับลูกอมยัง” ระหว่างทานมื้อค่ำที่บ้านพ่อก็ถามขึ้นมา “ยังเลยค่ะ พรุ่งนี้ว่าจะไปหาลูกอมที่ร้านขนมหวาน” “ถ้าอย่างนั้นชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยนะ” “ได้ค่ะ” “หนูอยากกินต้มยำ แม่ทำให้กินหน่อยได้ไหมคะพรุ่งนี้น่ะ” “ได้สิ พรุ่งนี้ก่อนกลับก็ซื้อเข้ามานะอยากให้แม่ทำอะไรให้ทานน่ะ” แม่ยิ้มให้ก่อนจะตักกุ้งกับหมึกมาให้ ไม่มีใครรักฉันเท่ากับคนในครอบครัวแล้วล่ะ “พ่อจะมีหลานสองคนใช่ไหม” คราวนี้พ่อถามฉันยิ้มๆ ใบหน้าท่านเต็มไปด้วยความสุขฉันเลยอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “ใช่ค่ะ” “สบายมากหลานสองคนพ่อเลี้ยงได้ ที่บริษัทก็ดีขึ้นมากแล้วนะต่อไปพ่อจะรอบครอบกว่านี้พ่อสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” “ค่ะพ่อ” “หนูรีบทานข้าวแล้วขึ้นไปนอนนะ พักผ่อนเยอะๆลูก” ฉันออกไปหาเพื่อนในช่วงสายของวันวันนี้ฉันนั่งวินมาหน้าหมู่บ้านก่อนจะนั่งรถเมล์ไปที่ร้านขนมหวาน มันอาจจะลำบากสักหน่อยแต่ฉันว่ามันก็ดีกว่าเป็นหนี้พวกเขาน่ะนะ ที่พูดๆมาเนี่ยคือฉันขายรถของตัวเองแล้วล่ะวันนี้ตอนเช้าพ่อก็เอาเงินก้อนสุดท้ายไปคืนให้คุณลุงคุณป้าเรียบร้อยส่วนเรื่องหย่าไม่น่าจะเกินสองวันหรอกทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว “อม! คิดถึงแกจัง” ฉันเดินเขาไปกอดเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่ มันผลักฉันออกห่างพรางมองอย่างสงสัย แต่มันจะสงสัยอะไรล่ะเพื่อนจริงใจนะเนี่ย “มีอะไรหรือเปล่า พูดมาเลยนะไม่ต้องมาทำซึ้ง” “หึหึ” ฉันหัวเราะในคอเบาๆมือก็เอื้อมไปจับมือลูกอมแล้วเอามาวางที่หน้าท้องตัวเอง ลูกอมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนที่ดวงตาเรียวรีนั่นจะค่อยๆเบิกกว้างขึ้น มันมองแล้วทำหน้าตาตกใจริมฝีปากเล็กนั่นขยับถามไร้เสียงว่าจริงเหรอ ฉันพยักหน้าให้มันด้วยรอยยิ้ม “กี่เดือน ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วนี่ฉันจะเป็นแม่หรือน้าดี โอ๊ยกูตื่นเต้น” “ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆสิ เพิ่งเจ็ดสัปดาห์เอง แฝดน่ะ” “จริงเหรอ!!!” “เบาๆสิ คนมองเยอะแล้วแต่แกห้ามบอกใครนะเรื่องนี้มีเพียงครอบครัวฉันแล้วก็พวกแกสองคนแต่อิพอสกูยังไม่บอกเลย รอมันมาก่อน” “มึง กูตื่นเต้นกูดีใจกูสั่งเค้กเพิ่มก่อน” นั่นไงล่ะ มันสั่งเค้กมาอีกห้าชิ้น แต่กินเยอะแบบนี้ไม่ยักจะเห็นมันอ้วนเลยนะ ฉันยิ้มตื่นเต้นให้ฉันพอพอสมาถึงฉันก็ย้ายไปนั่งข้างๆมันแล้วทำแบบเดียวกับที่ทำกับลูกอมซึ่งมันก็มีอาการไม่ต่างจากลูกอมเท่าไหร่แต่มันกังวลเรืองที่หลานจะต้องเรียกมันว่าป้าหรือลุง ฉันกับยัยลูกอมได้แต่นั่งหัวเราะมัน “คุยอะไรกันสาวๆน่าสนุกเชียว” เซกะเดินเข้ามาใกล้ลูกอมพรางประคองหน้าเพื่อนฉันให้แหงนขึ้นก่อนจะกดจูบลงหน้าผาก ฉันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่เขินอายแทน มันมีรังสีความหวานลอยอยู่อ่ะฉันเขิน ฉันฝันอยากมีคนมาทำแบบนี้ด้วยแต่มันก็เป็นแค่ความฝันอ่ะนะ พอๆวันนี้วันดีเราจะไม่คิดมากหรือเศร้ากับเรื่องในอดีตอีกแล้ว “ว่าไงคุยอะไรกันครับ” เซกะถามแล้วมองพวกฉันอย่างจับผิด ที่จริงเขาอายุเยอะกว่าพวกเราเกือบๆห้าปีได้ล่ะมั้ง โอ๊ยเห็นแบบนี้แล้วอิจฉาเพื่อน “อยากกินอันนี้อีก” ลูกอมเปลี่ยนเรื่อง ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่เค้กบราวนี่เซกะพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังตู้เค้กพวกเราต่างถอนหายใจไปตามๆกันด้วยความกดดัน “แกอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ” “ได้ๆ” “ซ้อคะ มาสเตอร์ให้มาบอกว่าขนมหมดค่ะจะรับอย่างอื่นไหมคะ” “อ๋อ ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” “โอ๊ยๆ ทุกวันนี้มีซงมีซ้อ” พอสเอ่ยแซวลูกอมพรางทำหน้ายียวน จนอีกฝ่ายโยนช้อนใส่ด้วยความอาย ใบหน้าหวานซับสีเลือดอย่างน่ารัก ฉันล่ะสงสารเซกะที่จะต้องมานั่งตามหวงตามหึงยัยลูกอม เพราะถ้ามันยิ้มอ่ะนะ หึหึ อันนี้ต้องถามเซกะดูว่าลูกอมยิ้มแล้วเป็นยังไง “อ้าว ฝ้ายมาทำไรที่นี่” น้ำเสียงเข้มๆดังขึ้นข้างๆ ฉันเลยเงยหน้ามองเขาแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “นัดกับเพื่อนไว้ค่ะ” “งั้นเหรอ พี่ขอนั่งด้วยได้ไหมคนกันเอง” พี่พีบอกด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะ” ที่กล้าให้เขานั่งด้วยเพราะเรานั่งเป็นแบบโซฟายาวนั่งได้ฝั่งละสามคนที่นั่งโต๊ะใหญ่เพราะลูกอมมันต้องใช้พื้นที่ในการทำงาน พอบอกว่านั่งด้วยกันได้เขาก็นั่งลงข้างๆฉัน พอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยฉันกลับเวียนหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ “พี่พีไปนั่งฝั่งนู้นได้ไหมฝ้ายอึดอัด” “เอ่อ ได้ครับ พี่ขอนั่งด้วยนะครับลูกอม” เขาหันไปขอลูกอม แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าลูกอมไม่ชอบหน้าพี่พี “ไม่ต้องเรียกชื่อค่ะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” “อะไรกันสองคนนี้ทะเลาะกันทุกทีเลย” เซกะเดินบ่นๆเข้ามายังโต๊ะ เขาวางขนมลงบนโต๊ะรวมถึงเครื่องดื่มจากนั้นเขาก็แทรกตัวเข้าไปนั่งระหว่างลูกอมกับพี่พี ฉันสั่งน้ำมะนาวส่วนพอสมันสั่งชามะนาว แก้วของยัยลูกอมแก้วเดิมเป็นโกโก้เย็นแต่เซกะเอาน้ำกีวี่มาให้มันใหม่ ดูแลดีเกินไปแล้ว อิจฉาตัวใหญ่กว่าศาลาวัดอีกนะตอนนี้น่ะ “ฝ้ายกินเค้กอะไรไหมเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้” จู่ๆพี่พีก็ถามอย่างใส่ใจ ฉันได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆถึงมาทำดีกับฉันล่ะมันน่าแปลกจริงๆนะ “ฝ้ายอันนี้อร่อยมากเลยนะ ชิมดู” ลูกอมเลื่อนจากเค้กมะพร้าวอ่อนมาให้ พอได้ชิมแล้วมันก็อร่อยมากจริงๆนั่นแหละ ครีมนุ่มลิ้นเนื้อแป้งนุ่มๆไม่มีกลิ่นคาวของส่วนผสม “ลองอันนี้ไหมฝ้าย” พี่พีเดินไปที่ตู้เค้กก่อนจะกลับมาพร้อมกับเค้กชิ้นหนึ่ง เขาวางมันลงตรงหน้าฉันแล้วมองอย่างมีความหวัง “ขอโทษนะคะ ฝ้ายไม่กินนมสด” ฉันบอกเขาไปตรงๆ เขาหน้าเจื่อนลงก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมฝั่งตรงข้ามฉัน ยิ่งเป็นแบบนี้มันยิ่งชัดเจนว่าเขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย “คุณฝ้ายชอบเค้กแบบไหนครับ” เซกะถามฉันเสียงนุ่มพร้อมกับมอบรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้ “ชอบทุกอย่างค่ะ ยกเว้นนมสด” “ทำไมคุณฝ้ายไม่คิดนมสดล่ะครับ” “ฝ้ายไม่ชอบกลิ่นค่ะ มันคาวๆยังไงไม่รู้ฝ้ายเลยไม่กิน” ฉันเล่าให้เซกะฟัง จังหวะเดียวกันลูกอมก็ยื่นแผ่นกระดาษมาให้พอส พอสมันเขียนอะไรสักอย่างลงไปก่อนจะยื่นมาให้ฉัน อ๋อพวกมันเขียนเมนูอาหารที่จะทานเย็นนี้น่ะเพราะเราต้องแวะซื้อก่อนเข้าบ้าน “เครื่องดื่มเราชอบอะไรเหรอ” คราวนี้พี่พีถามอย่างตื่นเต้น “ลาเต้ป่ะ” “ฝ้ายกินกาแฟไม่ได้ค่ะ ที่เหลือได้หมด” “หึหึ เพื่อนฉันดื่มกาแฟไม่ได้คุณไม่รู้เหรอคะ อ้อ ไม่รู้ก็คงไม่แปลกเพราะเป็นแค่พี่ข้างบ้าน” จริงๆเลยเพื่อนคนนี้นี่ มันไม่ชอบใครมันก็จะจิกกัดไปทั่วแบบนี้แหละคนอื่นๆมันก็ไม่เห็นเป็นอะไรนะแต่ทำไมพอเป็นพี่พีมันกลับเกลียดเข้ากระดูกดำ พี่พีมองฉันอย่างขอโทษแต่ฉันก็แค่มองแล้วทานเค้กต่อ “ฝ้าย พี่ขอคุยด้วยหน่อย” พูดจบเขาก็เดินออกไปนั่งนอกร้านที่ถูกจัดตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้ ฉันเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา มือก็บีบกันแน่นด้วยความกลัว กลัววาเขาจะรู้เรื่องที่ฉันท้องอย่าลืมนะว่าเขาเป็นหมอ **“ทำไมเราเปลี่ยนไป”** “...” “เราไม่เหมือนเดิม เราเป็นอะไรไปฝ้าย” ทำไมคำถามเขามันฟังดูเห็นแก่ตัวจัง “พี่ต้องการอะไรคะ” “...” “พี่บอกเองไม่ใช่เหรอว่ารำคาญไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากให้ไปวุ่นวายฝ้ายก็ทำตามที่พี่ต้องการแล้วไงคะ หรือว่าต้องหายไปเลยถึงจะพอใจ” ฉันคุมสติให้นิ่งที่สุดเพราะไม่อยากจะให้เขาเห็นฉันร้องไห้เพราะเขาอีกต่อไป “เรื่องนั้นพี่ขอโทษ” “พี่พีมีอะไรจะคุยกับฝ้ายอีกหรือเปล่าคะ” “เรื่องเราน่ะ” เขาอ้อมแอ้มตบ “เราทำไมคะ ก็แค่พี่น้องข้างบ้านไง” ฉันทวนสิ่งที่เขาเคยพูดออกมา ฟังดูงี่เง่าดีจัง แต่เป็นเพราะประโยคนี้แหละที่ทำให้ฉันน้ำตาตกใน “เราเป็นเมียพี่นะเว้ย! ทำไมพูดแบบนี้” “หือ? อะไรที่บ่งบอกว่าฝ้ายเป็นเมียพี่” “ก็เรามีอะไรกันแล้วไง ทะเบียนสมรสนั่นอีก” หึหึ เขาจะพูดเรื่องนี้นี่เองสินะ “คุณลุงกับคุณป้าจัดการเรื่องหย่าให้แล้วค่ะ พรุ่งนี้นัดเซ็นที่บ้านพี่ที่เหลือทนายคุณป้าจะจัดการเอง ทนอีกสักยี่สิบชั่งโมงนะคะ เดี๋ยวพี่ก็เป็นอิสระแล้ว” “พี่ไม่ได้อยากอย่า!!” ฉันอึ้งไปกับประโยคนั้นของเขา ทำไมเขาถึงไม่อยากอย่าล่ะทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยากจะจดทะเบียนด้วยซ้ำ “พอเถอะค่ะ พวกเราใช้หนี้พวกคุณหมดแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจะทะเบียนต่อ คุณจะได้เป็นอิสระแล้วแต่งงานกับแฟนคุณไงคะ” “ฝ้าย พี่รู้สึกดีกับเรานะแต่พี่เลิกกับแฟนพี่ไม่ได้จริงๆ” “พี่รู้สึกผิดเรื่องคืนนั้น ฝ้ายพี่...” “พอเถอะ ฝ้ายตัดใจจากพี่แล้วล่ะมันจะดีกว่านี้ถ้าเราไม่เจอกันเลยถ้าเจอฉันข้างนอกรบกวนทำเหมือนไม่เห็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเถอะนะ” “ทำไมเราพูดแบบนี้” “มันเหนื่อยนะที่ต้องมานั่งหวังว่าคุณจะหันมามองหันมาสนใจ เหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามคนที่คอยแต่จะวิ่งหนีเราวิ่งให้ตายยังไงเราก็วิ่งไปไม่ถึงเขาหรอก” ฉันไม่ร้องไห้ ฉันไม่เสียน้ำตาให้เขาแล้ว “คุณมีแฟนอยู่แล้ว มันเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่จะทำให้ฉันหยุดวิ่งตามคุณ” **“มันถึงเวลาที่ฉันจะหาคนที่พร้อมจะวิ่งไปกับฉัน ไม่ใช่ให้ฉันเป็นฝ่ายวิ่งตาม”**
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม