หมอหนุ่มพาเด็กในปกครองไปส่งที่บ้านไม้กลางสวน ทันทีที่เดินออกจากประตูด้านข้างของตัวบ้าน ก็ปรากฏบ้านไม้สักชั้นเดียวหลังน้อยยกพื้นสูงตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ออกดอกสีสวยและส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ
สาวน้อยเบิกตากว้าง ภาพตรงหน้ามันอย่างกับภาพฝัน มันสวยเกินกว่าจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้
ตอนแรกที่เขาบอกว่าจะให้เธอไปอยู่บ้านไม้กลางสวน เธอก็จินตนาการถึงบ้านไม้หลังเล็กๆ ท่ามกลางสวนรกทึบของไม้ผลชนิดต่างๆ ที่ในยามค่ำคืนคงมืดมิดและเงียบเหงาวังเวง แต่เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณและทำตัวให้เป็นประโยชน์ จึงตกปากรับคำจะไปอยู่ที่นั่นเพื่ออาสาเฝ้าสวนผลไม้ให้กับผู้มีพระคุณ
ที่ไหนได้ บ้านไม้กลางสวนที่เขาพูดถึง มันหมายถึงสวนดอกไม้สีหวานทั้งของไทยของเทศที่ส่งกลิ่นหอมหวนทั่วบริเวณแบบนี้นี่เองหรอกหรือ สวยอย่างกับในนิทานไม่มีผิด
“เป็นไง สวยไหม”
“สวยมากค่ะ นี่เรื่องจริงหรือคะหมอ หนูจะได้อยู่บ้านหลังนี้จริงๆ หรือคะ”
“ใช่ ชอบไหม”
จริงๆ ก็ไม่เห็นต้องถาม แค่ดวงตากลมโตส่องประกายวิบวับราวกับมีเพชรน้ำงามอยู่ในนั้น ก็พอจะเป็นคำตอบให้กับเขาได้แล้ว ว่าสาวน้อยตรงหน้าชอบบ้านหลังนี้มากมายแค่ไหน
“ชอบค่ะ ชอบมาก ขอบคุณมากนะคะ หมอน่าน”
ทุกที พอได้ของถูกใจ ก็จะหันมายิ้มหวาน ทำตาวิบวับ และพนมมือไหว้เขาอย่างงดงามเช่นนี้ทุกที
“ฮึ่ม อืม อยู่ให้มีความสุขนะ ไป เข้าไปดูในบ้านกันดีกว่า”
ภายในบ้านหลังน้อยแบ่งแยกกั้นห้องเป็นสัดเป็นส่วน มีห้องนั่งเล่นกว้างขวางที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือเต็มฝาผนังด้านที่ติดกับผนังห้องนอน มีโซฟารูปตัวแอลชิดติดผนังอีกด้าน หน้าต่างกระจกที่มีผ้าม่านสีชมพูหวานผืนหนาสองชั้น โดยชั้นบนเป็นผ้ามุ้งสีขาวโปร่งลายลูกไม้ฉลุน่ารักแทนผืนเดิมที่เป็นสีน้ำเงินเข้มที่เพิ่งโดนสั่งให้ติดตั้งใหม่เมื่อวานนี้
อีกมุมหนึ่งมีโต๊ะตัวยาวและลิ้นชักมากมายใช้วางทีวีจอยักษ์และเครื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ
“หนังสือเยอะจริงๆ ด้วย”
“นี่แค่ส่วนหนึ่ง ฉันยังไม่ได้ให้เด็กมาขนไปเก็บที่ห้องทำงานของฉันด้านบน เพราะกำลังจะสั่งทำชั้นหนังสือเพิ่มพอดี มันเก็บไม่พอ เกะกะหรือเปล่า ให้เด็กเก็บลงลังก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ค่ะ ไว้แบบนี้ก็สวยดี”
“ไปดูในห้องนอนกันเถอะ”
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกจนกว้าง ตรงกลางห้องมีเตียงนอนขนาด 6 ฟุต ปูด้วยชุดเครื่องนอนสีชมพูหวาน สีเดียวกับผ้าม่านสีชมพูสองชั้นแบบเดียวกันทั้งบ้าน
ที่ผนังห้องด้านหนึ่งมีตู้เสื้อผ้าแบบบิลต์อินยาวสุดผนัง ติดกันนั้นเป็นประตูห้องน้ำที่เมื่อเปิดเข้าไปก็มีทั้งโซนเปียกและโซนแห้งแยกกันอย่างดี แถมด้านในสุดยังมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในมุมที่มีต้นไม้ล้อมรอบอย่างสวยงาม
“เสื้อผ้าของเธอ ฉันจัดการให้หมดแล้ว อยู่ในตู้”
เธอเดินกลับมาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง ภายในอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดังราคาแพงที่ลูกข้าราชการอย่างเธอไม่อาจแตะต้อง แม้จะไม่เคยลำบากเลยในชีวิต แต่ก็ไม่สามารถใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้ได้
สาวน้อยเปิดลิ้นชักชั้นล่างก็ยิ่งต้องตกใจกว่าเดิม เมื่อภายในเต็มไปด้วยชุดชั้นในสีหวานที่ขนาดของมันคือไซซ์ที่เธอใส่อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน
“เอ่อ อันนี้ใครเลือกให้คะ”
“ฉันเอง”
“ห๊ะ หมอ ทำไมหมอ..”
“แล้วถูกไซซ์ไหมล่ะ”
“ถะ ถูกค่ะ”
“อืม ก็แค่นี้แหละ”
สาวน้อยก้มหน้างุด รีบปิดลิ้นชักกลับคืนอย่างรวดเร็ว เพราะแค่นี้ก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้าจะแย่อยู่แล้ว
“ชอบไหม”
“เอ่อ ชอบมากค่ะ นี่หมอให้หนูอยู่ห้องสวยขนาดนี้เลยหรือคะ มันสวยมากจริงๆ”
“นี่ยังธรรมดา บ้านเล็กจะตาย ข้างบนใหญ่กว่านี้อีกนะ แค่อาจไม่มีห้องรับแขกเป็นสัดเป็นส่วนแบบนี้”
“แค่นี้ก็ดีมากเกินไปแล้วค่ะ สำหรับคนอย่างหนู”
“อย่าคิดมากสิ อย่าลืมว่าพ่อแม่ฉันบอกว่าเธออยู่ที่นี่ในฐานะหลานท่านนะ”
“หนูไม่อาจเอื้อมขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูยังเป็นเด็กที่หมอเก็บมาเลี้ยงเหมือนเดิมนะคะ เป็นคนที่ติดหนี้บุญคุณหมอ ที่ชดใช้ชั่วชีวิตก็ไม่หมด ถ้าหมอต้องการให้หนูตอบแทน..”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ้าอยากให้ตอบแทนเมื่อไหร่แล้วจะบอก ถึงวันนั้นอย่ามาอิดออดก็แล้วกัน”
“ไม่มีวันอิดออดแน่นอนค่ะ”
เรือนร่างบอบบางในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยติดอันดับของรัฐ กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ห้องครัวเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่าง ดึงดูดความสนใจของหมอหนุ่มที่เดินผ่านหลังจากออกกำลังกายในยิมส่วนตัวที่อยู่ชั้นล่างของบ้านให้ต้องหยุดยืนมองอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องครัวนั้น
เมื่อหาที่ลิ้นชักด้านล่างไม่เจอ คนตัวบางก็ยืดตัวเปิดบานประตูตู้ที่อยู่ด้านบน แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของที่ต้องการได้ จึงเขย่งจนสุดปลายเท้าแล้วส่งมือเข้าไปปัดป่ายควานหาของในนั้นให้วุ่นวายไปหมด
หมอหนุ่มรีบพุ่งตัวไปประชิดร่างบางของสาวน้อยตรงหน้าทันที มือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเอวเธอไว้ แล้วมืออีกข้างก็ยื่นไปคว้าขวดซีอิ๊วในตู้นั้นที่มันโดนมือเล็กๆ นั่นปัดจนเกือบล้ม
คนตัวบางตกใจที่โดนร่างกายใหญ่โตของใครบางคนพุ่งเข้าประชิดจนสะดุ้งโหยง จึงหันหน้ากลับมามอง ก็พบว่าคนคนนั้นคือผู้ปกครองของเธอนี่เอง
“อุ๊ย หมอน่าน”
“ระวังหน่อยสิ ยัยเตี้ย หาอะไรเนี่ย ทำไมไม่เอาเก้าอี้มาปีนดู รู้ไหมว่าขวดซีอิ๊วมันจะหล่นลงมาใส่หัวอยู่แล้ว”
สาวน้อยหดมือกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหันหน้ากลับไป ไม่กล้าสบตาคมกริบวาววับของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำคร่อมจังหวะที่เขากอดเอวของเธอเอาไว้ไม่ปล่อยจนทำให้ร่างกายของเขาแนบชิดกับเรือนกายบอบบางของเธอแทบทุกสัดส่วน
เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หลายอึก แค่ขี้เกียจยกเก้าอี้มาตั้ง ก็โดนด่าว่ายัยเตี้ยแต่เช้า เธอก็ไม่ได้เตี้ยอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย ออกจะสูงเพรียวตามสมัยนิยมด้วยซ้ำ แค่ตู้มันอยู่สูงเกินไป และเขามันสูงเกินผู้เกินคนราวกับดารานายแบบ แค่นั้นเอง
“ขอโทษค่ะ หนูหาปลากระป๋องค่ะ”
เขาคลายมือที่กอดรัดเอวบางของเธอออก แล้วมองหาปลากระป๋องที่อยู่มุมด้านในสุดของตู้ จึงหยิบออกมาให้เธอถึง 2 กระป๋อง
“เอาไป 2 กระป๋องเลย ต่อไปก็อย่าขี้เกียจ ยกเก้าอี้มาปีนหา ฉันขี้เกียจเย็บแผลให้ถ้าโดนขวดซีอิ๊วตกลงมาฟาดหัว เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ หนูขอโทษค่ะหมอ”
“อืม แล้วนี่เอาปลากระป๋องไปทำอะไร”
“หนูอยากกินยำปลากระป๋องค่ะ”
“ของกินดีๆ มีเต็มบ้าน จะกินปลากระป๋อง ฉันเลี้ยงเธอให้อยู่อย่างอดๆ อยากๆ หรือไงกันนะ ถึงชอบกินแต่ของไม่มีประโยชน์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกอย่าง อย่าเห็นว่าต้มกินอีกนะ จะลงโทษให้ถูบ้านทั้งหลังเลย”
คนสวยก้มหน้างุด แค่อยากกินอะไรแซ่บๆ แต่ประโยชน์น้อยหน่อยก็ไม่ได้ ลำบากจริงๆ เลย อยู่กับคนเป็นหมอเนี่ย ตั้งแต่ที่เธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาเกือบปี เธอโดนเขาบ่นเรื่องของกินถูกปากที่ไม่มีประโยชน์นี่หลายรอบจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกทีจะมีป้าณิชาของเธอคอยช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะเป็นสาวๆ เหมือนกัน ย่อมเข้าใจอาการก่อนวันนั้นของเดือนดี ว่ามักจะอยากกินอะไรที่มันแปลกๆ หรือแซ่บๆ ขนาดไหน
“ค่ะ”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น แค่ไม่อยากให้กินของไม่มีประโยชน์ มันฝืนใจขนาดนั้นเชียวหรือ กินแต่ของแบบนี้ไง ถึงเตี้ยแบบนี้ ปลาร้าอีกอย่าง อย่าให้เห็นว่าชวนกันกินกับแม่ฉันอีกนะ..”
“บ่นอะไรแต่เช้าหมอน่าน”
เสียงระฆังช่วยชีวิตของเธอดังขึ้น คนตัวบางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงชอบเข้มงวดและกดดันเธอนัก ทุกอย่างต้องค่อนข้างมีระเบียบแบบแผน ทั้งๆ ที่พอตกกลางคืน เขาใช้ชีวิตในโหมดคุณหมอ Hot Nerd ที่เข้าไปช่วยเหนือเมฆดูแลผับ ชีวิตเขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยสาวๆ มากหน้าหลายตา มีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด ใช้ชีวิตสนุกสุดเหวี่ยง ไม่เห็นว่าจะดูมีแบบแผนและเข้มงวดอะไรขนาดนี้เลย
“ก็หลานสาวแม่สิครับ เกือบโดนขวดซีอิ๊วหล่นฟาดหัว อยากจะกินยำปลากระป๋อง ชอบนัก ของไม่มีประโยชน์”
“น่านอย่าไปเข้มงวดกับน้องนักเลย สาวๆ ก็อยากจะกินอะไรแซ่บๆ ทั้งนั้น ไม่ได้กินทุกมื้อซะหน่อย ทำเผื่อป้าด้วยนะมะลิ กำลังอยากกินอะไรเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ อยู่พอดี”
เป็นงั้นไป ทุกครั้งที่เขาบ่นเด็กในปกครอง ถ้าไม่พ่อ ก็แม่ที่คอยมาห้าม บางทีก็ไอ้ฝาแฝดของเขา ชอบคอยมาสกัดดาวรุ่งอยู่เรื่อย
“ได้ค่ะ คุณป้า”
หมอหนุ่มที่ตอนนี้กำลังจะโดนรุม เลยปลีกตัวขึ้นไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวลงมากินยำปลากระป๋องก่อนไปทำงาน อยากรู้นักว่ามันจะอร่อยขนาดไหน
“หืม ยำปลากระป๋องนี่แซ่บมากเลยลูก ป้าชอบมาก วันหลังทำอีกนะ นี่ดูสิใส่มะม่วงเปรี้ยวด้วย ต้นที่มะลิเอามาปลูกเมื่อหลายเดือนก่อนหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะคุณป้า มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบค่ะ หนูซื้อกิ่งตอนมา แป๊บเดียวออกลูกเต็มต้นเลยค่ะ”
“พอดีเลย ต้นเดิมที่ป้าเราเคยปลูกมันสูงใหญ่จนจะถึงสายไฟ ลุงเลยสั่งตัดจนเหลือแต่ตอ ว่าจะซื้อมาปลูกให้ป้าเขาใหม่ก็ลืมทุกที”
“คราวนี้ณิชาไม่ง้อพี่ปราณต์แล้วค่ะ ณิชากับมะลิเพิ่งสั่งทำแปลงผักสวนครัวเพิ่ม แถมซื้อผลไม้มาปลูกอีกหลายอย่างเลยค่ะ มีต้นมะละกอด้วยนะ ณิชามีเพื่อนกินส้มตำแซ่บๆ แล้ว”
“จ้ะๆ พี่ดีใจนะ ที่ณิชาจะไม่เหงาแล้ว ตั้งแต่มะลิมาอยู่ที่นี่ ป้าเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยลูก ขอบใจนะ ที่มาอยู่เป็นเพื่อนสุดที่รักของลุง”
ความหวานเรี่ยราดโต๊ะอาหารแทบทุกมื้อ และเธอจะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทุกครั้งที่เห็นผู้มีพระคุณแสดงความรักต่อกันแบบนี้
เธอเองก็เคยฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้า และมีสามีที่รักใคร่คอยดูแลเอาใจใส่เธอแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อทุกคนกำลังมัวแต่สนใจแม่ของเขาที่กำลังเขินที่ถูกคนเป็นพ่อหยอดคำหวานแต่เช้า เขาจึงรีบจ้วงยำปลากระป๋องสีสันน่ากินจานนั้นเข้าปากคำโต
ทั้งเผ็ด ทั้งเปรี้ยว ทั้งกลมกล่อม เนื้อปลากระป๋องหวานมันอร่อยลิ้น จนเขาต้องแอบตักมาใส่จานอีกคำใหญ่ ก็รู้อยู่หรอก ว่าเด็กในปกครองของเขาคนนี้ทำกับข้าวเก่ง เพราะตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ด้วยกัน เธอมักจะชอบเข้ามาช่วยในครัวและได้แสดงฝีมือทำอาหารขึ้นโต๊ะอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งอาหารหน้าตาน่ากินฝีมือเธอก็จะได้รับคำชมเสมอ เพราะรสชาติอร่อยถูกปากคนทั้งบ้านเป็นอย่างมาก