คนขับใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงซึ่งสำหรับหญิงสาวที่นั่งมาด้วยรู้สึกเหมือนมันนานชั่วชีวิตของเธอก่อนจะพารถเก๋งคันหรูลัดเลาะไปตามถนนเลียบชายฝั่ง กระทั่งรถไปหยุดลงที่บ้านพักหลังหนึ่งบนเชิงเขาและหญิงสาวรู้ว่ามันห่างจากโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ไกลโขเลยทีเดียว
“เชิญคุณลีแอนครับ”
คนของเฮ็คเตอร์เปิดประตูให้หญิงสาวก้าวลงไป ณชนกย่างก้าวด้วยความหวาดหวั่น หญิงสาวซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางหมู่ไม้ซึ่งห่างไกลออกมาจากย่านชุมชน มันเป็นสถานที่ที่สงบเงียบอย่างมาก ไม่ได้ยินเสียงรถแล่นผ่าน นั่นยิ่งทำให้หญิงสาววังเวงหัวใจ เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น และเมื่อบานประตูถูกเปิดออกเธอก็เห็นร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่ที่เก้าอี้รับแขก หญิงสาวยังยืนชิดบานประตูที่ปิดลงเหมือนเธอไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาในตอนนี้
“นั่งสิ”
เฮ็คเตอร์กล่าวขึ้นในความเงียบสงบ แม้จะเป็นเวลากลางวันที่แสงแดดส่องเข้ามาถึงแต่หญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนอยู่กลางห้วงทะเลลึก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...คุณมีธุระอะไรก็พูดกับฉันเลยก็ได้ เพราะเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับไปทำงานที่โรงแรม”
“ถึงไม่ไปวันนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอกลีแอน”
หญิงสาวเม้มปากสนิท ดูเหมือนผู้บริหารสูงสุดของบีช เบย์ คลับในเวลานี้จะเยือกเย็นเหมือนน้ำนิ่งสนิท เฮ็คเตอร์อยู่ในเชิ้ตขาวกางเกงแสล็คสีเทาดำ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่เธอจดจำได้นั้นยังคงเหมือนเดิม แต่นัยน์ตาสีฟ้าประกายมรกตคู่นั้นลุ่มลึกกว่าที่เธอเคยเห็น บางที...แผนน้ำที่ว่าสงบนิ่งก็ไม่รู้ว่าคลื่นใหญ่จะก่อตัวขึ้นตอนไหน ถึงเธอจะเคยรู้จักเขาแต่ด้วยสถานะที่แตกต่างกันทำให้แม้อยู่ตรงหน้าหากก็เสมือนว่าห่างไกลกันคนละฟากฝั่ง เฮ็คเตอร์วางแก้วไวน์ลงและกระตุกยิ้มมุมปาก
“กลัวหรือที่จะถูกไล่ออกจากงาน”
“ค่ะ...ฉันมีภาระหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ” ณชนกตอบขณะเผลอจับมือที่ประสานกันไว้แน่น
“แล้วถ้าผมมีข้อเสนอที่คุณจะได้รับเงินตอบแทนดีกว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้”
เขาหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาวที่เผลอถอยไปจนหลังชนบานประตู รอยยิ้มเหยียดยังตรึงอยู่ตรงมุมปากหยักหนา
“เป็นนางบำเรอเวลาที่ผมต้องการ”
“เฮ็คเตอร์!”
“ครั้งละสองแสน...คุ้มกว่างานที่คุณทำอยู่ตอนนี้หลายเท่า!”
“ฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ!”
“แต่คุณต้องรับมันไว้!”
แล้วคราบซาตานร้ายในตัวเขาก็เผยออกมาเต็มที่เมื่อร่างสูงคว้าข้อมือหญิงสาวทั้งสองก่อนกระแทกมันกับบานประตู ตรึงแขนทั้งสองของณชนกที่ไม่มีทางสู้ไว้บนนั้น ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตระหนก
“เฮ็คเตอร์...คุณเป็นอะไรไป...ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ”
ร่างเล็กน้ำตาซึม เธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ แต่มือหนาหนักราวคีมเหล็กของเขาทำเธอเจ็บร้าวไปถึงหัวไหล่ นัยน์ตาของเขาเข้มขึ้นอย่างน่าหวั่นกลัว ไม่เหลือคราบสุภาพบุรุษเจ้าของโรงแรมพันล้านอีกแม้แต่น้อย รอยปากหยักเหยียดออก เขาไม่ได้ยิ้มแต่มันคือร่องรอยอำมหิตจากเลือดเนื้อที่เธอไม่เคยได้สัมผัส
“เมื่อห้าปีที่แล้ว...” เฮ็คเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ เสียงนั้นเหมือนลอดไรฟันออกมาด้วยซ้ำ “ผมได้รับข้อความนัดให้ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ภัตตาคารอาหารไทยเลิศหรูในเชียงใหม่ ผมไปตามนัด และผมก็ได้เจอเธอ ผู้หญิงที่นัดผมไปที่นั่น ผู้หญิงที่ผมชอบเรียกเธอเล่น ๆ ว่าลีแอน”
ประกายตาของหญิงสาวเริ่มมีร่องรอยรำลึกและในขณะเดียวกันแววตาของอีกฝ่ายกลับขุ่นข้นราวกับเมฆมืดทะมึน
“เฮ็คเตอร์...”
“แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว ใช่...ผมเห็นเธอ พระเจ้า...เธอมากับรถหรูคันหนึ่งที่เข้ามาจอดเทียบหน้าภัตตาคาร มาพร้อมกับผู้ชายอีกคน ที่หล่อและสมาร์ท เขาจูงมือเธอขึ้นไปที่ภัตตาคารแห่งนั้น คุณรู้มั้ยว่า ตอนแรกที่ผมได้รับข้อความนัดพบจากเธอ มันทำให้ผมดีใจมากที่สุดในโลกหลังจากที่ผมเฝ้ารอที่จะได้พบเธอ...หลังจากที่เธอพยายามหลบหน้าไม่ยอมพบผมเป็นเดือน เธอไม่รับโทรศัพท์ของผม ทิ้งไว้แต่ข้อความตอบกลับ ผมเฝ้ารอเหมือนตลอดทั้งชีวิตเพื่อที่จะได้รับคำตอบอันขมขื่นในคืนนั้นว่า...เธอ...มีผู้ชายคนใหม่ไปแล้ว”
“เฮ็คเตอร์...คุณกำลังเข้าใจฉันผิดนะคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้นเสียดทะลุเข้าไปในหัวใจของหญิงสาวที่มีแต่ความทุกข์ระทมเมื่อเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างจากคำบอกเล่าของเขา
Chapter
5
“เข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ...ในเมื่อไอ้ผู้ชายคนนั้นมันน่าสงสารอย่างบัดซบ! มันก้มลงมองดูตัวเองที่แตกต่างยิ่งกว่าฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับหญิงชายคู่นั้นที่จูงมือกันเข้าไปในภัตตาคาร เธอเป็นลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ ช่างเหมาะสมกับผู้ชายที่ก็คงมีฐานะเดียวกัน”
“ฟังฉันก่อนค่ะ ได้โปรด”
“คุณนั่นแหละที่ต้องฟังผม!” เฮ็คเตอร์ส่งเสียงคำรามลั่นเหมือนจอมซาตานที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสวิญญาณของเธอหลุดรอดไปได้อีกครั้ง