แหกกฎ

2465 คำ
ตกเย็น... ฉันแยกย้ายกับเพื่อนๆมาที่ห้องซ้อมดนตรีของซันเพื่อมาถามข่าวเรื่องที่ฉันให้เขาไปสืบ แต่พอมาถึงห้องซ้อมกลับไม่มีใครอยู่เลย แต่ชั่งเถอะค่อยมาถามวันอื่นก็ได้ แกร๊ก!! หญิงสาวร่างบางเปิดประตูเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเธอสงสัยที่เห็นฉันอยู่ในห้องของวงซีเคร็ตโค้ดและแล้วเธอก็ถามฉันด้วยความสงสัยว่า... “เธอมาทำอะไรในห้องนี้หรอ”น้ำเสียงแลดูเป็นมิตรถามอย่างสงสัย “อ๋อ...ฉันมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ^^” “นึกว่าสมาชิกในวงนี้อีกสามคนจะสละโสดซะแล้ว^-^” พูดแบบนี้หมายความว่าไงอ่ะ แสดงว่าหนึ่งในสี่คนมีแฟนแล้วหรอจะเป็นใครกันนะ ขออย่าได้เป็นพอร์ชของฉันเลยนะ สมาชิกซีเคร็ตโค้ดไม่เคยมีใครรู้เรื่องหรือประวัติที่แท้จริงของเขาเลย และถ้าเกิดว่าคนในกลุ่มมีแฟนหรือคนรักก็จะไม่มีแฟนคลับคนไหนรู้เหมือนกันเพราะพวกเขากลัวว่าผู้หญิงที่คบหาด้วยจะเกิดอันตรายด้วยน้ำมือของแฟนคลับที่คลั่งไคล้เขาทั้งสี่นั้นเองและเพราะเหตุนี้ทำให้เขาตั้งชื่อวงว่าซีเคร็ตโค้ดซึ่งแปลมาจากรหัสลับ “เปล่าหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับใคร^_^” แต่ฉันอยากเป็นแฟนพอร์ช อันนี้พูดในใจ “เอ...ว่าแต่เธอชื่ออะไรหรอ ฉันชื่อนาเดียนะ^^” “ฉันชื่อมิวนิค...ยินดีที่ได้รู้จักนะนาเดีย” ตลอดทางที่ฉันแยกตัวออกมาจากห้องซ้อมดนตรีของพวกซีเคร็ตโค้ด ฉันก็เอาแต่คิดมาตลอดทางเลยว่าใครคือหนึ่งในสี่ที่มีแฟนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว กลัวว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นพอร์ช ไม่ได้นะฉันยังไม่อยากอกหักตอนนี้ คนอื่นจะมีก็มีไปเถอะขอไว้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ “มิวทำไมมาช้าจังเลย...แล้วซันว่าไงบ้าง”>น้ำขิงที่นั่งอยู่ในร้านถามขึ้น “ไม่เจอใครซักคนเลย...เจอแต่นาเดีย...เออนี่พวกแกพอจะรู้ไหมว่าหนึ่งในสี่คนของพวกซีเคร็ตโค้ดมีใครมีแฟนแล้ว”>ฉันถามออกไปด้วยความอยากรู้ “พอรู้มาเหมือนกัน น่าจะเป็นซันนะแต่ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าผู้หญิงของเขาเป็นใครพวกนั้นกำความลับเก่งจะตายไป”>ปาร์ตี้ “อ๊าย!! โล่งฉันคิดว่าจะเป็นพอร์ชของฉันซะอีก^^” โชคดีจังที่ไม่ใช่พอร์ช “กล้าพูดนะยะว่าพอร์ชของแก”>พิกเล็ท กระแนะกระแหน “นี่ขัดฉันตลอดเลยนะพิกเล็ท เออสั่งอะไรยังอ่ะ”>ฉันหันไปถามปาร์ตี้กับน้ำขิง “แกจะกินอะไรล่ะเดี๋ยวฉันไปสั่งที่เคาน์เตอร์ให้”แผนสูงจังเลยนะน้ำขิง “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดอะไร”>พิกเล็ท “ฉันเอาบราวน์นี่ซันเดย์”>ฉัน กรุ๊งกริ๊ง!! เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูร้านดังขึ้นบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ซึ่งเสียงนั้นเรียกความสนใจให้ฉันต้องหันไปมอง และบุคคลที่มาใหม่นั่นก็คือซันกับนาเดียนั่นเอง เอ๊ะนี่อย่าบอกนะว่าซันเป็นแฟนกับนาเดียน่ะ แต่ก็ชั่งเถอะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันเลย “อ้าวมิว...”เสียงใสๆของนาเดียเรียกฉัน “นาเดีย... ^^” ฉันส่งยิ้มไปให้นาเดีย สายตาฉันกับไปเผลอจ้องตากับซันซะงั้น จ้องสายตาเขาไม่นานฉันก็ต้องหลบไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลามองหน้าเขาทีไรเหมือนต้องมนต์สะกดอย่างไงอย่างงั้นเลยทั้งที่ฉันก็ไม่ได้ชอบซันเลยแม้แต่นิดเดียว “เอ...ไม่มีที่ว่างซะด้วยจะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอร่วมโต๊ะกับเธอด้วย^_^” “ได้สิ^^”นาเดียไม่รีรอรีบจูงมือซันให้เข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับฉันทันที อยากจะถามเรื่องที่เขาสืบให้ฉันนะแต่ก็ไม่กล้าถามต่อหน้านาเดียกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันไปปิ๊งแฟนเธอเข้า “ขอบใจนะมิว ซันนั่งนี่สิ”นาเดียดึงซันให้มานั่งข้างๆเธอ อยากจะรู้จังเลยว่าไอ้หน้าตายตรงหน้าฉันไปเป็นแฟนกับนาเดียได้ยังไงดูจากนิสัยและความเหมาะสมแล้วชั่งแตกต่างกันเหลือเกิน นาเดียดูร่าเริงเป็นมิตรกับทุกคนแต่ดูนายซันสิหน้าตาก็ดีแต่ดันทำหน้านิ่งหน้าตายตลอดเวลาหรือว่าเขาแค่วางฟอร์มต่อหน้าคนอื่นกันนะ วันต่อมา... “มิว...ตื่นได้แล้ว”ฉันได้ยินเสียงแม่แว่วๆดังอยู่หน้าห้องนอนของฉัน แต่ฉันก็ได้แต่คุมโปรงและก็หลับต่อ ผ่านไป15นาที... “มิว!! นี่ลูกยังไม่ตื่นอีกหรอ ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”เสียงแม่ตะโกนลั่นบ้านอย่างอารมณ์เสียที่เห็นร่างของฉันสลบอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “กี่โมงแล้วคะแม่”ฉันถามแม่เสียงงัวเงีย “6โมง45นาทีแล้วO0O” ห๊า ว่าไงนะ ฉันไม่รีรอ รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป ฉันเห็นแม่ส่ายหน้าอย่างระอาที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฉันตื่นสายวันนี้แค่วันแรกนะแต่เกือบทุกวันเลยที่ฉันจะต้องไปสาย ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว20นาทีก่อนจะลงไปที่โต๊ะทานข้าว “มิว ลูกอายุ17แล้วนะเมื่อไหร่จะปรับปรุงตัวเองสักทีโตจนรับผิดชอบตัวเองได้แล้วแต่ลูกก็ยังทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้อีก ถ้าลูกไม่ปรับปรุงตัวแม่จะให้ย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ”แม่บ่นทันทีที่ฉันหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ “ก็มิวนอนดึกนี้คะแม่ ช่วงนี้การบ้านเยอะจะตาย-_-”ฉันแถลไปเรื่อยความจริงแล้วฉันไม่ได้ทำการบ้านหรอกแต่ฉันดูซีรีย์เกาหลีจนดึกต่างหากล่ะ “คราวนี้แม่จะไม่ว่าก็ได้ เห็นว่ามีเหตุผลหรอกนะ”แม่เชื่อฉันแล้วก็ยอมหยุดบ่น ความจริงฉันก็ไม่อยากโกหกแม่หรอกนะแต่ว่าถ้าเกิดบอกความจริงกับแม่ไปมีหวังแม่ฉันสวดยาวสามชั่วโมงก็ไม่จบ “ค่ะแม่” “วันนี้ไปเองนะ เพราะว่าพ่อของลูกมีประชุมต้องรีบไปถ้าลูกตื่นเช้ากว่านี้พ่อคงไปส่งแล้ว”เอาเข้าไปชีวิต ตื่นสายไม่พอ นี่ฉันยังต้องไปโรงเรียนเองอีกหรอ “ประชุมอีกแล้ว งั้นมิวไปแท๊กซี่ก็ได้ -_-!!” “ไม่ได้ ลูกต้องไปรถเมล์ มิวแม่ว่าลูกสบายเกินไปแล้วนะหัดลำบากบ้างสิจะได้รู้คุณค่าของเงิน”เอาอีกแล้วแม่บ่นอีกแล้ว บ้านเราก็ใช่ว่าไม่มีฐานะ พ่อก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ส่วนแม่ก็เปิดร้านเบเกอร์รี่อยู่สาขานึง โอ๊ยฉันละเซงเอาเถอะฉันรู้ว่าแม่อยากให้ฉันรู้คุณค่าของเงิน อยากให้ฉันใช้เงินให้เป็นอนาคตจะได้ไม่ลำบากแต่ว่าถ้าขึ้นรถเมล์ฉันก็ต้องไปยืนน่ะสิ “แต่รถเมล์ มิวต้องยืนนะคะแม่=_=” “ยืนแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงโรงเรียนแล้ว ไม่รู้ล่ะถ้าลูกไปแท๊กซี่แม่จะหักค่าแท๊กซี่แทนค่าขนมลูก”สงสัยต้องหาเงินใช้เองแล้วสิฉัน “ค่ะรถเมล์ก็รถเมล์…งั้นมิวไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะแม่-_-” ฉันยกมือไหว้แม่พร้อมกับหยิบกระเป๋าถือลุกขึ้นจากเก้าอี้ นี่ฉันจะทันเข้าแถวไหมเนี้ยตื่นก็สายแถมฉันยังต้องมายืนรอรถเมล์อีก ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้ฉันตื่นแต่เช้าแล้วให้พ่อไปส่งที่โรงเรียนยังจะดีกว่าอีก ฉันยืนรอเพียงไม่นานรถเมล์ก็แล่นมาจอดข้างหน้า ฉันไม่รอช้ารีบก้าวขึ้นไปแต่ทว่ารถเมล์แทบจะหาที่เกาะไม่ได้เลยอย่าว่าแต่ที่เกาะเลยขนาดที่ยืนยังไม่ค่อยจะมีเลยโอ๊ยถ้าจะลำบากลำบนขนาดนี้นะฉันขึ้นแท็กซี่ยังดีซะกว่าดูสิเนี้ยเบียดกันจนเป็นปลากระป๋องแล้วอากาศหายใจยังแทบไม่ค่อยจะมีเลย เอี๊ยดดดดด!!!! เสียงล้อรถเมล์บดไปกับถนนด้วยความเร็วจนฉันตั้งหลักไม่ทัน ถไลไปข้างหน้าด้วยความไวแสงแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ฉันไม่ล้มหน้าคว่ำเพราะว่ามีพลเมืองดีจับคอเสื้อฉันไว้ก่อนทำให้ฉันตั้งหลักได้และสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาที่จับก่อนที่จะหันไปขอบคุณพลเมืองดีคนนั้น “ขอบคุ...นาย!!” ฉันตกใจที่ซันเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตฉัน “เห็นหน้าฉันอย่างกับเห็นผีอย่างงั้นแหละ-_-” หน้านายยิ่งหว่าผีอีกย่ะ “เปล่าแค่ตกใจว่าคนอย่างนายจะมาขึ้นรถเมล์กับเขาด้วย” “ฉันไม่ชอบทำอะไรที่ดูเวอร์น่ะ” “เอ่อ...แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปสืบนายได้ข้อมูลอะไรมาบ้างล่ะ-_-” “ฉันสืบได้แค่ว่าอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่งน่ะ”อยู่ในวงดนตรีด้วย งั้นก็มีสิทธิ์เป็นพอร์ชน่ะสิ “จริงหรอ^^” “นี่ ดีใจออกนอกหน้าไปแล้วป้ะ-_-” “เออ...นาเดียเป็นแฟนนายหรอ”ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขาหรอกนะแต่ถามเพื่อความมั่นใจว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่พอร์ช “อืม แต่ห้ามบอกใครนะฉันไม่อยากให้นาเดียโดนแฟนคลับเล่นงาน”โธ่ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน รู้จักเป็นห่วงแฟน “ฉันไม่บอกใครหรอก”เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉัน “แต่ถ้าเกิดว่าวันไหนแฟนคลับรู้เรื่องนี้ฉันจะจัดการเธอ-_-” “ทำไมต้องฉันล่ะ อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้-o-” “ก็เพราะเธอเป็นคนนอกคนเดียวที่รู้”ไม่น่าถามเลย เห็นไหมล่ะงานเข้าฉันแล้วเนี้ย “ฉันทำเป็นไม่รู้ตอนนี้ทันไหมเนี้ย” หลังจากที่ฉันและซันคุยกันไม่นานรถเมล์ก็มาถึงโรงเรียนแล้ว แต่ดันซวยตรงที่ว่าประตูปิดแล้วถ้าเข้าไปต้องโดนขึ้นทัณฑ์บนแน่นอน เอาไงดีเนี้ยฉันยืนคิดได้ไม่นานร่างสูงของซันก็เดินไปอีกทางของโรงเรียน ฉันเห็นดังนั้นก็เดินตามเขาไปติดๆเอาเป็นว่าอาศัยตามเขาไปและกันเนอะ “นายจะไปไหนอ่ะ” “ตามมาเถอะน่าไม่ต้องบ่นให้มันมาก-_-” “นายมีทางลับหรอ”ฉันถามขึ้นเมื่อซันพาฉันมาตรงกำแพงที่มีพุ่มไม้กองใหญ่ปิดเอาไว้แต่เมื่อเขาเปิดกองไม้นั้นก็เห็นกำแพงที่เป็นช่องที่สามารถรอดเข้าไปภายในรั้วโรงเรียนได้ โห...ถ้าเกิดรู้ว่ามีทางแบบนี้ฉันมาสายทุกวันก็ดีแต่จะว่าไปทางลับของซันเนี้ยถ้าไม่สังเกตดีๆมองไม่เห็นเลยนะ “ก็เห็นอยู่ยังจะมาถามอีก ปัญญาอ่อนหรือเปล่าเนี้ย”ไม่หน้าเชื่อว่าหน้าตาหล่อๆจะแอบปากจัดด้วย นอกจากคำพูดจะเจ็บแล้วเขายังพูดด้วยใบหน้าอันเรียบนิ่งอีกด้วยซึ่งมันดูแล้วกวนสุดๆ “นายกล้ามากที่พูดกับฉันแบบนี้” “ทำไม...เธอจะทำไมฉัน”ซันไม่พูดเปล่าแต่กลับดันตัวฉันให้เข้าไปในช่องทางเข้าโรงเรียนที่เป็นทางลับแทน พลั๊ก!! ตุ๊บ!! แต่พอเข้ามาภายในรั้วโรงเรียนไม่นานสารวัตรนักเรียนที่คอยตรวจและจับนักเรียนที่มาสายก็ดันเห็นเข้าซะก่อนคราวนี้งานเข้าพวกฉันสองคนเลย ซันรีบมุดตามฉันมาพร้อมกับฉุดข้อมือให้ฉันวิ่งติดตามเขาไปด้วย สารวัตรนักเรียนไม่ละความพยายามวิ่งตาม พวกฉันสองคนมาอย่างติดหนึบโอ๊ย!! ถึงคราวซวยแล้วแน่ๆถ้าฉันโดนทัณฑ์บนแม่ต้องสวดยฉันแน่ๆเลย “นี่พวกเธอสองคนน่ะหยุดเดี๋ยวนี้นะ”สารวัตรนักเรียนหนึ่งในสามคนตะโกนขึ้นเพื่อให้ฉันและซันหยุด แหมหยุดก็โง่น่ะสิไม่มีทางหรอกย่ะ “ซัน ฉันเริ่มวิ่งไม่ไหวแล้วอ่ะ-o-” “นี่อย่าเพิ่งมาเหนื่อยตอนนี้ได้ไหม ทำอย่างกับไม่เคยผิดระเบียบอย่างงั้นแหละ” “ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่ที่ฉันเรียนมาฉันไม่เคยแหกกฏเลยแม้แต่ครั้งเดียว” “บางทีกฏก็มีไว้แหกนะ เธออยากลองไหมล่ะ^^” ซันหันมากระตุกยิ้มให้ฉันหนึ่งทีก่อนที่จะพาฉันวิ่งต่อ “นี่ฉันบอกให้หยุดไงเล่า”สารวัตรนักเรียนกลุ่มนั้นยังคงตามมาติดๆ ฉันไม่มีทางเลือกแล้วมาถึงขนาดนี้แล้วฉันก็ต้องลองแหกสักครั้งแล้วล่ะ “ฉันมีทางเลือกหรอ ถ้าฉันทำตามระเบียบตอนนี้มีหวังทัณฑ์บนลอยมาแน่ๆ”ฉันกล่าวเสียงหอบ “งั้นก็ดี”ซันวิ่งเร็วขึ้นโดยที่มีฉันคอยตามเขามาด้วย สายตาของฉันมองไปเห็นตรงมุมตึกและนั่นคือทางเดียวที่เราสองคนจะรอดจากน้ำมือของสารวัตรจอมติดหนึบพวกนี้ “ข้างหน้ามีที่หลบ”ฉันบอกกับซัน ซันพยักหน้าว่ารับรู้ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในนั้นโดยที่พวกสารวัตรไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย ฉันและซันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ภายในมุมตึกที่มืดนั้นทำให้สารวัตรนักเรียนไม่สามารถมองเห็นพวกเราได้วันนี้ฉันจึงรอดอย่างหวุดหวิด แล้วก็ยังมาทันคาบแรกของการเรียนอีกด้วย “นี่ไปทำอะไรมาน่ะถึงได้เหงือไหลไคลย้อนแบบนี้”>พิกเล็ทถามฉันทั้งๆที่หน้าเธอยังจับจ้องที่กระดานไวท์บอร์ดอยู่เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกต “ตื่นสาย มาโรงเรียนเอง วิ่งหนีสารวัตร”ถึงปากจะตอบออกไปแต่สายตาฉันก็ทำเป็นสนใจกระดานทั้งๆที่การเรียนคาบนี้ไม่ได้เข้าสมองฉันเลยแม้แต่นิดเดียว “เจริญเถอะจ่ะ เออนี่การ์ดของเธอ”พิกเล็ทเลื่อนการ์ดมาให้ฉันใต้โต๊ะ แต่ใบหน้ายังอยู่ที่กระดานเช่นเดิม “ขอบใจ^///^” “เธอยิ้มอะไรมัสรส”และแล้วก็ไม่พ้นสายตาของอาจารย์ฉัตรคนนี้ไปได้เลย สายตาชั่งเฉียบคมจริงๆเลย “เปล่าค่ะอาจารย์^_^” ฉันส่งยิ้มแหยๆไปให้อาจารย์จากนั้นท่านจึงหันไปสนใจตำราต่อ ฟู่ว เกือบไปแล้วนะยัยมัสรส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม