8

1571 คำ
“นิดหน่อยค่ะพี่ยศ” เธอสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากร่างกายของเขา แม้จะเคยใกล้ชิดเขาแต่เธอก็ไม่เคยแนบชิดเขาเกินงาม เพราะน้าสาวสอนให้รักนวลสงวนตัวอยู่เสมอ “นิ่มรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะครับ พี่เป็นห่วง” ยศวินฉวยโอกาสนั้นจับมือหญิงสาวมากุมเอาไว้ “ปล่อยมือเธอเดี๋ยวนี้!!!”  เสียงเข้มดุดันที่เอ่ยขึ้นไม่ได้ทำให้ยศวินกลัวเท่ากับปลายกระบอกปืนจ่อมาที่ขยับ “โอเคๆ คุณควรจะใจเย็นๆ เอาไว้” ยศวินกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าพฤกษ์จะดูโมโหขนาดนี้ “เกิดอะไรขึ้นคะพี่ยศ” นิ่มอนงค์รีบเอ่ยถามเมื่อเธอได้ยินเสียงดุดันของเจ้าบ่าว พฤกษ์มองสบตายศวินอย่างดุกร้าว ยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เตือนให้อีกฝ่ายรู้ว่าหากพูดอะไรไม่เข้าหู อาจจะจบชีวิตลงเดี๋ยวนี้ ยศวินขนลุกซู่ ถ้าเขาโวยวายอาจจะทำให้นิ่มอนงค์ช่วยเขาได้ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่เธอตาบอดเช่นนี้ ดังนั้นเขาไม่ควรเสี่ยงกับความโมโหของคนตรงหน้า “อย่าแตะต้องเธออีก จำเอาไว้” น้ำเสียงของพฤกษ์ทำให้ยศวินลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวจนเขาไม่กล้าต่อกร เขาควรจะรักษาชีวิตเอาไว้ ยังมีอีกหลายวิธีที่จะยุแยงนิ่มอนงค์ แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้ชายบ้าเลือดอย่างพฤกษ์ “พี่ยศคะ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” นิ่มอนงค์พยายามเอ่ยถามเมื่อเห็นยศวินเงียบไป มือบางขยับไปด้านหน้าเหมือนคว้าอะไรสักอย่าง ขัดใจกับสภาพตาบอดของตนเองยิ่งนัก คนที่ไม่อยู่ในโลกมืด ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของเธอ “อุ๊ย!” นิ่มอนงค์อุทานเมื่อคว้าไปด้านหน้าก็สัมผัสกับมือร้อนที่กุมลงมา “พี่เอาน้ำมาให้” นิ่มอนงค์ขมวดคิ้วยุ่งเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงของพฤกษ์ เขาแตะแก้วน้ำมาที่ปากเบาๆ ทำท่าจะป้อนให้เจ้าสาว “พี่ยศไปไหน” ตุ๊บ!!! เสียงแก้วน้ำหล่นกระทบกับผืนหญ้าเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมกินแต่ปัดออก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์เช่นไร แต่เธอไม่เห็นสน เธอเชิดคางขึ้นกิริยาเช่นนี้ทำให้พฤกษ์กอดอกมอง เขาไม่ได้โกรธ แต่ไม่พอใจเล็กๆ เมื่อเธอปฏิเสธน้ำใจของเขา “ถ้าไม่หิวก็ดี เราจะต้องกลับเข้างานแล้วละ” ไม่พูดเปล่าเขาตวัดอุ้มร่างอรชรขึ้นสู่อ้อมแขน “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยสิ” “จะให้ปล่อยจริงเหรอ” พฤกษ์หยุดเดินถามเสียงนิ่ง เขาทำท่าจะหย่อนเจ้าสาวลงจากอ้อมแขน แม้จะตาบอดแต่ประสาทสัมผัสเธอยังดีเยี่ยม นิ่มอนงค์รีบคว้าคอหนาเอาไว้ในทันที และถ้าเธอหูไม่ได้ฝาด เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา ไม่ใช่เสียงเยาะเย้ยแต่เป็นเสียงรื่นรมย์ต่างหาก เธอหน้างอทันที ..เขาคงหัวเราะชอบใจที่เธอพ่ายแพ้แก่เขา “หิวน้ำหรือเปล่า” เขากระซิบถามเมื่อวางเธอนั่งลงที่ไหนสักแห่ง ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงนึกชื่นชมผู้ชายเช่นเขาที่เอาใจใส่ต่อคนอื่น แต่เวลานี้ไม่ใช่ เขาทำไปเพราะเธอเป็นเจ้าสาวที่จะทำให้เขาร่ำรวยได้ชั่วข้ามคืนหลังจากจดทะเบียนสมรสกันแล้ว “ไม่...” เธอเชิดหน้าตอบ แต่ยังไม่จบประโยคเขาก็กระซิบแทรกลงมาที่หู “โอกาสสุดท้าย แล้วเธอจะไม่ได้รับน้ำแม้แต่หยดเดียว” คำขู่ของเขาทำให้เธอนิ่งอึ้ง มือควานไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ก็เจอเพียงมือเขา ..นี่ทุกคนหายไปไหนกันหมด จะทิ้งเธอไว้กับเขาตลอดเวลาหรือไง “คนอื่นยุ่งอยู่” เขากระซิบบอกอีกครั้ง น้ำเสียงยังเรียบๆ ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ เธอนึกอยากจะเห็นหน้าเขานักว่าตอนนี้อยู่ในอารมณ์ใด เขาเก็บอารมณ์เก่ง น้ำเสียงที่แสดงออกนั้นไม่ได้ทำให้เธอเดาได้เลย ไม่เหมือนคนอื่นๆ “ฉันอยาก... ดื่มน้ำ” ในที่สุดเธอจำต้องพูดออกไป หากจะเชิดใส่เขาคงไม่เป็นประโยชน์เพราะเขาอยู่เหนือกว่าทุกอย่าง “อื้อ...” นิ่มอนงค์ตกใจเธอใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบตีแผ่นหลังเขาเมื่อเขาประกบริมฝีปากลงมา ลิ้นหนาสอดแทรกแล้วป้อนน้ำเธออย่างวาบหวามทำให้แก้มสาวแดงฉ่ำ “อีกไหม” น้ำเสียงของเขาดูรื่นเริงใจนัก นิ่มอนงค์อยากจะประทุษร้ายเขาให้เจ็บแสบแต่เธอมองไม่เห็น ทุบตีไปตรงไหนเขาก็รวบมาจุ๊บเสียทุกครั้ง “คนฉวยโอกาส” เธอผรุสวาทหน้างอ “อีกไหม” เขาถามซ้ำไม่สนใจคำต่อว่าต่อขาน “ไม่เอาแล้ว อื้อ...” นิ่มอนงค์ร้องประท้วงอีกครั้งเมื่อถูกป้อนน้ำอีกอึกใหญ่ เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้าหาอย่างดูดดื่ม เขาบังคับให้เธอเผยอริมฝีปากออกโดยการเลื่อนมือไปเคล้นคลึงทรวงอิ่ม เธอหอบหายใจหน้าแดงจัดเมื่อเขาปล่อยเป็นอิสระ “เข้างานกันเถอะ” น้ำเสียงของเขาอื้ออารีเสียเหลือเกิน นิ่มอนงค์ไม่มีเวลาพยศหรือขัดใจอะไรเขาได้  นิ่มอนงค์คิดว่าจะออกฤทธิ์ออกเดชอาละวาดให้เจ้าบ่าวอับอายขายหน้า กลายเป็นเดินต้อยๆ ตามเขาไปพบกับญาติผู้ใหญ่ แม้ตาเธอจะมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงทุ้มๆ ที่คอยกระซิบบอกข้างหูก็ทำให้เธอจำต้องยกมือไหว้คนตรงหน้าตามที่เขาบอก เขาคอยเกาะแขนประคอง บ้างก็กอดเอวคอดเอาไว้ รั้งให้เธอเดินตาม ภาพเหล่านั้นทำให้คนทั้งงานอมยิ้ม พฤกษ์ทำหน้าที่เป็นไม้เท้าให้เจ้าสาว นงนภัสเองที่เห็นภาพนั้นยังนึกไม่ถึง บางทีก็ค้อนหลานเขยเสียหน้าคว่ำ คิดว่าอีกฝ่ายคงทำดีบังหน้า นิ่มอนงค์ได้ยินเจ้าบ่าวกระซิบว่าเขาขอตัวไปห้องน้ำ และฝากเธอไว้กับเพื่อนเขาที่ชื่อเดือนประดับ เธอถูกประคองไปนั่งบนเก้าอี้ เสียงรอบกายเงียบกว่านาทีก่อน เพื่อนของเขาคงพาออกมาด้านนอกของงานที่ไม่มีคนพลุกพล่าน “ไม่คิดเลยนะคะว่าพฤกษ์จะแต่งงานกับคนตาบอด” น้ำเสียงของเดือนประดับมีแววหยันๆ จนนิ่มอนงค์คอแข็ง “เสียใจเหรอคะที่เขาไม่แต่งงานกับคุณ” อะไรก็ไม่รู้ทำให้นิ่มอนงค์พูดออกไปเช่นนั้น และได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเงียบเสียงไป “อีกไม่นานพฤกษ์คงหย่า” “ก็รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะค่ะ ค่อยมาพูด” ไม่รู้อะไรอีกที่ทำให้เธอพูดออกไปเหมือนหวงสามีเช่นนี้ ทำเหมือนกับว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนมาฉกตัวเขาไปได้ “คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ” เสียงของพฤกษ์ทำให้บรรยากาศที่ชวนอึดอัดหายไป นิ่มอนงค์รีบยกมือให้เจ้าบ่าวทันที และพฤกษ์ก็รีบจับมือบอบบางนั้นไว้ทันทีเช่นกัน “ขอบใจมากนะเดือน” เขาหันไปขอบคุณเพื่อน เดือนประดับเพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อย “วันหลังพี่พฤกษ์อย่าไปนานนะคะ นิ่มไม่อยากอยู่กับคนแปลกหน้า” เธอจงใจเน้นคำ ก่อนจะซบหน้าที่แขนแกร่งที่กอดเอาไว้แน่น พฤกษ์มองอย่างงุนงง แต่ไม่ได้พูดอะไร เดือนประดับมองตามคนทั้งสองไปด้วยความริษยา ..ทำไมเจ้าสาวของพฤกษ์ถึงไม่ใช่เธอนะ “ทีหลังอย่าฝากฉันไว้กับชู้รักของคุณอีก” พอเดินห่างออกมาสักครู่เธอจึงเปลี่ยนสรรพนาม ทำเสียงแข็งใส่เขา พฤกษ์ที่ขมวดคิ้วคราแรกถึงบางอ้อว่าเหตุใดเธอจึงดูอ้อนเขาเมื่อครู่ คงคิดว่าเดือนประดับเป็นคู่รักเขานั่นเอง “เดือนประดับไม่ใช่ชู้ เค้าเป็นเพื่อน” “ชิส์! ใครจะไปเชื่อ” นิ่มอนงค์ทำเสียงขึ้นจมูก “แล้วแต่นะ ถ้านิ่มไม่เชื่อ แต่พี่บริสุทธิ์ใจ” เขาพูดจริงจัง นิ่มอนงค์จึงเงียบเสีย เมื่อฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึง ทำให้นิ่มอนงค์รู้สึกเป็นกังวล คนที่เธอจะเรียกหาขอความช่วยเหลือนั้นไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็นยศวิน แพรพิลาศหรือแม้แต่น้าสาวที่อยู่ข้างเธอมาตลอด ผู้ใหญ่กล่าวอวยพรเสร็จสิ้นก็ปล่อยให้คนทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องหอ “จะทำอะไรน่ะ” นิ่มอนงค์สะบัดมือคนร่วมห้องออกห่าง แต่ทำให้เธอเซจะล้ม พฤกษ์คว้าร่างอรชรเอาไว้ได้ทัน ทำให้หญิงสาวตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “นั่งลงตรงนี้ พี่จะแกะผมให้” พฤกษ์กดร่างเจ้าสาวคนสวยให้นั่งที่ขอบเตียง สัมผัสของเขาไม่ได้กระแทกกระทั้นแต่อ่อนโยนทะนุถนอม “ไม่จำเป็น” นิ่มอนงค์ปัดมือเขาออก ไม่ยอมรับความหวังดีจากเขา “แกะเองได้เหรอ” เขาถามหยั่งเชิงไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวแม้แต่น้อย เหมือนผู้ใหญ่กำลังเข้มงวดกับเด็กเอาแต่ใจ “ให้แพรพิลาศมาแกะให้ เค้าอยู่ไหนไปตามมาเดี๋ยวนี้” ออกคำสั่งเสียงเฉียบ เชิดหน้าอย่างถือดี แม้ตาจะมองไม่เห็นแต่กลับหยิ่งทระนงไม่ลดรา “เค้ากลับไปพักผ่อนแล้วละ ช่วยงานตั้งแต่เช้า ไม่เกรงใจเขาเหรอไง” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม