“ได้สิ แต่รอให้ข้าตัวโตก่อนนะ เพราะตอนนี้ข้าตัวเล็กเกินไป”
นางมีข้อต่อรอง ขณะมองริมฝีปากของเขาเทียบกับขนาดริมฝีปากของตัวเองแล้วมันต่างกันหลายเท่า หากบินเข้าไปจูบนางคงถูกเขางับหัวแน่
“ข้าจะรอวันนั้น ไปกันเถอะ พาข้าไปหาหัวหน้าของเจ้าเถิด นางอยู่ที่ใดข้าจะได้นำผลึกทับทิมไปเปิดประตู” พ่อมดหนุ่มเอ่ยขึ้น
“ท่านวาเลนอยู่บนยอดเขาสูงนั่น แต่ข้าได้ยินมาว่าท่านมีพลังเวทย์สูง ท่านต้องระวังตัวให้ดีนะ”
นางภูติจิ๋วชี้ให้ดูยอดเขาสูงลูกหนึ่ง ก่อนจะหันมาเตือนพ่อมดหนุ่มด้วยความห่วงใย ชีวิตของนางฝากไว้ที่เขาแล้ว หากเขาเป็นอะไรไปนางคงถูกพวกภูติภูเขากำจัดแน่นอน
“ก็ให้รู้กันไปว่า พลังเวทย์ของข้าจะสู้ภูติภูเขาไม่ได้ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าเหาะไป เข้ามาอยู่ในอกเสื้อข้านี่แล้วเกาะไว้แน่นๆ”
เขาใช้มือจับร่างเล็กไว้ แล้วเอาตัวนางซุกไว้ที่อกเสื้อ ก่อนจะร่ายเวทย์พาตัวเองลอยจากพื้นตรงไปยังภูเขาลูกที่สูงที่สุดที่นางภูติจิ๋วชี้ให้ดู
“ท่านเหาะมาแบบนี้ไม่กลัวภูติตนอื่นเห็นเข้าหรือ”
ภูติจิ๋วเฟริเซียมองดูด้านล่าง เห็นเหล่าภูติภูเขาหลายตนบินวนไปมาทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ เกรงจะมีใครมองเห็นผู้บุกรุกแล้วนำเรื่องไปแจ้งหัวหน้าภูติภูเขา
“ไม่มีใครเห็นพวกเราหรอก ข้าร่ายเวทย์กำบังกายไว้ ต่อให้ยืนตรงหน้าก็ไม่มีใครเห็น นั่นใช่ไหมที่พักของพวกภูติภูเขา ช่างแปลกจริง อาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเหมือนพวกปลวกมด”
พ่อมดคาไลน์ชี้มือไปยังที่พักของพวกภูติภูเขาซึ่งอาศัยรวมกันอยู่ในถ้ำบนภูเขาลูกใหญ่ ซึ่งเจาะเป็นถ้ำเล็กถ้ำน้อย มองไกลเหมือนจอมปลวกยักษ์มีรูพรุนไปทั่ว ต่างจากพวกภูติต้นไม้ที่อาศัยบนต้นไม้
“ท่านวาเลนอยู่บนถ้ำด้านบนตรงนั้น”
เฟริเซียชี้นิ้วไปยังถ้ำที่อยู่ด้านบนสุด ซึ่งตั้งบนปลายยอดของภูเขา มีพื้นที่ว่างหน้าถ้ำจัดเป็นสวนดอกไม้และด้านหน้ามีต้นไม้ทิพย์หลายต้นออกผลเป็นหยดน้ำใสๆ อยู่เต็มต้น เป็นแหล่งอาหารของพวกภูติภูเขาทั้งหลาย
“ที่อยู่ของนางภูติภูเขาสวยงามไม่เบา นางคงอยู่ด้านในสินะ”
พ่อมดคาไลน์ลอยตัวลงเหยียบพื้นหญ้า ก่อนจะนำตัวภูติจิ๋วออกจากอกเสื้อ
“ข้าจะแฝงกายเข้าไปภายในถ้ำของนางหัวหน้าภูติภูเขา เจ้ารออยู่ด้านนอกนะ หากมีการต่อสู้กันเจ้าจะได้ไม่เป็นอันตราย ข้าจะร่ายเวทย์กำบังกายเจ้าไว้ไม่ให้ผู้ใดเห็นเจ้า”
พ่อมดหนุ่มร่ายเวทย์กำบังกายให้นางแล้วปล่อยให้นางรออยู่หน้าถ้ำ ตัวเขาเดินเข้าไปภายในถ้ำเพียงลำพัง
“เรื่องอะไรข้าจะอยู่เฉยรอท่านที่นี่ ข้าก็อยากเห็นท่านวาเลนเหมือนกัน”
เฟริเซียมีนิสัยดื้อรั้นไม่ชอบทำตามคำสั่ง นางจึงไม่ยอมรอที่หน้าถ้ำแต่แอบบินตามเขาไปห่างๆ
ภายในถ้ำที่พักของหัวหน้าภูติภูเขามีผลึกสีเหลืองอำพันให้แสงสว่างไม่ต่างจากโคมไฟ ทำให้มองเห็นภายในชัดเจน พ่อมดหนุ่มเดินเข้าไปในโถงถ้ำกว้าง มองสำรวจไปทั่วบริเวณ ที่พักของพวกภูติภูเขาตกแต่งอย่างเรียบง่าย แบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนด้วยการวางหินกั้น มีเก้าอี้ทำจากหินอ่อนสีขาวให้นั่งพักผ่อน และเมื่อเดินเข้าไปด้านในก็พบห้องนอนวางเตียงหินอ่อนสีขาวผ้าสีแดงปูทับด้านบน วางหมอนสีเดียวกันและมีม่านโปร่งบางสีน้ำตาลอ่อนคลุมเตียงไว้โดยรอบ พ่อมดหนุ่มมองหาเจ้าของห้อง ก่อนจะยิ้มเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องที่จัดไว้เป็นห้องอาบน้ำ เขาจึงพาตัวเองเดินผ่านเข้าไป
ภายในห้องอาบน้ำที่สร้างเป็นอ่างขนาดใหญ่กว้างพอสำหรับคนสองคนจะสามารถลงไปนอนแช่ได้ มีหินแกะสลักเป็นรูปสิงโตอยู่ด้านบนผนังปล่อยน้ำไหลลงมายังอ่าง ร่างเปลือยเปล่าของนางภูติตนหนึ่งนอนแช่อยู่บนเตียงหินอ่อนกลางอ่างน้ำ นางมีผิวกายสีขาวจัดราวกับน้ำนมสด ผมยาวสลวยสีแดงเพลิงรับกับปีกสีเดียวกันขนาดใหญ่บนแผ่นหลังเนียน ร่างงามนอนหงายหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ มองเห็นทรวงอกอวบสล้างขนาดใหญ่ ปลายยอดถันสีแดงราวกับทับทิมเม็ดเล็กกระเพื่อมไปมาตามจังหวะหายใจ หน้าท้องแบนเรียบน่าลูบไล้และเนินสวาทอวบอูมไร้เส้นขนปิดบังเป็นรูปสามเหลี่ยมเบียดชิดต้นขากับสะโพกผายหนั่นแน่นชวนให้คนมองหัวใจเต้นรัวแรง บางอย่างกลางร่างแข็งชันปวดร้าวขึ้นมาในทันใด นางปล่อยให้สายน้ำไหลรินรดร่างกายสวยงามยั่วยวนราคะของตัวเองโดยไม่รู้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาภายในห้องนี้ด้วย
“สวยงามยั่วยวนใจข้าเสียจริง นางภูติเอ๋ย...”
พ่อมดหนุ่มรำพึงในใจ ขณะเคลื่อนกายเข้าไปหาร่างสะคราญอย่างลืมตัว เวทย์มนตร์กำบังกายทำให้คนที่นอนหลับอยู่ไม่รู้เลยว่ามีใครเข้ามาใกล้ เขาร่ายเวทย์เปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างแล้วค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในอ่างน้ำ เดินตรงไปยังร่างอวบ ใช้เวทย์ขั้นสูงสะกดนางไว้ไม่ให้ตื่นขึ้นมา
“นางภูติก่อนที่ข้าจะถามหาผลึกทับทิมจากเจ้า ขอข้าเสพสมกับเจ้าสักคราก่อนเถิด ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าน่ากินเหลือเกิน” พ่อมดหนุ่มไม่อาจอดกลั้นปรารถนาในกายของตนไหว
“อ๊ะ อูย ซี๊ดดดด”
เสียงครางดังออกมาแผ่วหวิวจากลำคอของคนที่นอนอยู่ พ่อมดหนุ่มจับข้อขาเรียวสวยแบะออกกว้าง แทรกกายเข้าไปตรงกลาง ทาบร่างก่ายเกยร่างงามแล้วก้มหน้าลงฟัดทรวงอวบใหญ่ของนางอย่างเมามันส์ อ้าปากงับยอดทรวงสีแดงสดห่อปากดูดแรงจนเกิดเสียงดังจ๊วบลั่นห้อง สองมือขยำเฟ้นฟอนราวกับนวดแป้งขนมปังนุ่ม ขนาดทรวงอกใหญ่แทบล้นมือให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่น รสชาติก็หอมหวานจนเผลอดูดแรงเป็นรอยจ้ำ
“อวบใหญ่สะใจข้านัก จ๊วบ!” พ่อมดหนุ่มดูดดึงยอดทรวงอย่างมันส์สะใจ
เมื่อฟัดทรวงทั้งสองข้างจนหนำใจก็หันมาลิ้มรสกุหลาบช่องามของนางภูติภูเขาทันที
“โอ้ว... อ๊า อ๊า ซี๊ด...”
เสียงครางกระเส่าดังแว่วออกมาจากร่างงามที่ไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นได้ นางตกอยู่ในม่านมนตราจนนึกว่าตัวเองฝันไป
“หวาน หวานเหลือเกิน กลิ่นหอมเหมือนผลไม้ น่ากินที่สุด”
ปลายลิ้นตวัดไล้เลียกลีบกุหลาบสาว ห่อลิ้นเป็นกรวยแทรกกลางกลีบผกางามสอดลึกไปควานหาน้ำหวานรสเลิศจากเกสรหวาน ตวัดปลายลิ้นไปมาแหย่แยงลึกเข้าออกจนกุหลาบผลิน้ำหวานหลั่งรินออกมาโชกชุ่มให้ดื่มกินรสชาติแสนหวานวิเศษกลิ่นรสแตกต่างจากนางภูติต้นไม้ พ่อมดหนุ่มดูดกลืนลงไปในคออย่างติดใจ
“อุ๊ย เสียว... ข้าเสียว อ๊ะ อ๊ะ”
เสียงครางครวญดังขึ้นมาเป็นระยะ ร่างงามบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่านสุดใจ ดวงตายังคงหลับพริ้มไม่ยอมลืมขึ้นมา หลงอยู่ในภวังค์ความฝันอันแสนหฤหรรษ์ โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดว่าฝันนั้นคือความจริง ร่างกายของตัวเองกำลังถูกชายหนุ่มพร่าผลาญอยู่อย่างเมามันส์ ขาแบะอ้ากว้างออก มือน้อยยกขึ้นขยุ้มศีรษะให้ซุกแนบใจกลางดวงดอกไม้ของตน ดีดเด้งยกสะโพกจนลอยจากพื้นด้วยความเร้ารัญจวน แอ่นเนินสาวให้ปลายลิ้นเลียโลมได้เต็มที่ พลางสูดปากหลับตาแน่นครางเสียงกระเส่า
“โอ้ว ข้าร้อนเหลือเกิน มันเสียวมาก มัน อ๊ะ กรี๊ด”
นางกรีดร้องเมื่อร่างกายแตกพร่าง ปลดปล่อยน้ำหวานไหลนองออกมาจนชุ่มฉ่ำ แต่ถูกปากและลิ้นของพ่อมดหนุ่มกวาดกินจนไม่เหลือสักหยด เพิ่มพลังให้ร่างกายของตนเองด้วยคุณสมบัติแสนพิเศษของนางภูติ ยามดื่มกินน้ำหวานจากกายนางจะทำให้พลังเวทย์ในกายเพิ่มขึ้นจึงไม่ปล่อยให้หยดทิ้งเสียของ
“ขอข้าเสพสมกายเจ้าเถอะนางภูติ ข้าอยากเข้าไปในร่างของเจ้าแล้ว”
พ่อมดหนุ่มกำท่อนกายชายที่แข็งพองรูดแรงๆ สองสามครั้งให้พร้อมออกศึก ก่อนจะกดส่วนปลายถูไถบนเนินเนื้ออวบสะพรั่งของนางภูติสาวไปมา ให้ผลิน้ำหวานออกมาชโลมทางเข้าให้ลื่นไหล มืออีกข้างก็เฟ้นฟอนทรวงอวบไปมากระตุ้นเร้าให้นางเสียวซ่านไปทั้งตัว