6
เพลงรัมภาแค่นยิ้ม แม้อยากสะใจที่ยั่วให้คนบ้านั่นโกรธได้ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกสาสมใจสักเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องหนักอกหนักใจให้ครุ่นคิดมากพอแล้ว จึงเดินคิดเรื่อยเปื่อย...
เจ้าของร่างบางระหงเลยไม่รู้ว่า กันต์ธีร์เดินตามออกมาและมาเจอเธอตรงหน้าลิฟต์พอดี หญิงสาวสะดุ้งก็เมื่อข้อศอกถูกจับรั้ง
“คุณ!”
กันต์ธีร์เลิกคิ้ว หน้านิ่ง แต่แววตาแข็งกร้าวบอกความฉุนเฉียว
“ปล่อยนะ”
“คิดจะเบี้ยวรึไง”
“เบี้ยวอะไร ฉันบอกแล้วว่ามาเพื่อคุย”
“ใจปลาซิวเหมือนเดิม แต่มันไม่ง่ายหรอกน่ะ เธอตกลงกับฉันแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น” หน้าคมโน้มลงมาพูดเสียงขรึม
เพลงรัมภาพยายามกระตุกศอกออกจากคีมเหล็กที่บีบแน่น จ้องสบตาเขาด้วยดวงตาวาววับ
“ตราบจนนาทีนี้ การตัดสินใจยังเป็นของฉันอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าฉันไม่ตกลง คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวาย”
“หึหึ ตลก! ลืมเรอะเพลงรัมภา การเจรจาซื้อขายเกิดขึ้นและมีผลสมบูรณ์นับแต่ที่เราพูดคุยตกลงกันปากเปล่าแล้วในทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางบิดพลิ้ว อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ลมปากพล่อยๆ สิคนสวย อ้อ! ถ้าเธอยังไม่มั่นใจ ฉันมีบันทึกการสนทนาของเราไว้ในโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ฉันสั่งทีมหมอให้เตรียมการรับคนไข้แล้ว เธอบิดพลิ้ว ฉันสามารถฟ้องร้องได้นะ”
“คุณ! ทุเรศที่สุด ฉันไปรับปากคุณตอนไหนไม่ทราบ”
“เธอมาที่นี่ นั่นคือตอบรับข้อเสนอฉันไม่ใช่เหรอ” เสียงห้าวย้อนกลับอย่างยียวน
ขณะนั้นมีพนักงานของทางโรงพยาบาลกำลังตรงมาทางลิฟต์ กันต์ธีร์คลี่ยิ้ม คลายมือที่บีบศอกเล็ก อีกมือผายออกเป็นเชิงเชิญชวนให้คนข้างกายก้าวเข้าไปในลิฟต์ที่เลื่อนมาหยุดตรงหน้าพอดี
“เชิญครับ”
เพลงรัมภาอยากจะกรีดร้องกระทืบเท้าคนร้ายกาจ แต่ด้านหลังเธอมีผู้คนที่เข้ามารอใช้ลิฟต์อยู่ด้วยสามคน จึงทำได้แค่ถลึงตา กัดปากแน่นกับสีหน้ารื่นรมย์น่าตบสักฉาดนั่น ดูเอาเถอะ ตาบ้านี่ยังมีแก่ใจส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังคนอื่นๆ ที่ทักทายเขาอีกด้วย
ตอแหลได้โล่! น่าจะไปเล่นหนังเป็นดาราแทนเป็นหมอ เขาคงได้รางวัลดารานำยอดเยี่ยมทุกสมัย หึ!
“เก็บแรงไว้ไปฟัดกันบนเตียงดีกว่าน่า”
เสียงกระซิบเบาๆ เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ดังขึ้นข้างหู เพลงรัมภาถูกรั้งอย่างนุ่มนวลให้เข้ามายืนด้านในสุดของกล่องโลหะนี้โดยมีร่างสูงหนาตามประชิด พนักงานของเขาแยกกันไปยืนออตรงด้านหน้าลิฟต์
เพลงรัมภาหน้าร้อนวูบ เหลือบมองคนอื่นที่ร่วมโดยสาร ทว่า...ลิฟต์มีความกว้างมากกว่าปกติ เนื่องจากต้องใช้สำหรับย้ายเตียงคนไข้ด้วย ทำให้ระยะห่างระหว่างเธอเขากับคนอื่นๆ มีพอสมควร
หญิงสาวไม่อยากคิดเลย ถ้าคนเหล่านี้ได้ยินคำกระซิบของเขาเข้า จะเกิดอะไรขึ้น เขามันบ้า หน้าด้าน ไร้มารยาทที่สุด
เพลงรัมภากำมือแน่น เก็บกดความโกรธไว้ กระทั่งคนอื่นออกจากลิฟต์ไป
“หยาบ”
“เหมาะกันดีกับผู้หญิงที่เก่งแต่ให้ท่า พร้อมจะอ้าขาให้ผู้ชายไม่เลือกไม่ใช่เหรอ เชิญ! รถฉันจอดชั้นนี้”
“ไม่!”
คราวนี้เพลงรัมภารั้งตัวเองไม่ยอมก้าวตามแรงดึง มือใหญ่ที่เคยจับศอก ปราดลงไปรวบเอวบาง กระชับรั้งครั้งเดียว ร่างบอบบางของเธอก็ปลิวตามแรงออกจากลิฟต์
“อย่านะ!”
เสียงปรามเสียงห้าม ต่อว่า ด่าทอไม่เป็นผล เมื่อร่างทั้งร่างถูกกดติดเบาะรถ ใบหน้าคมบึ้งตึง ดวงตาโชนแสง
กันต์ธีร์ตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้ามาในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง หลังจากรบกับหญิงสาวมาพักใหญ่นับแต่ขับออกจากโรงพยาบาล เจ้าหล่อนหาเรื่องกวนประสาทเขาเพื่อหาทางลงจากรถ จากที่ตั้งใจจะเอาตัวเธอไปที่คอนโด หมอหนุ่มเปลี่ยนแผนกะทันหัน
จะที่ไหน เมื่อไหร่ สำคัญอะไร ในเมื่อเธอเป็นของเล่น เขาจะเล่นที่ไหน เวลาใด และเมื่อไหร่ก็ย่อมได้
แล้วที่เลือกโรงแรมม่านรูดไร้ระดับแห่งนี้ก็เพราะต้องการสร้างความอัปยศในหัวใจหญิงสาวเพิ่มขึ้น ถ้าเธอจะไม่มีวันลืมมันนั่นยิ่งกว่าดีเลิศ
“จะทำบ้าอะไร”
“ชื่นชมของเล่น” แววตาคมโลมไล้ไปทั่วดวงหน้า
เพลงรัมภารู้ว่าเขาแกล้งยั่วโมโห แต่เธอก็โกรธจริง
“หมอกันต์ธีร์!”
“จุ๊ๆ เก็บปากไว้ฟัดปากฉัน เก็บเสียงแจ๋นๆ ของเธอเอาไว้ครวญครางดีกว่ามั้ยเพลงรัมภา หรือที่ร่ำร้องอยู่นี่ จะเร่งให้ฉันสำรวจของเล่นแบบเธอเร็วๆ กันแน่ เอาน่าๆ เข้ามาในนี้แล้ว รับรอง... ฉันจะเล่นให้หนำใจก่อนออกไปแน่นอน... สัญญา” ตาคมพราว เสียงตีรวน แบบที่คนมองรู้เลยว่าแกล้ง
“ทุเรศที่สุด ฉะ...ฉันบอกแล้วว่า ไม่ตกลงกับคุณ”
“คืนคำตอนนี้สายไปแล้ว เก็บแรงน้อยนิดของเธอเอาไว้เต้นส่ายบนตัวฉันดีกว่า ฉันยังพอจำได้ ว่าตอนที่เธอร่อนอยู่ตัวฉัน มันเสียวแบบไหน”
“ไอ้! ไอ้หมอบ้า คนทุเรศ ฉันหลงคิดไปได้ไงนะ ว่าหมอแบบคุณจะมีมโนธรรมบ้าง คนบ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”
“ฉันมีมโนธรรมแน่นอน แต่มโนธรรมกับคนแบบเธอ มันต้องแบบนี้ถึงจะสาสมสะใจ ไม่ต้องกลัวไป... คนสวย รับรองว่าฉันไม่ทำให้เธอต้องค้างเติ่งกลางอากาศแน่ๆ เพราะฉันมีแผนใหม่”
มือหนาเริ่มลามไล้ไปตามท่อนขา จากเข่า ขยับขึ้นมาเรื่อย เพลงรัมภาหน้าตื่น รีบตะครุบมือใหญ่ไว้ ผงะถอยหนีแต่ทำไม่ได้มากนักเพราะถูกเขากดไหล่ไว้อีกมือ
“ผะ... แผนบ้าอะไร”
“หึหึ... ถามเหมือนไร้เดียงสา อย่ามาสตอกับฉันเลยน่า อย่างเธอมีเรอะจะไม่รู้ความหมาย รึถ้าเธออยากแกล้งโง่ ฉันจะพูดชัดๆ บอกให้ฟังเต็มรูหูก็ได้ว่า ฉันจะฟัดเธอให้ร้องร่ำคร่ำครวญ ให้เธอเสียวสุขจนกระอัก ลืมผัวเธอทุกคนที่เคยมีไปเลยไงล่ะดีมั้ย”
“หมอบ้า หน้าด้าน ไร้ยางอาย คนทุเรศ ไอ้! อุ๊บ!”
ปากที่ต่อว่าด่าทอถูกประกบเข้าหารวดเร็วจนเสียงและถ้อยคำที่เตรียมพ่นออกมาอึกอักอยู่ในลำคอ เพลงรัมภาดิ้นหนี แต่เบาะรถกลับถูกลดระดับลงรวดเร็ว พอๆ กับที่กันต์ธีร์พลิกตัวข้ามเบาะมาที่นั่งของเธอ
เสียงอู้อี้กับมือน้อยที่ระดมทุบตีไม่ทำให้กันต์ธีร์หยุดบดปากเบียดลิ้น เขากลับยิ่งกดกระหน่ำ ดูดขบปากอิ่มที่ช่างพูดจายั่วโมโห พร้อมกับส่งฝ่ามือสอดเข้าใต้ชายเสื้อ ลูบล้วงไปตามผิวเนื้อละมุนมือ ป่ายขึ้นสูงจนได้พบกับสองตูมเต้าอวบตั้งชี้ชัน