เย็นวันศุกร์หลังจากออกกำลังกาย ฝึกซ้อมฝีมือและกินอาหารเรียบร้อยแล้ว บอดี้การ์ดทุกคนต่างถูกเรียกตัวกะทันหันด้วยเรื่องที่คาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว เหตุการณ์เมื่อเช้านี้หลังจากคุณหนูคนเล็กเดินทางจากสนามบินกลับมายังไม่ทันถึงบ้านก็ถูกดักลอบทำร้ายแต่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด เหมือนกับว่านี่คือการต้อนรับจากใครสักคนที่ไม่ประสงค์ดีและตั้งใจให้ตายเพื่อประกาศศักดา
เกิดเป็นลูกสาวเจ้าพ่อลำบากมากจริงๆ
แบล็คแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำสนิทแล้วคลุมทับด้วยสูทสีดำประดับด้วยเข็มกลัดสัญลักษณ์บอกถึงตำแหน่งหน้าที่ของตระกูลทรงอำนาจ ใบหน้าเรียบตึงไร้ความอ่อนโยนเดินเข้าไปเป็นคนแรกและในเวลาเพียงห้านาทีต่อมาบอดี้การ์ดฝีมือดีห้าคนก็มาครบพอดี
มวลบรรยากาศที่รู้สึกว่าเย็นสบายนั้นเต็มไปด้วยความกดดันอย่างหนัก แววตาหัวหน้าและผู้เป็นเจ้านายไม่ส่อเค้าว่ากำลังคุกคามแต่กลับให้รู้สึกคล้ายว่ากำลังจะทำให้ขาดใจตายเลยมากกว่า พลันสายลมเอือยเฉือยเย็นสบายเริ่มเงียบสงบราวกับว่าพื้นที่ตรงนี้ว่างเปล่า ความกดดันแผ่ซ่านออกมาเมื่อเผลอสบตากับผู้เป็นเจ้านายจนอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะเรียบเฉยเหมือนเดิม
เจ้านายเจอคนที่ถูกใจแล้วสินะ!
"ก็อย่างที่รู้ว่าลูกสาวฉันถูกดักทำร้าย ตอนนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้แต่คนขี้ขลาดทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆหาได้ไม่ยาก" น้ำเสียงเย็นเยียบพูดไม่ดังและไม่เบามากจนเกินไป นัยน์ตาคมกริบมองด้วยความว่างเปล่าแต่มากไปด้วยความกดดัน ใบหน้ามีริ้วรอยตามอายุยังคงความดุดันไม่ต่างจากวัยหนุ่มสักเท่าไรนัก
"พวกแกทั้งห้าคนอยู่กับฉันมานานและหวังว่าจะไม่ทำอะไรสิ้นคิดเหมือนเพื่อนอีกคนล่ะ จุดจบของพวกเลี้ยงไม่เชื่องเป็นยังไงก็น่าจะรู้กันดี ที่ฉันพูดแบบนี้ไม่ได้ขู่แค่กำลังเตือนเพราะยังไงซะมันต้องมีใครสักคนพยายามทำให้พวกแกทรยศแน่" บอดี้การ์ดฝีมือดีที่ได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายย่อมเป็นที่น่าสนใจต่อศัตรูอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหนหรือประเทศไหน คนเก่งกาจส่วนใหญ่มักจะตายจากความไว้ใจทั้งนั้น บทเรียนที่ผ่านมานับไม่ถ้วนของพวกทรยศจุดจบมันอนาถเกินกว่าจะคาดเดาถึงได้ การตายที่เป็นบทลงโทษสุดท้ายของเจ้านายสาหัสสากรรจ์ขนาดไหนไม่มีใครรู้จนกว่าจะเจอกับตัวเองเข้าในสักวันที่ทำผิดพลาดลงไป
หวังว่าจะไม่ต้องลงมือฆ่าพวกมันในสักวัน
"มีใครเคยเห็นลูกสาวของฉันรึยัง?"
"ยังครับ"
"นับจากวันนี้ลูกสาวของฉันย้ายกลับมาอยู่ที่นี่อย่างถาวร ดังนั้นจะทำอะไรก็อย่าให้อุจาดตามากเกินไป"
"ครับผม"
"และห้ามใครขัดใจลูกฉันเด็ดขาด"
แบล็คพยักหน้าแทนการตอบรับเจ้านายก่อนจะเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงผมดำขลับยาวถึงชายโครง ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นช่างเป็นส่วนประกอบที่น่ารักมากเสียจริง ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยแผขนตาหนางอนยาว ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอมแดงฉีกยิ้มกว้างอวดรอยยิ้มสดใส ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนไม่เคยถูกแสงแดดตกกระทบ ท่อนขาเรียวเล็กราวกับว่าไม่เคยใช้เดินมาก่อนในชีวิต รูปร่างน่ารักสมส่วนและสมวัยที่สุด
คุณหนูตัวน้อยอายุเท่าไรกันนะ?
"พ่อขา"
"หงส์ลูกมาที่นี่ได้ไง"
"พี่มังกรบอกว่าพ่อจะให้หงส์เลือกเองใช่ไหมคะ?"
"ใช่ค่ะ พ่อจะให้หนูเลือกเองว่าจะเอาคนไหน"
"อายุเท่าไรกันคะเนี่ยตัวถึงสูงใหญ่ขนาดนี้"
"ยี่สิบกว่าๆยังวิ่งเล่นกับหนูได้สบายๆ"
"ดีเลยค่ะ งั้นหงส์เลือกใครดีนะ?"
เขายืนนิ่งพยายามไม่สนใจคุณหนูตัวเล็กที่กำลังทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนักแล้วเริ่มเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอเดินสำรวจทีล่ะคนอย่างพินิจพิจารณาได้อย่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินแต่สิ่งที่แสดงออกนั้นยังคงนิ่งเฉยเหมือนรูปปั้นไร้ความรู้สึก
คนแรกผ่านไปคนที่สองก็ตามมาแล้วตามด้วยคนที่สามและคนที่สี่ก่อนจะเดินมาถึงเขาเป็นคนสุดท้าย เขาก้มหน้าลงไปตามคำสั่งแล้วก็ต้องพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกไปนอกจากยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตรเพียงเท่านั้น
ตัวแค่นี้เองทำไมถึงต้องน่ารักมากมายด้วย
เด็กสมัยนี้โตไวจัง!
ไม่รู้ว่าเขาเผลอยิ้มกว้างออกมาตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีก็หุบยิ้มไม่ได้แล้ว ใบหน้าหวานละมุนละไมขยับใกล้เข้ามามากขึ้นจนปลายจมูกแทบชนกันอยู่รอมร่อเพียงไม่กี่นาทีเสียจนหัวใจแทบหยุดเต้น ก่อนจะขยับตัวห่างออกไปเล็กน้อย เขากลับมายืนตรงตามปรกติแต่ภายในใจมันไม่ปรกติแล้ว รู้สึกคล้ายว่าหัวใจกำลังเต้นผิดจังหวะจนน่าหวาดหวั่นว่าแสดงออกชัดเกินไปในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร คุณหนูดึงดูดความสนใจทุกอย่างไปหมดจนไม่อาจจะรักษาอาการนิ่งเฉยได้
รู้สึกถึงกลิ่นหอมเย้ายวนวนเวียนอยู่รอบตัว
เรื่องนี้มัน...บ้าจริง!!!
"ชื่ออะไรแล้วอายุล่ะเท่าไร?"
"ชื่อแบล็คอายุยี่สิบห้าปีครับ"
"งั้นก็แสดงว่าอายุมากกว่าหงส์สิบสองปีเลยสินะ ฉันเลือกพี่แบล็คแล้วกัน"
"ครับคุณหนูหงส์" คุณหนูหงส์อายุสิบสามปีเด็กกว่าเขาตั้งสิบสองปีเชียวนะ แล้วนับต่อจากนี้งานดูแลเด็กตัวเล็กจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายอีกต่อไปแล้วเพราะเธอมีฐานะเป็นถึงลูกสาวคนสุดท้องเจ้าพ่อโคตรโหด
บางที...อาถรรพ์เบญจเพสก็แรงเกินไป