ดูแลชายารักอย่างใกล้ชิด

1987 คำ
วังอ๋อง..ตำหนักซ้าย... การมาของชินอ๋องในยามค่ำคืนทั้งยังไม่ได้แจ้งล่วงหน้าทำให้กลุ่มคนชุดดำพากันหลบออกจากวังแทบไม่ทัน แต่ไหนเลยที่ท่านแม่ทัพใหญ่จะจับสัมผัสเหล่านั้นไม่ได้ “ท่านอ๋องมีเรื่องด่วนอันใดหรือเพคะถึงได้กลับมาเมืองหลวงเวลานี้” หลินกุ้ยฮวารีบออกมาต้อนรับชินอ๋องที่หน้าตำหนักซ้าย ทั้งที่ยังตกใจอยู่แต่นางก็คงสีหน้าให้เรียบเฉยเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน “ชายารักไม่ดีใจหรือที่พี่กลับมา” อ๋องหนุ่มพยายามสะกดเสียงให้เป็นปกติแล้วถามกลับไปอย่างนุ่มนวล “หวางเย่อย่าพูดเหมือนน้อยพระทัยสิเพคะ หม่อมฉันแค่ไม่คาดคิดว่าพระองค์จะกลับมาเมืองหลวงกะทันหันเช่นนี้ มีเหตุด่วนอันใดหรือไม่เพคะ” “ก็กุ้ยฮวาของพี่กำลังตั้งครรภ์จะให้พี่อดทนรอเชยชมลูกในอีกหนึ่งปีได้อย่างไร พี่จึงใช้วันหยุดที่เหลือทั้งปีกลับอยู่ดูแลเจ้ายังไงล่ะ” ชินอ๋องอธิบายเหตุผลที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ในยามนี้ “ท่านอ๋องช่างดีกับหม่อมฉันยิ่งนัก พระองค์มาเหนื่อย ๆ เข้าตำหนักก่อนเถิด หม่อมฉันจะได้ถวายงานและปรนนิบัติให้คลายเมื่อยดีไหมเพคะ” “อย่าเลยเจ้ากำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ ควรพักให้มาก ไปนอนเสียเถิดพรุ่งนี้พี่จะมาดูแลเจ้าแต่เช้า” “เพคะ” หลินกุ้ยฮวารับคำแต่โดยดีไม่ท่าทีมีอิดออดก่อนจะเดินเข้าตำหนักของตัวเองไป ส่วนชินอ๋องก็มองตามหลังนางอย่างสะท้อนใจหากเป็นก่อนหน้านั้นเขาคงวิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มนวลของนางจากนั้นก็อุ้มนางเข้าห้องหอไปแล้ว แต่วันนี้ความรู้สึกอยากสัมผัสชายารักกลับไม่มีเลยสักนิดเมื่อนึกถึงสิ่งที่นางกระทำกับหลินหลานแม้แต่ใบหน้างามที่เคยหลงใหลเขาก็ไม่อยากจะมอง เช้าตรู่ของอีกวัน ชินอ๋องมาที่ตำหนักซ้ายอย่างที่เคยพูดเอาไว้ “นี่คือสมุนไพรบำรุงครรภ์สูตรพิเศษที่ฝ่าบาทประทานมาให้เชียวนะและพี่ก็เป็นคนปรุงเองกับมือ เจ้าต้องดื่มให้หมดอย่าให้เหลือเข้าใจไหม” “แต่มันจะไม่เป็นอะไรหรือเพคะ เพราะหม่อมฉันกำลังกินสูตรที่หมอเยี่ยปรุงให้อยู่” หลินกุ้ยฮวามองยาในมือของพระสวามีอย่างหวาดระแวง ‘วัวสันหลังหวะ’ นั่นคือสิ่งที่นางกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร..เอ้อสงไปเอายาบำรุงครรภ์ของหวางเฟยที่หมอเยี่ยปรุงเอาไว้มา” “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” จู่ ๆ องครักษ์เงาก็ปรากฏตัวจนหลินกุ้ยฮวาถึงกับผงะเพราะนางไม่ได้รับรู้ถึงการคงอยู่ขององครักษ์เงาผู้นี้เลย ปกติแล้วนางจะจับสัมผัสได้เสมอว่ามีสายตากำลังจ้องมองอยู่ในเงามืด “เจ้าไม่สบายหรือชายารัก เหตุใดใบหน้าถึงได้ซีดเชียวนัก” ชินอ๋องถามชายาของตนอย่างเป็นห่วงเป็นใย “แค่รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเพคะ” “มาเถิดมานั่งนี่หากได้รับยาบำรุงครรภ์แล้วอาการคงจะดีขึ้น” ชินอ๋องตบลงที่ว่างข้าง ๆ เพื่อจะให้ชายารักเข้ามานั่งใกล้ ๆ กับตัวเอง สองเค่อไม่ขาดไม่เกินพ่อบ้านเหยียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับยาบำรุงครรภ์หนึ่งถ้วย ชินอ๋องยื่นมือไปรับเพื่อจะได้ป้อนยาถ้วยนั้นให้กับนางด้วยตัวของเขาเอง “หลิวเยี่ยช่างใส่ใจจัดยาบำรุงครรภ์ไว้ให้เจ้าตั้งมากมาย พี่คงต้องสมนาคุณให้เขาอย่างงาม มาเถิดพี่จะป้อนอ้าปากด้วยสิชายารักหากปล่อยให้เย็นมันจะไม่ดี” จ้าวโม่หยางเน้นหนัก ๆ ที่ชื่อของหลิวเยี่ยพลางตักยาต้มไปจ่อที่ริมฝีปากอวบอิ่มและพยายามคะยั้นคะยอให้นางดื่มยาให้ได้ หลินกุ้ยฮวาสุดแสนจะกล้ำกลืนทำไมนางจะไม่รู้ว่ายาที่หลิวเยี่ยปรุงเอาไว้มากมายนั้นมันเป็นเช่นไรจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากกินเข้าไปแล้ว แต่ตอนนี้นางจะทำยังไงดีจะให้นางปฏิเสธความใส่ใจของท่านอ๋องนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย หลินกุ้ยฮวาจึงคิดวางแผนนางพยายามทำตัวให้โงนเงน คล้ายจะเป็นลมแล้วร่างของนางก็เซเข้าไปชนกับมือของชินอ๋องเข้าอย่างจังจนถ้วยกระเบื้องหล่นลงบนพื้นแตกกระจาย พรึ่บ! เพล้ง!! “ท่านอ๋องหม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ คงเพราะกลิ่นยาในถ้วยแน่เลยทำให้หม่อมเวียนหัวเช่นนี้” “อย่าคิดมากกุ้ยฮวาพี่ไม่โทษเจ้า แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องกินยาบำรุงให้หมดนะเพื่อลูกของเรา อันที่หกไปแล้วก็ช่างมันพี่บอกแล้วว่าหลิวเยี่ยเตรียมยาเอาไว้ตั้งมากมายเดี๋ยวพี่ให้คนไปต้มให้ใหม่” อดทนคือสิ่งที่จ้าวโม่หยางกำลังทำ เขายังพูดคำหวานปลอบใจเมียรักได้อยู่และยิ้มให้อย่างใจเย็น “มะ..ไม่ต้องต้มแล้วเพคะ หม่อมฉันขอยาบำรุงที่ฝ่าบาทประทานมาให้เถิด หากเป็นยาถ้วยนั้นหม่อมฉันคงกินได้” หลินกุ้ย ฮวาปฏิเสธทันควันเมื่อได้ยินว่ายาจะถูกต้มให้ใหม่นางจึงตัดสินใจขอรับยาบำรุงที่มาจากวังหลวงแทน เมื่อชายารักบอกเช่นนั้นมีหรือที่ชินอ๋องจะขัดใจ จากนั้นยาบำบุงครรภ์ชั้นเลิศถ้วยแรกจึงถูกป้อนให้กับนางจนหมดด้วยมือของพระองค์เอง “ยาตัวนี้เป็นยาบำรุงชั้นเลิศ หากกินไปสักสองสามวันมันอาจจะทำให้เจ้าเพลียและหลับยาวบ่อยครั้งเพื่อเป็นการบังคับให้คนท้องพักผ่อนไปในตัว เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดมากหากเจ้ามีอาการเช่นนี้ พี่จะมาป้อนยาให้เจ้าทุกเช้าเย็นแต่ช่วงสายพี่มีงานที่ต้องไปทำให้กับฝ่าบาทคงต้องลาแล้วชายารัก เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ๆ เพื่อลูกห้ามดื้อเข้าใจไหม” “หม่อมฉันไม่ได้ดื้อนะเพคะ” ชินอ๋องขบขันอยู่ข้างในหัวอกหากเป็นก่อนหน้านั้นเสียงออดอ้อนของนางคงทำให้หัวใจเขาพองโตไปแล้วและคงหาเรื่องอยู่กกกอดนางทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่ แต่มาบัดนี้เสียงที่เคยนุ่มนวลแว่วหวานของนางกลับเป็นดั่งคมมีดที่คอยกรีดคอยทิ่มแทงให้ใจของเขาเจ็บปวด จ้าวโม่หยางไม่ได้ไปทำงานตามที่บอกกับหวางเฟยเอาไว้และก็ไม่ได้กลับไปที่ตำหนักใหญ่ด้วย จุดหมายปลายทางของอ๋องหนุ่มก็คือตำหนักเล็ก ถึงจะรู้ว่าไม่มีคนอยู่ที่นั่นแล้วแต่ใจมันก็ร้อนรนอยากจะไปอยู่ดี “เจ้าบอกว่าที่นี่มันผิดปกติ ผิดปกติอย่างไรหรือ” “ท่านอ๋อง ที่พระชายาหลินหลานสามารถหลบออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดายส่วนหนึ่งก็มาจากสาเหตุนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ตำหนักแห่งนี้แม้แต่ชายป่าท้ายวังก็เช่นกัน มันมีพิรุธและผิดวิสัยคนที่ทำงานเช่นกระหม่อมมากพ่ะย่ะค่ะ” “แปลกจริง หรือว่าวังของข้ามีภูตผีปีศาจกัน” หึ ๆ ๆ โม่หยางขบขันกับความคิดของตัวเอง มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก แม้แต่ชายป่าหรือป่าที่ลึกเข้าไปอีกเขาก็วิ่งเล่นเข้าออกจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้วและไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่ากลัวสักนิด “กลับกันเถอะสั่งคนของเราเข้ามาตรวจสอบให้ทั่วบริเวณป่าและตำหนักเล็กก็แล้วกัน” แต่ก่อนที่พวกเขาจะหันหลังกลับไปก็มีเสียงเล็ก ๆ คล้ายกับเลียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือจากชายป่าที่อยู่ไม่ไกลนัก ชินอ๋องกับเงาอันดับสองจึงไม่รอช้าพากันรีบรุดไปที่นั่นทันที และสิ่งที่พวกเขาเห็นคือเด็กน้อยวัยแปดถึงเก้าขวบวิ่งหน้าตั้งออกมาจากป่าเหมือนกับเขาได้พบเจอบางอย่างที่น่ากลัว “เดี๋ยวก่อนเจ้าหนู วิ่งหนีอะไรมา” เอ้อสงเป็นคนถามเด็กน้อยที่วิ่งมาจนหมดแรงและล้มลุกคลุกคลานอยู่ตรงหน้าทั้งตัวของเจ้าเด็กน้อยก็สั่นงันงกเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว “นะ นายท่านช่วยข้าด้วยขอรับ ผีหลอกข้าแล้ว” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าเด็กน้อยผีที่ไหนจะมาหลอกคนกลางวันแสก ๆ แบบนี้” “เด็กน้อยคนนี้เป็นใครเจ้ารู้จักหรือ” ชินอ๋องแทรกถามขึ้นมาเพราะเห็นว่าองครักษ์เงาอันดับสองเหมือนจะคุ้นเคยกับเด็กคนนี้ดี “ลูกของคนสวนพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” ชินอ๋องพยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้วพวกเขาจึงถามเด็กน้อยว่าไปพบเจออะไรมา อาเถียนบ่าวตัวน้อยที่เคยส่งเสบียงให้กับคนตำหนักเล็กจึงได้เล่าสิ่งเขาไปพบเจอมาก่อนหน้านี้ “ฮึก ๆ เมื่อเช้าข้าไปขุดหัวมันเพราะเห็นต้นมันงามนักคงจะได้มันหัวใหญ่แน่ ๆ แต่ที่ข้าขุดพบมันไม่ใช่หัวมันขอรับแต่มันเป็นหัวกะโหลกคนและกระดูกเยอะแยะเลย” บ่าวตัวน้อยพูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปเพราะยังกลัวไม่หาย “เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องกลัวพาข้าไปดูตรงที่เจ้าว่าสิ” แทนที่เด็กน้อยเถียนจะหายจากอาการตื่นกลัวเสียงของบุรุษที่เขาเพิ่งจะได้ยินก็ยิ่งทำให้เด็กน้อยตัวสั่นเข้าไปใหญ่ คนผู้นี้คือท่านอ๋องไม่ผิดแน่บุรุษใจร้ายที่ทิ้งร้างชายารองของตนไปหลังจากคืนเข้าหอนั่นไง เรื่องนี้อาเถียนที่ยังเป็นเด็กไม่ได้สอดรู้สอดเห็นนะแต่อาเถียนได้ยินคนที่ตำหนักใหญ่เขาเล่าลือกันต่างหาก “กลัวอะไรเด็กน้อยนี่คือชินอ๋องเจ้าของวังแห่งนี้เจ้ารู้จักใช่ไหม” เด็กน้อยพยักหน้ารับแทนคำตอบแล้วเดินนำทั้งสองไปยังจุดที่เขาพบกับโครงกระดูก จากจุดที่พบครั้งแรกก็ยังมีหลายจุดที่น่าสงสัยชินอ๋องจึงสั่งคนของตนไปขุดยังจุดต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าจะเจอกับโครงกระดูกเพิ่มอีก วันนั้นทั้งวันองครักษ์เงามีหน้าที่เดียวคือขุดหาโครงกระดูกจนทั่วทั้งชายป่ารอบนอกไม่เว้นแม้แต่บริเวณตำหนักเล็ก ตรงไหนที่มีต้นไม้งอกงามผิดปกติตรงนั้นพวกมันจะถูกขุดออกทั้งหมด ซึ่งนับรวมกันแล้วได้ทั้งหมดสิบสองหลุมในแต่ละหลุมจะเจอโครงกระดูกผู้ใหญ่หนึ่งและของทารกอีกหนึ่ง จากนั้นชินอ๋องจึงให้เอ้อสงไปสืบค้นเรื่องคดีคนหายภายในสามปีให้หลังนี้โดยเฉพาะสตรีท้องแก่และยังให้เชิญนักพรตของอารามหลวงมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณให้กับศพเหล่านี้ด้วย “รู้สาเหตุที่พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณนี้แล้วสินะ” “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” “ทำไม..จำเป็นอะไรถึงต้องฆ่าคนมากมายถึงเพียงนี้ จิตใจช่างวิปริตโหดเหี้ยมยิ่งนักคนเช่นนี้หรือจะมาเป็นแม่ของแผ่นดิน” ถึงเรื่องราวจะยังไม่ทันสืบค้นหาความจริงชินอ๋องก็รู้ตามสัญชาติญาณแล้วว่าทั้งหมดนี้ใครเป็นคนทำ แต่ที่ต้องสืบค้นก็เพื่อจะเอาความจริงให้มั่นใจเท่านั้นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม