พี่สาวที่แสนดี

1454 คำ
วังอ๋อง... หลังจากจ้าวโม่หยางชินอ๋องเดินทางกลับค่ายได้สองวัน หลินหลานก็ถูกหวางเฟยเรียกให้เข้าเฝ้า ไม่บ่อยนักที่นางจะได้เจอพี่สาวคนนี้ ไม่ใช่ไม่บ่อยแทบจะไม่ได้เจอกันเลยต่างหาก ถ้าจะให้นับด้วยนิ้วมือก็คงจะเหลืออีกบานเบอะ แม้แต่ในจวนสกุลหลินก็ใช่ว่าจะพบกันได้ง่าย ๆ ด้วยสถานะของนางและพี่สาวนั้นแตกต่างกันมากโข หลินหลานคือบุตรสาวของฮูหยินรองที่มาจากตระกูลเล็ก ๆ ส่วนพี่สาวนั้นเป็นบุตรของฮูหยินใหญ่ที่มาจากตระกูลหมอหลวง ไม่ใช่เพียงสถานะของพวกนางเท่านั้นที่แตกต่าง แม้แต่ฐานะตระกูลที่หนุนหลังก็ยังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนหลินหลุนผู้เป็นบิดาของพวกนาง ถึงจะเป็นแม่ทัพแต่ก็เป็นแค่อดีตแม่ทัพที่ต้องลาออกจากการเป็นทหารเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงเพราะสาเหตุนี้เองกระมัง ท่านแม่ของนางจึงถูกแต่งเข้าเป็นฮูหยินรอง เพื่อจะมาปรนนิบัติชายพิการแล้วก็มีนางเกิดขึ้นมา โชคดีที่บิดานั้นทั้งรักและเอ็นดูนางอยู่ไม่น้อย “พระชายาทรงให้คนไปตามหม่อมฉันมีสิ่งใดให้รับใช้หรือเพคะ” หลินหลานหลานกล่าวกับผู้เป็นใหญ่ของวังในยามนี้อย่างนอบน้อมและถ่อมตน “หลานเอ๋อร์น้องรักเจ้าจะมากพิธีไปไย อย่างไรเราก็เป็นพี่น้อง สถานะของเจ้าตอนนี้ไม่ธรรมดาแล้ว เจ้าเป็นถึงชายารองของชินอ๋องเชียวนะ จากนี้ไปต้องเรียกข้าว่าพี่หญิงถึงจะใช่” หลินกุ้ยฮวาพูดกับน้องสาวอย่างคนที่มีเมตตาเต็มเปี่ยม “พี่หญิงเรียกน้องมาด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” “น้องสาวเจ้าไม่คิดว่าเราควรจะสนิทกันให้มาก ๆ หรอกหรือ ท่านพ่อจะได้หมดห่วงไร้กังวลเรื่องที่เรามีสามีคนเดียวกัน” “แล้วทำไมต้องแต่งน้องเข้ามาด้วยล่ะเจ้าคะ พี่หญิงไม่หวงท่านอ๋องหรือเจ้าคะ” หลินหลานเมื่อยังไม่หมดความสงสัยนางจึงตั้งคำถามออกไป “หวงสิ แต่สำหรับเจ้าแล้วพี่ยอมให้ได้ ข้าขอบอกเจ้าตามตรง เพราะไทเฮาอยากให้ท่านอ๋องมีโอรส พี่เองก็มีบุตรยากไม่รู้เมื่อใดที่เขาอยากจะจะมาเกิด บางทีหากโชคดีอาจจะมีลูกอิจฉามาเกิดกับพี่ก็ได้ ตามศาสตร์ตำราว่าด้วยการมีบุตร เจ้าว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงไหมและอีกอย่างหากว่าพี่มีบุตรไม่ได้พี่ก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องมีบุตรกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่สกุลหลิน เจ้าเข้าใจและไม่โกรธพี่ใช่ไหมน้องรัก” “น้องเข้าใจแล้วและไม่เคยคิดโกรธพี่หญิงเลยเจ้าค่ะ” หลินหลานยิ้มออกเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากปากของพี่สาว ความกังวลที่เคยมีเริ่มคลายออกไปบ้างเล็กน้อย “เรื่องที่คุยกันในวันนี้เจ้าต้องเก็บเป็นความลับห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เป็นอันขาด แม้แต่ท่านอ๋องก็รู้ไม่ได้ และพี่ก็ขอโทษที่หลายวันมานี้พี่ไม่ได้ใส่ใจเจ้าเพราะไม่อยากทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองพระทัย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าโทษทัณฑ์ที่บังอาจใช้ยากำหนัดกับเหล่าราชวงศ์นั้นมันหนักหนาแค่ไหน” “น้องเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแต่น้องไม่ได้...” หลินหลานกำลังคิดจะแย้งเรื่องยากำหนัดว่านางหาได้เป็นคนทำไม่ แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้และยอมรับคำกล่าวหาโดยปริยาย “จากนี้ไปเจ้าต้องมาที่ตำหนักซ้ายทุกวันเพื่อรับสำรับกับพี่ทุกมื้อ เจ้ามาได้ใช่ไหมหลานเอ๋อร์” “ได้เจ้าค่ะพี่หญิง” คำชวนที่นุ่มนวลแกมบังคับของพี่สาวทำให้หลินหลานได้แต่รับคำอย่างเดียว ซึ่งนางไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจริง ๆ หลังจากสนทนากับพี่สาวเสร็จสรรพ หลินหลานกับสาวใช้ก็ได้รับของขวัญต้อนรับเข้าวังหลายหีบ จากนั้นนางจึงขอลากลับตำหนักของตน พอออกจากอนาเขตของตำหนักซ้ายได้ไม่นาน “พระชายาเชื่อที่หวางเฟยกล่าวอ้างมาหรือไม่เพคะ” “มีอะไรก็ไปพูดในที่ของเราอาจู” หลินหลานปรามเสี่ยวจูแล้วก็รีบเดินกลับให้ถึงตำหนักของตัวเองโดยเร็ว เหมือนกำลังเดินหนีอะไรบางอย่างซึ่งนางเองก็บอกไม่ถูก มันคือความรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจับตามองนางอยู่ตลอดเวลา จะมีแค่ในตำหนักเล็กเท่านั้นที่นางรู้สึกว่ามันปลอดภัยที่สุดแล้ว ย้อนกลับมาที่ตำหนักซ้าย... “พระชายา ไปบอกกับนางแบบนั้นจะดีหรือเพคะ” “แม่นมหยู ข้าบอกแค่มีลูกยากไม่ได้บอกว่ามีไม่ได้เสียหน่อย” “แล้วจะต้องทำหลายอย่างให้เรื่องมันยุ่งยากทำไมเล่าเพคะ” “แม่นมคิดว่าที่นี่คือจวนสกุลหลินหรือยังไง!” หลินกุ้ยฮวาเสียงดังใส่แม่นมหยู ซึ่งก็ไม่ได้บ่อยนักที่นางจะทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่านางอยากจะทำอะไรให้มันยุ่งยากเสียหน่อย ที่นี่คือวังอ๋องไม่ใช่จวนสกุลหลินที่นางทำอะไรลงไปก็ไม่มีใครกล้ามาขัดขวางและกล่าวหานาง ต่อให้ท่านอ๋องรักนางมากสักเพียงใดมันก็ยังมีกฎของราชวงศ์คอยค้ำคออยู่ ชีวิตหวางเฟยของนางจะยั่งยืนจริงหรือหากว่าขาดสิ่งนั้นไป “หม่อมฉันขออภัยเพคะพระชายา” “อืมม...ไม่มีอะไรแล้วแม่นมไปพักเสียเถอะ ให้คนยกหีบไปที่ตำหนักเล็กด้วย” “แต่...” “ไปสิ...” “เพคะ” แม่นมหยูที่ยังดึงดันจะอยู่ แต่พอหวางเฟยกดเสียงต่ำใส่นางและนางกำนัล ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็พากันล่าถอยออกไปอย่างทันท่วงที ขณะนั้นเอง... “ออกมา” “นายหญิง” หนึ่งเงาปรากฎตัวออกมาหลังจากที่ได้รับสัญญาณจากผู้เป็นนาย “มีอะไรก็ว่ามา” “ข้ากับพวกพ้องต้องถอนกำลังออกไปแล้วขอรับ” เงารับใช้บอกความนัยถึงบางอย่าง ซึ่งคนมีไหวพริบอย่างหลินกุ้ย ฮวาก็เข้าใจได้ไม่ยากเย็น “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไปบอกท่านตาว่าข้าต้องการหมอหลวง เจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม” “ขอรับนายหญิง” “รีบไปเถอะ” “ขอรับ” แล้วหนึ่งเงาก็หายตัวไปชั่วพริบตาเดียว จากนั้นก็มีอีกหลาย ๆ เงาทั่ววังอ๋องที่หายไปพร้อม ๆ กัน ยังคงเหลือแค่ทหารยามตามกำแพงวังเท่านั้นที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเลย ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มีกลุ่มเงาอีกกลุ่มกระจายตัวกันไปจนทั่วทั้งวังของชินอ๋อง “พี่ใหญ่เหตุใดเราถึงต้องมาประจำอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ ทั้งที่แต่ก่อนท่านอ๋องก็ไม่เคยจะใช้ให้เรามาเมืองหลวงเลยหากไม่จำเป็น” เอ้อสงเงาอันดับสองถามพี่ใหญ่ของตน ความสงสัยของเอ้อสงสืบเนื่องมาตั้งแต่งานอภิเษกเมื่อสามปีที่แล้ว ชินอ๋องได้ถอนองครักษ์เงาออกจากวังทั้งหมดเพียงเพราะไม่อยากให้ชายารักรู้สึกไม่ดีเหมือนมีคนคอยจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา แล้วมีสาเหตุอันใดที่พระองค์จะต้องให้พวกเขาเข้ามาสอดส่องอีกในเมื่อหวางเฟยก็แสนดีปานนั้น “ดูไปเถอะอย่าถามให้มากความ เจ้าประจำอยู่ที่ตำหนักซ้ายส่วนข้าจะไปที่ตำหนักเล็ก” พูดจบเงาของพี่ใหญ่ก็หายไปไม่รอให้เอ้อสงถามต่อ “เหอะ! ตำหนักเล็กที่มีเพียงไม่กี่คนให้สอดส่องนะหรือ พี่ใหญ่ช่างมีน้ำใจต่อข้ายิ่ง” เอ้อสงบ่นอุบอิบ พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดเมื่อเข้ามาใกล้ตำหนักซ้าย “กลิ่นช่างคุ้นเคย กำยานหรือ” เงาดำขมวดคิ้วหนาอย่างนึกสงสัยกับกลิ่นกำยานที่คุ้นเคย กำยานดิบที่เอาไว้จุดไล่แมลงตามป่าเขาจะมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง นอกเสียจากว่าจะเป็นกลุ่มคนแบบพวกเขา ส่วนคนทั่วไปก็ไม่มีใครใช้สิ่งนี้กันหรอก จะว่าพระชายาหลินกุ้ยฮวาเอามาจุดเองมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ แล้วมันกลุ่มไหนกันที่เข้ามาในวังอ๋องได้ง่ายดายเช่นนี้โดยไม่มีใครสงสัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม