พ่อเลี้ยงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและเอื้อมมือมาจับเส้นผมฉันที่กำลังจะอ้าปากอธิบายเขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ตัดผม? ตัดทำไม มีใครพาไปไหน ผู้ชายหรือผู้หญิง บอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรให้โทรบอกก่อน ทำไมถึงไม่โทร”
“พ่อเลี้ยง ได้โปรดฟังบัวพูดก่อนค่ะ” ในที่สุดเขาก็เว้นวรรคให้ฉันได้พูดอะไรบ้าง ไม่ใช่เล่นยิงคำถามใส่ฉันรัวเร็วจนฟังไม่ชัดแล้วจะตอบคำถามไหนก่อนก็ยังเรียบเรียงไม่ถูก
“ก็พูดมาสิ”
“บัวจะพูด พ่อเลี้ยงก็ถามยาวเป็นหางว่าว” ป้าศรีถึงกับผุดขำก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านทิ้งเราสองคนที่เผชิญหน้ากันท่ามกลางบรรยากาศในไร่ที่หนาวเหน็บเฉกเช่นทุกวัน “บัวเลิกเรียนบ่ายสาม ปูเป้ชวนบัวไปทำเล็บค่ะ เพื่อนแนะนำให้บัวตัดผมเพราะผมบัวยาวแล้ว”
“...”
“หลังจากทำเล็บ ตัดผมเรียบร้อย ปูเป้ก็พาบัวไปกินไอศกรีมค่ะ นั่งเพลินไปหน่อยจนดึกบัวก็เลยได้นั่งรถสองแถวกลับเที่ยวสุดท้ายก็เลยกลับช้าค่ะ” หวังว่าคำอธิบายของฉันจะทำให้พ่อเลี้ยงคลายสงสัยไปได้บ้างนะ ไม่เช่นนั้นก็เห็นเขาจ้องหน้าฉันพลางเอื้อมมือมาจับเส้นผมฉันและปัดไปด้านหลัง “บัวขอโทษค่ะที่ไม่ได้โทรบอก กลัวว่าพ่อเลี้ยงจะยุ่ง”
“ฉันยุ่งแค่ไหน ก็มีเวลารับสายเธอ” เขาเอ็ดเสียงดูพลางเอื้อมมือเกี่ยวเส้นผมฉันเหน็บข้างใบหู ด้วยเพราะลมค่อนข้างพัดแรงทำให้ผมของฉันเสียทรงเล็กน้อย “อย่าทำให้เป็นห่วงจะได้ไหม”
“บัวขอโทษค่ะ”
“ฉันอุตส่าห์ให้เธอได้ใช้ชีวิตที่อยากใช้ เพราะฉะนั้นก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งด้วย ไม่งั้นฉันจะไม่ให้เธอทำอะไรตามใจตัวเองอีก ตกลงไหม?” เม้มริมฝีปากตัวเองพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ “กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ มันอันตราย”
“บัวทราบค่ะ บัวจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” ทีหลังก็คือจะกลับตอนไหนก็ต้องรายงาน พ่อเลี้ยงคงจะบอกฉันแบบนั้นแต่แค่ไม่พูดตรงๆ ไง “คุณดายังไม่กลับเหรอคะ?”
“วันนี้คุณดาไปค้างกับเพื่อน พอดีเพื่อนของเธอแต่งงาน เธอรับงานจัดดอกไม้ให้ก็คงกลับอาทิตย์หน้า” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยที่นิ้วโป้งของพ่อเลี้ยงเกี่ยตรงพวงแก้มใสฉัน จำต้องเงยหน้าสบตากับเขาที่มองจ้องลึกเข้ามาในดวงตมกลมโตของฉัน มันเลยความรู้สึกรักใคร่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งได้ใกล้ชิดกับพ่อเลี้ยงทีไรหัวใจของฉันก็มักจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกที “กินอะไรมาหรือยัง?”
“ยังค่ะ กินแค่ไอศกรีมกับปูเป้มา”
“...”
“พ่อเลี้ยงหายโกรธบัวแล้วใช่ไหมคะ?” คำถามของฉันทำให้พ่อเลี้ยงนิ่งไป “เรื่องที่บัวพูดตอนนั้น บัวขอโทษนะคะถ้าทำให้พ่อเลี้ยงรู้สึกไม่สบายใจ แต่บัวแค่อยากอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่อยากทำให้พ่อเลี้ยงต้องเสียชื่อ”
“เสียชื่อเรื่องอะไร?”
“ถูกมองว่าเลี้ยงดูลูกสาวเมียเก่า”
“ใครพูด”
“ไม่มีหรอกค่ะ บัวคิดเอง” กลัวเขาจะถูกมองว่าจ้องจะเคลมลูกเลี้ยงเมียเก่าน่ะสิ ถึงจะยังไม่มีใครคิดเพราะพ่อเลี้ยงแสนดีขนาดนี้ แต่ฉันเชื่อว่าความสัมพันธ์ของเรามันไม่สามารถบรรจบได้ ด้วยสถานะที่ต่างกันขนาดนี้และหลายๆ อย่างมันบ่งบอกให้ฉันต้องเจียมตัวเองอยู่เสมอ ถึงจะทำให้พ่อเลี้ยงไม่ค่อยจะพอใจก็เถอะ ฉันจำเป็นต้องทำไง... เพื่อความสบายใจ ไม่ให้เรื่องพวกนี้เข้าหูคุณดาจนมองฉันผิดไป “อาจจะมีก็ได้นี่คะ คนที่มองเราสองคนแบบเชิงชู้สาว”
“...”
“ต่อให้เราบริสุทธิ์ใจแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะห้ามความคิดคนอื่นได้” แม้ว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่บริสุทธิ์ใจกับพ่อเลี้ยง เพราะเขาน่ะดีเกินไปจริงๆ ดีมากจนทำให้เด็กน้อยอย่างฉันตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง ก็ไม่เข้าใจ อยู่ด้วยกันก็นานทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้กับเขาก็ไม่รู้ พอแม่หนีหายไปทิ้งพ่อเลี้ยงให้จมทุกข์รวมถึงฉันด้วย ราวกับเราสองคนมีอะไรที่เหมือนกันก็คือถูกหักหลังและถูกทิ้ง เลยเข้าใจหัวอกเดียวกันและนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักที่ฉันมีให้กับพ่อเลี้ยง “นอกซะจากพ่อเลี้ยงจะรับบัวเป็นลูกบุญธรรม ข้อครหาก็คงจะไม่เกิดหรือไม่ก็พ่อเลี้ยงแต่งงานใหม่”
“อยากให้ฉันแต่งงานใหม่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามของพ่อเลี้ยงทำให้ฉันพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“พ่อเลี้ยงควรได้เจอกับความรักดีๆ ไงคะ บัวเคยบอกพ่อเลี้ยงแล้ว” ใช่ ฉันบอกเขาหลายรอบแล้วว่าอยากให้เขาเจอกับรักที่ดีและในที่สุดก็เจอแล้วไง คุณดาคนดีคนเดิมของพ่อเลี้ยง
“อยากให้ฉันแต่งงานใหม่หรือต้องการไปจากฉันกันแน่” คำถามของพ่อเลี้ยงจี้ใจฉันจนต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ว่าไงบัว?”
“บัวขอไม่ตอบนะคะ” เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายคำตอบของฉันจะเป็นแบบไหน พ่อเลี้ยงกับฉันเราต่างรู้ดี ฉันเคยบอกเขาเสมอว่าถ้าเมื่อไหร่เขาแต่งงานมีรักใหม่ ฉันจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเองไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอเขา ฉันคือคนอื่นสำหรับเขานับตั้งแต่เขามีรักใหม่นั่นแหละ “พ่อเลี้ยงดูแล ส่งเสีย เลี้ยงดูบัวเพราะบัวไม่มีใคร แต่อย่าลืมนะคะสักวันทั้งบัว ทั้งพ่อเลี้ยงก็ต้องมีใครสักคนแน่นอน”
“...” สำหรับฉันน่ะคงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นในหัวใจ
“อาจจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่มีนี่คะ พ่อเลี้ยงจะอยู่เป็นโสดได้ยังไง?”
“ฉันอยู่ได้” ได้บ้าได้บออะไรกันล่ะ จูบกับคุณดาขนาดนั้นคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของเขาได้ไหมล่ะว่าจะไม่มีใครจริงๆ
“บัวอยู่ไม่ได้ค่ะ”
“หมายถึงยังไง? จะมีแฟน” พ่อเลี้ยงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเท้าเอวมองฉันหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไหนบอกว่าจะไม่มีเพราะอยากตั้งใจเรียน”
“ไม่ใช่ตอนนี้ไงคะ หมายถึงตอนบัวโตขึ้น” ถึงฉันจะอายุสิบเก้า ใกล้จะยี่สิบอีกไม่กี่อาทิตย์เพราะวันเกิดฉันกำลังใกล้เข้ามาทุกทีก็ตาม ฉันก็โตพอที่จะมีความรักได้แล้วไงก็ให้เขาไปแล้ว จะลืมเขาได้ตอนไหนตอนนั้นฉันถึงจะคิดมีใครสักคนเพื่อลืมพ่อเลี้ยง ที่คิดเอาไว้นะ “พ่อเลี้ยงคงไม่ห้ามบัวเรื่องนี้”
“ฉันห้ามได้หรือไง ไม่ใช่พ่อเธอ ไม่ใช่ญาติเธอนี่”
“พ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะ? ทำไมต้องประชดประชันบัวด้วย”
“ประชดตรงไหน ฉันก็พูดปกติ” เขาจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองโคตรจะทำตัวหงุดหงิดใส่ฉันเลย “เธออยากจะมีแฟนหรืออยากจะทำอะไรก็ตามแต่เลย ฉันไม่มีสิทธิ์ห้ามเธออยู่แล้วนี่!”
“พ่อเลี้ยง” ขึ้นเสียงใส่ฉันเสร็จก็หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน จนฉันได้แต่ยืนมึนงงกับอารมณ์ของพ่อเลี้ยงที่แปรปรวนจนฉันตามเขาไม่ทัน คือฉันก็ว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดหรือพูดอะไรไม่เข้าหูเขานะ พ่อเลี้ยงไม่เคยแสดงออกด้านนี้ให้ฉันเห็นด้วยซ้ำ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะเนี่ย หรือว่าคุณดาไม่อยู่เป็นอาทิตย์เขาก็เลยหงุดหงิด ต้องใช่แน่ๆ “จะอยู่เป็นโสดได้ยังไง พอคุณดาไม่อยู่ก็หงุดหงิดขนาดนี้”
แต่คือฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของพ่อเลี้ยงไง คิดถึงทำไมไม่ตามหล่อนไปด้วยก็ไม่รู้ แล้วมาขึ้นเสียงใส่ฉันอีก ทั้งที่ฉันพูดแบบนี้ตลอดเขาก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ไม่พอใจฉัน จะว่าวัยทองก็ไม่ใช่ อายุเพิ่งจะ 39 ยังไม่เข้าเลขสี่เลยด้วยซ้ำ ทำประชดประชันเป็นเด็กไปได้นะ มาดพ่อเลี้ยงสิงหาหายไปไหนแล้วล่ะ
*------------------------------------------*