สามวันถัดมา ข่าวที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ย่อมไม่พ้นข่าวของเสนาบดีฮุย มีข่าวลือว่าเขานั้นมักมาก ที่จวนมีอนุมากมาย อาจจะมีมากกว่าสนมในวังหลังของฝ่าบาทเสียอีก อีกทั้งยังเป็นคนขาดคุณธรรม
ในจวนสกุลฮุยแห่งนั้นเหมือนนรกบนดิน มีไว้ทรมานคนไร้ทางสู้ รังแกคนอ่อนแอ หากอนุผู้ใดไร้ความโปรดปราน จะถูกนำไปใช้แรงงาน บ้างถูกนำไปขาย บ้างถูกรังแก บ้างถูกฮูหยินใหญ่ฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
ข่าวลืออันน่าตกใจนี้เลื่องลือกันไปทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ข่าวลือก็คงเป็นได้เพียงข่าวลือหากฮ่องเต้ไม่สั่งให้ฝ่ายตุลาการและฝ่ายเสนาธิการตรวจสอบความประพฤติของเสนาบดีฮุย เพราะคนไร้คุณธรรมเช่นนั้น ไม่อาจให้เป็นขุนนาง ไม่สามารถเป็นเยี่ยงอย่างให้ผู้คนเคารพได้
ข้อกล่าวหานั้นรุนแรงยิ่งนัก เหล่าคุณชายคุณหนูในจวนสกุลฮุย บัดนี้ไม่กล้าแม้ออกไปนอกจวน ด้วยทนแรงด่าทอติฉินนินทาไม่ไหว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข่าวลือไร้สาระพวกนี้มาได้อย่างไร ใครมันเป็นต้นเหตุของข่าวลือ”
เสนาบดีฮุยเข้ามาโวยวายกับฮูหยินของตน เพราะเรื่องราวต่างๆในจวนแห่งนี้นางล้วนเป็นผู้จัดการ เรื่องราวต่างๆนั้นหากจะโทษใครก็ต้องโทษนาง ที่ไม่จัดการให้ดี ปล่อยให้มีข่าวเช่นนี้หลุดรอดออกไป เขายังจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
“ท่านพี่ ท่านจะกล่าวโทษข้าแบบนี้ได้อย่างไร ข้าไม่รู้เรื่อง ข่าวบ้าๆนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านลองคิดดูดีดีเถิด ช่วงนี้ท่านมีศรัทตรูที่ไหนบ้าง บางทีอาจเป็นแผนของศรัทตรูที่ต้องการทำลายท่าน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสนาบดีก็ใจเย็นลง ใช่! อาจจะเป็นพวกไม่หวังดี ต้องการทำให้หน้าที่การงานของเขาเสียหาย และทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง หากเขาเต้นตามกลยุทธ์ผู้อื่นอาจทำให้หลงกลได้ เรื่องในจวนของเขา ผู้อื่นจะรู้ได้เช่นไร
“ที่เจ้าพูดมาก็มีส่วนฮูหยิน บางทีอาจจะเป็นแผนของพวกตระกูลสวี พวกมันจ้องตำแหน่งของข้าอยู่ หึ พวกมันรู้จักข้าน้อยไป ในเมื่อพวกมันเลือกเริ่มก่อน เมื่อโดนเอาคืน ก็อย่ามาร้องก็แล้วกัน”
เสนาบดีฮุยเป็นพวกร้องไม่กัด เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เดี๋ยวก็คงไปพบบิดาของนาง แล้วร้องขอความช่วยเหลืออย่างที่เคยผ่านมา หรงฮูหยินคิดอย่างเยาะหยัน สามีของนางผู้นี้นอกจากหล่อเหลาเจ้าชู้แล้ว นอกนั้นเขาก็ไม่เอาไหนเสียเลย
นางต้องให้ท่านพ่อคอยช่วยเหลือ เพื่อให้สามีของนางไปสู่ตำแหน่งที่สูง สูงพอที่จะส่งบุตรสาวของนางไปยังตำแหน่งที่มุ่งหมาย
องค์ชายสาม หมิงเฟยหยาง ผู้ที่กำเนิดจากฮองเฮาองค์ก่อนและดำรงตำแหน่งรัชทายาทอยู่ในขณะนี้ ยามนี้ฮุยลู่เหลียนกำลังก้าวหน้า ได้เป็นสหายร่วมเรียนกับเหล่าคุณชายและองค์ชายทั้งหลาย มีโอกาสได้เข้าเฝ้ารัชทายาทหลายครั้ง
ภาพลักษณ์หญิงงามเพียบพร้อมผู้สูงส่งของนาง จะให้หม่นหมองเพราะข่าวลือเหลวไหลไม่ได้ หากเสนาบดีฮุยถูกสอบสวน และสืบทราบว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เมื่อนั้น เรื่องที่หวังคงยากแล้ว นางจึงสั่งให้คนสนิทไปทำการบางอย่าง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของบุตรสาวของนาง
รุ่งขึ้นคุณหนูรองสกุลฮุย เดินทางไปตั้งโรงทานและบำเพ็ญตนที่วัดกวนอิมบนเทือกเขาลู่ซานอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรให้บิดามารดามีอายุยืนและสุขภาพดี
แม้ว่าจะมีข่าวเสียหายของเสนาบดีฮุยออกมาแต่คนกตัญญูต่อบิดามารดาเช่นคุณหนูรองสกุลฮุยก็ได้รับความชื่นชมไม่น้อย ยิ่งมีข่าวลือว่านางเป็นคนชอบทำบุญทำกุศล ได้บริจาคทานและถวายเงินทำบุญที่วัดห่างไกลไม่ได้ขาด อีกทั้งยังเมตตาแจกทานคนจนคนทุกข์ยาก รวมถึงขอทานทั่วไปอยู่เสมอ ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของนางกลบข่าวลือเสียหายของเสนาบดีฮุยลงได้ไม่น้อย
สามวันต่อมา เสนาบดีฮุยถูกลดตำแหน่งและถูกย้ายไปทำงานที่กรมพิธีการชั่วคราว เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าข่าวลือเรื่องของเสนาบดีฮุยเป็นเรื่องจริง ผู้คนต่างโกรธแค้นเสนาบดีฮุยที่ทำให้บุตรสาวที่ดีอย่างคุณหนูรองพลอยเสื่อมเสีย ทุกคนต่างสงสารคุณหนูรองผู้นั้น ที่มีบิดาไม่เอาไหน
บุตรสาวทำความดีแต่บิดาจุดไฟเผาบ้านตน เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตอยู่พักใหญ่ ความจริงค่อยมาเปิดเผยเอาทีหลังว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้ไม่หวังดีนอกจากจะกุข่าว แล้วยังสร้างหลักฐานเท็จ ทำให้เสนาบดีเสื่อมเสียชื่อเสียง
แต่แม้ว่าจะว่าอย่างไร ชื่อเสียงที่เสียไปแล้ว ก็ยากแก่การจะกู้คืน คุณหนูรองสกุลฮุยจึงตัดสินใจอยู่บำเพ็ญเพียรที่วัดถึงสามปี เพื่อเป็นกุศลแก่บิดามารดาให้พ้นจากภัยมารผจญในครั้งนี้
เมื่อคุณหนูรองออกหน้าปกป้องชื่อเสียงและยืนยันความบริสุทธิ์ของบิดามารดาด้วยวิธีนี้ ข่าวลือก็ค่อยซาและหายไปในที่สุด
*******
สามปีต่อมา
วันนี้เป็นวันที่คุณหนูรองสกุลฮุยจะกลับมาจากการสร้างกุศล มีข่าวลือว่า นางบำเพ็ญเพียรถือศีลกินเจอย่างเคร่งครัด ยามนี้นางมีบุญบารมีสูงส่ง อีกทั้งกำลังจะเข้าพิธีปักปิ่น นับว่าเมืองหลวงกำลังจะมียอดสตรีปรากฏอีกคน
ยามนี้ตลอดสองข้างทางของทางเข้าเมืองหลวง มีผู้คนมากมายมารอชมความงามอันสูงส่งของว่าที่หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นางเป็นถึงหลานตาของเสนาบดีหยงผู้ยิ่งใหญ่
อีกทั้งยามนี้เสนาบดีฮุยบิดาของนางได้กลับมารับตำแหน่งที่กรมการคลังเช่นเดิมแล้ว เพียงแต่ตำแหน่งเสนาบดีนั้นมีผู้ครองไปแล้ว เขาจึงเป็นได้เพียงรองเสนาบดีแทน แต่นั่นก็ไม่สำคัญอันใด
รถม้าคันงามที่มีผ้าขาวบางปิดคลุมมิดชิด ยามนี้ได้วิ่งผ่านประตูเมืองเข้ามาแล้ว เมื่อผ่านมาถึงบริเวณผู้คนหนาแน่น รถม้าคันนั้นก็หยุดลง
มือเรียวขาวสะอาดดูนิ่มนวล เอื้อมออกมายกผ้าม่านรถม้าขึ้น คุณหนูรองในชุดสีขาวสะอาด ดวงหน้างดงามไร้เครื่องประทินโฉมปรากฏขึ้นด้านหน้า หลายคนต่างกำลังจับจ้องรอชมภาพสาวงามอยู่ก็ต้องตกตะลึง
ในขณะเดียวกันมีขบวนรถม้าของหอตงเหอผ่านมาพอดี ใครๆก็รู้ว่าหอตงเหอนั้นมีสาวงามมากเพียงใด หากอยากชมต้องจ่ายเงินตำลึงเท่านั้น ครานี้ถึงกับผ่านมาทั้งขบวน ผู้คนส่วนมาก็หมดความสนใจในคุณหนูรองสกุลฮุยทันที พวกเขาต่างรอชมสาวงามจากหอตงเหอกันทั้งนั้น และแล้วขบวนสาวงามก็ปรากฏตัวขึ้น
บนรถม้าที่มีหลังคาทรงสูง รอบรถม้านั้นมีม่านประดับผืนสั้น ทำให้สามารถมองดูคนที่นั่งด้านใสรถม้าได้อย่างชัดเจน รถม้านั้นโล่งทั้งสี่ด้าน รถม้าขบวนสามงามมีถึงสามคัน!
คนแรกเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งหอตงเหอ มีนามว่าหงซือม่าน ความงามของนางนั้นทำเอาผู้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้มไม่เสื่อมคลาย หากพวกเขามีเงิน พวกเขาก็อยากนำไปมอบให้นาง ขอเพียงได้นั่งมองนางให้นานอีกหน่อยก็พอ
หากกล่าวว่าสาวงามคนแรกงามมากแล้ว พอเห็นสาวงามบนรถม้าคันที่สอง ทำเอาพวกเขาเผลอกลั้นลมหายใจ สาวงามผู้นั้น ดูว่าจะอายุยังน้อย คงจะยังไม่ถึงวัยปักปิ่น แต่เครื่องหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโก่งเรียวดังกิ่งหลิว รับกับดวงตากลมหวาน ขนตางอนหนาเป็นแพนั้นมองเห็นได้ชัดแม้อยู่ไกล ริมฝีปากบางกระจับเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ดวงหน้ารูปไข่เรียวงาม รับกับทุกส่วนของใบหน้าราวกับสวรรค์บรรจงปั้นแต่ง
เกิดมาพวกเขาไม่เคยได้ยลคนงามมากขนาดนี้มาก่อน สมแล้วที่เป็นสาวงามจากหอตงเหอ พวกเขานึกขอบคุณข่าวลือที่ทำให้ตนออกมารอชมคนงามในวันนี้ ไม่เสียเที่ยวจริงๆ
เมื่อขบวนสาวงามผ่านไป พวกเขาก็หันกลับมามองคุณหนูรองที่ยังยืนอึ้งอยู่อีกครั้ง เมื่อเจอความงามฉูดฉาดใจเพียงนั้น เทียบกับสตรีงดงามในชุดขาวผู้นี้ ความงามของคุณหนูรองก็ด้อยลงไปทันที ทำให้รู้สึกว่าธรรมดา แบบนี้ไม่เรียกว่างดงามเป็นอันดับหนึ่งได้หรอก นู่น! งดงามอันดับหนึ่ง ต้องแบบหญิงสาวจากหอตงเหอนู่น!
ฮุยลู่เหลียนอยากกรีดร้องและอาละวาดสุดตัว หญิงจากหอนางโลมพวกนั้น กล้าดีอย่างไร มาทำให้แผนนางเสียหายพังยับเยิน หมดกัน! การปรากฏตัวอันสูงส่งงดงามน่าจดจำของนาง ยันต์คุ้มภัยที่นางอุตสาห์นั่งเขียนมาหลายวันก็ยังไม่ได้แจก ผู้คนต่างก็ทยอยกลับไปทำงานกันหมดแล้ว!
ยามนี้ไม่มีใครสนใจว่าที่หญิงงามอันดับหนึ่งเช่นนางสักคน เป็นแค่หญิงนางโลมโคมเขียว คิดจะแข่งกับนาง พวกเจ้าจะต้องเสียใจ! เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ นางจึงกลับเข้าไปในรถม้า เดินทางตรงกลับจวนทันที
ด้านสองสาวงามหอตงเหอยามนี้นั่งหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน
“เหมียนเออร์ เจ้าได้ดูสีหน้าของคุณหนูรองผู้นั้นหรือไม่ นางทำหน้าตลกชะมัด ฮ่าๆๆ คิดจะแข่งความงามกับสาวงามแห่งหอตงเหอ ยังเร็วไปร้อยปี ฮ่าๆๆ”
หงซือม่าน หญิงงามอันดับหนึ่งยามนี้หัวเราะอย่างชอบใจไม่ได้รักษาภาพพจน์ใดใดของตนเองทั้งสิ้น
“เสี่ยวม่าน เจ้าต้องสำรวมมากกว่านี้นะ ไม่อย่างงั้นข้าจะฟ้องมามา ให้อบรมเจ้าทั้งวันทั้งคืนเลย”
“โห... เหมียนเออร์ เจ้าช่างขู่ได้น่ากลัวนัก นี่เจ้าขู่ข้าแล้วหรือ นี่! ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เวลาขู่มันต้องทำหน้าให้น่ากลัวด้วย นี่แบบนี้!”
ว่าแล้วหงซือม่านก็พยายามเข้าไปปั้นหน้าปั้นตาให้น่ากลัวแก่สหายของนาง สองดรุณีงดงามสะพรั่งกำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ภาพนั้นปรากฏอยู่ในสายตาของนายหญิงของหอตงเหอแห่งนี้
ยามนี้เหอจิ่งอี๋นางมีเพชรเม็ดงามถึงสองเม็ดอยู่ในมือ หงซือม่านนางปั้นมาเองกับมือ ยามนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่า หงซือม่าน คือหญิงงามอันดับหนึ่งของหอตงเหอ
ส่วนอีกนาง หลิวฟางเหมียนเด็กคนนี้นางตั้งใจปั้นมาอย่างดี ไม่ได้ปั้นมาเพื่อเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง แต่นางตั้งใจปั้นให้เป็นสตรีอันดับหนึ่ง! นางตั้งใจจะส่งหลานสาวนอกไส้คนนี้ไปสู่ที่สูง เพื่อทำในสิ่งที่ปรารถนา
นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของนาง แต่นั่น คือเจตนาอันแน่วแน่ของเด็กสาวผู้นั้น หลิวฟงเหมียน! นางต้องการเป็นสตรีอันดับหนึ่ง นางตั้งใจฝึกฝนศาสตร์ทั้งสี่ ความรู้ทั้งหลาย แม้กระทั่งตำราพิชัยยุทธ์ นางก็ล้วนศึกษาจนแตกฉาน รวมทั้งวิทยายุทธ์ นางก็ฝึกฝนสม่ำเสมอมิได้ขาด เหล่าเงาทั้งหลายล้วนแล้วแต่เคยเป็นอาจารย์ให้กับนาง
ยามนี้เด็กสาวพึ่งผ่านการฝึกฝนมาเพียงแค่ 3 ปี แต่เก่งกาจแล้วยังเชี่ยวชาญในศาสตร์ทุกแขนง หากนางฝึกฝนไปอีกปีสองปี ใต้หล้านี้คงยากที่ใครจะเทียบเทียมนาง สตรีอันดับหนึ่งคงไม่ไกลเกินฝัน และเมื่อนั้น.. นางจะให้ท่านผู้นั้น สนับสนุนหลานสาวของนางเอง!
*********
ค่ำคืนนั้น ในห้องนอนของนายหญิงแห่งหอตงเหอ หญิงสาววัยสามสิบเอ็ด ยามนี้กำลังรับใช้นายท่านของนางเช่นเคย หากคืนไหนที่เขามา นางจะต้อนรับเขาอย่างดีและถึงใจ ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่นางโหยหาอ้อมกอดนี้ เขาไม่ได้มาหานางนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็เดือนที่แล้ว คืนนี้ที่เขาปรากฏตัว สร้างความยินดีต่อนางนัก
“อา... นายท่าน อา...”
ร่างใหญ่โตที่ควบขี่นางอย่างไม่ออมแรง ทำให้นางสุขสมจนเหลือล้น ยามที่เขาเข้ามา เขาช่วยเติมเต็มอารมณ์กำหนัดที่โหยหาให้แก่นางอย่างอิ่มหนำ ร่างกายกำยำของชายวัยสี่สิบกว่ามีพละกำลังมากล้น กล้ามเนื้อแข็งแรงใหญ่โตและสวยงามนั่นทำให้นางตาพล่า
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพกามารมณ์ ในจวนของเขามีสตรีมากมาย แต่คนที่เขาทุ่มเทและลุ่มหลงมากที่สุดก็คือนาง! นางรู้ฐานะตนเอง จึงไม่ยอมแต่งเข้าบ้านของเขาให้เจ็บช้ำ เพราะไม่อยากอยู่ใต้อำนาจใคร ยอมรออยู่ข้างนอก รอให้นายท่านมาบำเรอกามให้นางอย่างสุขสุมยามเขาต้องการดีกว่า
“อา.. จิ่งเออร์ของข้า อา....” ร่างกายสูงใหญ่ของนายท่าน สาวท่อนเอ็นระรัวเข้าสู่ช่องทางหฤหรรษ์ของนาง แรงกระแทกของเขาทำให้เกิดเสียงดังสนั่นของเตียง แต่เขาหาได้สนใจสิ่งใดไม่ เขายังคงตอกตรึงร่างงดงามไม่เสื่อมคลายของหญิงคนรักที่เขาปราถนา
จนเมื่อจุดนั้นมาถึงทั้งสองร่างต่างเกร็งเข้าหากัน ก่อนกระตุกเสร็จอย่างรุนแรงทั้งคู่ สองเค่อถัดมานายท่านเตรียมตัวพร้อมจะกลับไปในที่ของเขา
“นายท่าน คืนนี้ไม่ค้างกับข้าหรือเจ้าคะ ไม่เจอกันนาน จิ่งอี๋คิดถึงท่านนะ..” สาวงามยกผ้าห่มขึ้นมาปิดอกอวบขาวสล้าง ก่อนเดินเข้าไปออดอ้อนนายท่านของนาง
“คืนนี้ไม่ได้.. ไว้ครั้งหน้า ข้าจะหาเวลามาอยู่กับเจ้าให้มาก ไม่งอแงนะเด็กดี ข้าไปล่ะ ไว้จะมาหาเจ้าใหม่”
ชายผู้นั้นกล่าวเสร็จก็เข้าไปรั้งนางมาจุมพิตตรงหน้าผาก ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ เขาอิ่มเอมมากเสมอ แต่น้อยครั้ง ที่เขาจะสามารถอยู่ค้างคืนกับนางได้….