เด็กหญิงตัวน้อยขังตัวเองไว้ในห้องกับป้ายวิญญาณของมารดา วันนี้เป็นวันที่สามหลังการฝังศพ คนพวกนั้นไม่ทำพิธีศพให้มารดาของนางด้วยซ้ำ
เพียงแต่นำออกไปฝังนอกเมือง นางขอเข้าพบเสนาบดีฮุยผู้เป็นบิดาครั้งแรกในชีวิต เขายินยอมพบนางและบอกกับนางว่า ต่อให้มารดาของนางตายไปแล้ว นางก็ยังถือเป็นสมบัติของสกุลฮุย จงทำหน้าที่ของตนให้ดี อย่าได้สร้างความเดือดร้อน
นางไม่สนใจสิ่งใดที่เขาสั่งสอนมาอีกยืดยาว นางคุกเข่าขอเพียงให้บิดาจัดพิธีฝังศพให้มารดาของนาง เขามองนางพักหนึ่งก่อนบอกเพียงว่า มอบหมายให้ฮูหยินใหญ่ดูแลแล้ว ไม่อาจก้าวก่ายได้
ด้วยเหตุนั้น มารดาของนางจึงต้องถูกนำใส่รถม้าออกไปฝังยังสุสานคนไร้บ้านนอกเมือง นางติดตามออกไปร่วมฝังศพของมารดาด้วย เงินก้อนสุดท้ายถูกนำไปซื้อยาให้มารดาจนหมด นางไม่มีเงินเหลือพอที่จะทำพิธีด้วยตนเอง
ตลอดการฝังศพ นางไม่มีน้ำตาแม้สักหยด นางเพียงพอแล้วกับการไร้ใจของคนที่นี่ แววตาที่เคยสดใสของเด็กหญิง กลายเป็นแววตาหม่นแสงภายในวันเดียว
“ฟงเหมียน มากินข้าวเถอะ แม่เจ้าก็จากไปแล้ว เจ้าก็ต้องอยู่ต่อไป ข้าเอาหมั่นโถมาให้ รับไปกินสิ”
นางมองอาซิน ที่ตลอดมาไม่เคยคุยกับนางนอกจากมาเรียกใช้งาน บัดนี้หญิงผู้นี้นำอาหารมาให้ สีหน้าสลดลง ที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะสอบถามอย่างไร ทุกคนก็เอาแต่ส่ายหน้า ไม่มีใครกล้าเล่าเรื่องที่เหตุใดมารดาของนางจึงตกน้ำ และมีรอยเขียวช้ำที่พบได้ทั่วร่างกาย
มีคนทำร้ายร่างกายมารดาของนาง ก่อนจับโยนลงน้ำ มารดาอ่อนแอ ย่อมไม่อาจทนน้ำเย็นในแม่น้ำได้ไหว ต่อให้ว่ายน้ำเป็นก็ไม่อาจขึ้นมาได้ด้วยตนเอง
เด็กหญิงไม่อยากจะคิดเลยว่า ผู้ที่ทำร้ายมารดาและมองนางจากไป เป็นคนในจวนแห่งนี้ และอาจมีคนพวกนี้ ที่ต่อให้รู้เห็นก็ไม่กล้ายื่นมือมาช่วย พวกเขาสามารถยืนมองหนึ่งชีวิตดับสูญไปต่อหน้าได้
“ข้าไม่กิน ท่านกลับไปเถอะ”
“ฟงเหมียน เจ้าอย่าดื้อนักเลย เจ้าดื้อรั้น อีกหน่อยก็จะโดนเฆี่ยนตี หรือเจ้าต้องการแบบนั้น!”
ไร้เสียงตอบกลับข้อความนั้น ฟงเหมียนเพียงนั่งนิ่ง คุกเข่าหน้าป้ายวิญญาณของมารดาต่อ อาซินเห็นเช่นนั้นก็เหนื่อยใจ คนดีที่ไหนนำป้ายวิญญาณมาไว้ในห้องนอนด้วย นางคร้านจะสนใจ แค่หลายวันมานี้ไม่มีใครช่วยงานนาง นางทำคนเดียวจนมือแตก ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เห็นทีต้องเรียนฮูหยินเสียแล้ว
ถึงแม้จะเห็นใจเด็กน้อยที่ต้องเสียมารดาไป แล้วยังไง ชีวิตบ่าวก็เช่นนี้ จวนอื่นก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้เช่นเดียวกัน นายคือเจ้าชีวิต หากต้องการเมื่อไหร่ คนเป็นบ่าวรับใช้ย่อมไม่อาจฝืนได้
คนรบกวนออกไปแล้ว ฟงเหมียนจึงค่อยๆ หันหน้าไปทางประตู นางจัดการลงดานประตูแล้วเปิดหน้าต่างปีนออกไป วันนี้เป็นวันที่สองที่นางมารับจ้างทำงานร้านขายผัก ถึงแม้นางจะเงียบไปไม่พูดคุยสดใสเช่นเดิม แต่เฒ่าแก่ก็ไม่เซ้าซี้
เมื่อเลิกงาน เขายังคงมอบเงินสิบอีแปะให้นาง หลังได้เงินเด็กหญิงเดินลัดเลาะไปตามตลาด ซื้อหมั่นโถแข็งๆอีกสี่ก้อน ซ่อนไว้ในอกเสื้อ ก่อนเดินกลับทางเดิม ซุ่มอยู่จนปลอดคนแล้วจึงปีนกลับเข้ามาทางหน้าต่าง
ด้านหน้าประตู มีเสียงกระแทกประตูดังสนั่น คงเป็นคนที่ฮูหยินใหญ่ให้มาตาม นางเก็บของให้เรียบร้อยก่อนเดินไปนั่งคุกเข่าหน้าป้ายวิญญาณต่อไม่เดือดร้อนสิ่งใด
“ดื้อรั้นนัก พังประตู!”เป็นเสียงของฮูหยินใหญ่! นางคงมีโทสะมากจึงมาด้วยตนเอง แม้จะรู้ว่าเบื้องหลังประตูเป็นใคร แต่เด็กน้อยในยามนี้ไม่มีแววหวาดหวั่นสิ่งใดอีก ยังคงนั่งนิ่งเช่นเดิม
เมื่อประตูเปิดออก นางจู้เป็นคนสนิทของฮูหยินใหญ่ เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในห้อง ไม่ว่ากล่าวสิ่งใดนางโกรธจนหน้าแดงก่อนฟาดฝ่ามือลงไปบนดวงหน้าน้อยๆนั้น แล้วลากเด็กหญิงผู้ดื้อรั้นไปพบนายของนางที่หน้าประตู ฮูหยินใหญ่ไม่อยากก้าวเข้ามาในห้องอัปมงคลแห่งนี้
“นังเด็กสาระเลว! แกกล้าดื้อรั้นไม่เชื่อฟังงั้นหรือ! ข้าให้คนมาเรียกตั้งนาน ทำไมไม่เปิดประตู ต้องให้ข้าเสียเวลามาตามด้วยตนเอง แล้วยังเปิดชักช้าอีก อยากตายตามมารดาแกไปใช่มั้ย!”
“ท่านฆ่าแม่ข้าแล้ว! จะฆ่าข้าอีกคน คงไม่เป็นไร! พวกท่านมันใจบาปหยาบช้า ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ คุยกับพวกท่านคุยกับสุนัขยังดีเสียกว่า!”
เด็กน้อยเชิดหน้าขึ้นตอบ จ้องมารร้ายตาเขม็ง นางไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากต้องตายตามมารดาไป ก็เห็นว่าจะเป็นทางที่ดี หากต้องทนอยู่กับคนพวกนี้ สู้นางตายไปดีเสียกว่า
“ดี! ดี! ใจเด็ดดีไม่แพ้มารดาของแก เอาตัวนางไปโบย 40 ไม้ แล้วนำไปขังไว้ห้องเก็บฟืน ห้ามให้ข้าวให้น้ำนางกิน ดูสิ! ยังจะปากดีอีกมั้ย!”
“ฮูหยินใหญ่ใจเหี้ยมดั่งนางมาร.. แม้ท่านจะมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ขอให้อยู่อย่างทนทุกข์! แม้ร้องขอความตายทุกขณะ ก็ไม่อาจได้ตายสมใจ ข้าขอสาปแช่งท่าน ฮุยหรูหรง!!”
สิ้นคำตะโกนสาปแช่ง ฮูหยินใหญ่ดั่งเส้นความอดทนขาด นางรู้สึกหวาดกลัวกับสายตาและการสาปแช่งนั้น
นางตรงเข้าไปตบตีเด็กหญิงตัวน้อยนับไม่ถ้วย นอกจากเสียงกรีดร้องอย่างกราดเกรี้ยวของฮูหยินใหญ่แล้วก็ไม่มีเสียงร้องของเด็กน้อยสักแอะ
เด็กคนนั้นยังคงจ้องนางเขม็ง เหยียดยิ้มเย้ยหยันอย่างเหี้ยมหาญ ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดใด ก่อนที่จะวุ่นวายไปกว่านั้นก็มีเสียงของเสนาบดีฮุยดังขึ้น
“หยุด! นี่เจ้าทำอะไรหรือฮูหยิน จะตบตีให้ได้สิ่งใดขึ้นมาอีก”
เสนาบดีฮุยมาวันนี้เพราะคนสนิทของเขาบอกว่าฮูหยินใหญ่เกรี้ยวกราดที่ฟงเหมียนดื้อรั้นจึงมอบโทษโบยให้กับนางถึง 40 ไม้ เด็กหญิงตัวเล็งเพียงนั้นจะไปทนไหวได้อย่างไร
แม้ไม่รักแต่วันที่เขาได้เห็นใบหน้าที่คล้ายมารดาถึงเจ็ดส่วนในวันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกอาทรเล็กน้อย บางทีการให้ฮูหยินใหญ่ดูแลเรื่องหลังเรือนทั้งหมดก็ไม่ใช่หนทางที่ดี เขาอาจจะพอนำบุตรผู้นี้ไปมอบให้ฮูหยินรองได้
“ท่านพี่! ท่านรู้รึไม่ ว่านังเด็กอกตัญญูผู้นี้ บังอาจสาปแช่งข้า! มันกำเริบเนรคุณเช่นนี้! ยังจะเลี้ยงมันไว้ให้เปลืองข้าวสุกอีกทำไม วันนี้! ข้าต้องจัดการเจ้า นังเด็กสารเลว”
หรงฮูหยินนางปรี่จะเข้าไปตบตีเด็กน้อยอีกจึงถูกสามีตวาดเสียงดัง
“พอที!! ฮูหยินเจ้าก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังจะถือเอาคำพูดของเด็กมาเป็นอารมณ์อีกหรือ”
“เอาล่ะ ในเมื่อนางดื้อรั้นกับเจ้า ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็ให้นางไปอยู่ในความดูแลของฮูหยินรอง และให้นางไปพักอยู่เรือนฮูหยินรองก็แล้วกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแทนที่จะโกรธ นางกลับยกยิ้มสมใจ ดี! ให้อยู่ในเรือนกับฮูหยินรอง นางอาจจะเรียกร้องหาความตายมากกว่ากระมัง หึ! ใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายรองคลั่งไคล้ความรุนแรงเพียงใด โดยเฉพาะกับเด็กสาวๆ
“ก็ได้ ข้าเห็นแก่ท่านหรอกนะ เจ้า! เตรียมตัวไปอยู่กับฮูหยินรอง เก็บของของเจ้าไปด้วยล่ะ เพราะเจ้าคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
นางพูดจบก็เดินหันหลังจากไป เสนาบดีฮุยมองใบหน้าฟกช้ำบวมปูดก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เขาส่ายหัวอย่างรำคาญใจ ก่อนเดินกลับไปทางด้านข้างจวน คงไปเรือนอนุคนใดคนหนึ่งนั่นเอง
ฟงเหมียนเหมือนสติหลุดแล้วจริงๆ นางโกรธพวกเขามาก และนางเกลียดทุกคนที่นี่ ส่งนางไปเรือนฮูหยิน รองงั้นหรือ ความตายยังน่าปรารถนากว่า
นางยังจำสายตาของคุณชายรองได้ ครั้งหนึ่งเขาจับนางไปมัด เขาพยายามลวนลามนาง แม้นางจะได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวร่วมบิดาแต่เขาหาได้สนใจ
หากครั้งนั้นมารดานางไม่ยอมดื้อรั้นไปช่วยไว้จนมารดาโดนโทษโบย 20 ไม้ที่ก่อเรื่อง นางอาจไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากนางไปอยู่กับฮูหยินรอง นางคงถูกส่งให้คุณชายรองแน่ นางไม่ต้องการเป็นที่ระบายอารมณ์คนพวกนั้นอีกแล้ว
คงรอไม่ได้อีก คงต้องไปในค่ำคืนนี้เลย! นางปิดประตูห้อง อ้างว่าจะเก็บของทุกชิ้นไปด้วย ผู้คนเห็นบทสรุปเรื่องนี้ตั้งแต่ไกลก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วแยกย้ายกันไปยังที่ของตน
มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่หยิบป้ายวิญญาณของมารดาลงในห่อผ้าพร้อมกับเสื้อผ้าเก่าๆของตนอีกสองชุด หมั่นโถสี่ก้อนและน้ำตาลก้อนอีกหนึ่งกำมือ นั่นคือเสบียงทั้งหมดที่นางมี
เมื่อถึงตอนเย็นทุกคนไปรับส่วนแบ่งอาหารของตนที่โรงครัว นางก็แอบหลบออกไปทางหลังจวน ที่ประตูหลังยามนี้ปลอดคนเช่นเคย เพราะการเข้าเวรประตูหละหลวม นางจึงหลบหนีพ้นจวนมาได้สำเร็จ นางถอนหายใจอย่างโล่งอก
ยามนี้ค่ำแล้ว นางไม่เคยได้ออกนอกจวนมาในยามค่ำ อากาศหนาวเหน็บทำให้นางก้าวขาแทบไม่ออก แม้จะเคยออกมาแถวตลาดบ่อยครั้ง แต่ยามมืดมิดเช่นนี้นางไม่รู้จะไปทิศทางไหนดี
เด็กหญิงเดินย่ำหิมะไปเรื่อยๆ จนมาสุดถนนท้ายตลาด ที่นั่นนางมองเห็นเด็กชายผู้หนึ่งกำลังคุ้ยถังขยะอยู่ เขามีท่าทางหิวโซ นางยืนมองเขาอยู่สักพัก ก็ติดสินใจเดินเลยผ่านไป
หมั่นโถสี่ก้อนนั่นคือเสบียงของนาง นางยังไม่ยินดีแบ่งมันให้เขา ไม่นานเด็กคนนั้นมองเห็นนางจึงวิ่งเข้ามาหา
“เดี๋ยว! เจ้า! เจ้ามีอาหารบ้างหรือไม่ ข้าหิวมาก แบ่งมาให้ข้าหน่อย หรือเงินก็ได้ เจ้ามีมั้ย แบ่งมาให้ข้าเถอะ ข้าหิวมาก ข้ายังมีน้องอีก พวกเขาก็หิวมากเช่นกัน”
แม้ท่าทางเขาจะน่าสงสาร แต่นางก็ต้องส่ายหน้า หากให้เขาไปแล้ว นางก็คงต้องอดและเป็นผู้หิวโหยเช่นกัน
“เจ้าโกหก เจ้ามีห่อผ้าใบโต ในนั้นต้องมีอาหารแน่ ส่งมันมาให้ข้า!”
เมื่อขอไม่ได้ เขาก็จะแย่งชิงมันซึ่งๆหน้า นางเห็นท่าไม่ดี เตรียมตัวจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทันเด็กคนนั้น
เขาฉวยเอาห่อผ้าไปอย่างรวดเร็วแล้วรีบแกะห่อผ้าอย่างลนลาน ในนั้นมีชุดเก่า ป้ายไม้สักอย่างที่เขาอ่านไม่ออก แต่รู้ว่าลักษณะคล้ายป้ายวิญญาณเด็กคนนั้นจึงโยนป้ายนั้นทิ้งทันที
เด็กหญิงรีบวิ่งไปเก็บอย่างใจหาย เมื่อเก็บได้ ก็เห็นเด็กชายคนนั้นค้นจนเจอกับห่อหมั่นโถสี่ก้อน เขาหยิบไปทั้งห่อ ก่อนกำหิมะขว้างใส่นางแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
หมดกันเสบียงของนาง.. เด็กหญิงคิดอย่างห่อเหี่ยว ก่อนหยิบห่อผ้ามาดู ตอนนี้เหลือเพียงชุดเก่าๆสองชุดและป้ายวิญญาณของท่านแม่ ดีที่ก้อนน้ำตาลและป้ายไม้ของมารดานางมัดด้วยเชือกผูกเข้ากับเอว
เมื่อเหลือเพียงเท่านี้ ก็ต้องเอาไปเพียงเท่านี้ ทั้งวันนางยังไม่ได้ทานอะไร ยามนี้รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่ง จึงเดินไปนั่งพักที่เพิงไม้ริมทาง หยิบห่อน้ำตาลก้อนมาแกะกิน รสหวานทำให้รู้สึกมีพลังขึ้น กำลังจะลุกเพื่อเดินทางต่อไปให้ไกลจากที่นี่ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นจากทางด้านหลัง
“พบแล้ว!!”
คนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมนางไว้ นางได้แต่ตกตะลึง นางถูกพบตัวแล้วงั้นหรือ ยังไม่พ้นวันเลย ทำไมพวกเขาหานางพบไวเกินไป!
ยังไม่หายสงสัย นางก็มองเห็นเด็กชายคนนั้น คนที่ขโมยอาหารของนาง เขาแอบอยู่ด้านหลัง ออ! นางรู้แล้ว.. ว่าพวกเขาหานางเจอได้อย่างไร นอกจากจะขโมยแล้ว ยังชี้เบาะแสของนางอีกด้วย! มันน่าตายนัก!