“อิๆ...เกสรไม่ได้หมายความอย่างนั้นซักหน่อย เกสรหมายความว่าถ้าเขาเป็นคนของเราเขาจะไม่ไปไหน ตอนนี้ก็แค่ยังไม่มีคนที่ใช่สำหรับพี่เอมิเท่านั้นเอง แต่มันคงอีกไม่นานหรอกค่ะ คน คนนั้นจะโผล่เข้ามาในชีวิตพี่เอง พี่เอมิสวยซะขนาดนี้ คงจะมีผู้ชายตาดีซักคนที่มองเห็นเขาจะเป็นอัศวินที่สอยพี่เอมิลงมาจากคานได้ในที่สุดค่ะ” เกสรเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“คงมีสักวัน...แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก” เอมิการำพึงออกมา สายตาเหม่อมองไปนอกร้าน เธอมองผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังกรุ๊งกริ๊ง!! เมื่อมีคนเปิดประตูร้านเข้ามาภายใน เกสรรีบกระวีกระวาดไปตอนรับด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งรับออเดอร์เพื่อมาให้เอมิกาจัดการขั้นต่อไป หญิงสาวรีบสลัดความทุกข์ออกไปจากใจชั่วคราว หันมาใส่ใจงานตรงหน้าและขะมักเขม้นอยู่กับมันเพื่อให้ตนเองลืมความทุกข์ รอยยิ้มแม้จะฝืดเฝื่อนแต่ก็เต็มใจยิ้มมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเริ่มจะทำใจยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว
เสียงประตูเปิดเข้าเปิดออกดังขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน เอมิกาทำงานจนหัวหมุน ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ จนเหลืออีกไม่กี่นาทีก็ใกล้ถึงเวลาปิดร้าน เกสรเริ่มเก็บของบนโต๊ะและเช็ดสทำความสะอาดโต๊ะทุกตัว เอมิกาก็เตรียมเช็ดหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แต่...เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นกรุ๊งกริ๊งอีกครั้ง จนทั้งเกสรและเอมิกาต่างหันไปมอง
เอมิกาอ้าปากเตรียมจะขอโทษลูกค้าที่เข้ามาใหม่ แต่ก็ต้องรีบหุบปากลง เมื่อมองเห็นผู้หญิงแปลกคนหนึ่ง เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกรณ์ที่เดินตามหล่อนมาทางด้านหลัง แววตาเย้ยหยันที่ส่งมาจากสาวสวยผู้นั้น บีบหัวใจจนเอมิกาเริ่มรู้สึกอึดอัด กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยฟุ้งกระจายในอากาศ กลิ่นหอมหวานเย้ายวนเหมาะสมกับบุคลิกวัยทำงานของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้า
พรรณรายกวาดตามองร่างบอบบางตรงหน้าอย่างน่าเกลียด มีผู้หวังดีกระซิบเตือนเธอจนนั่งไม่ติด ผู้หญิงตรงหน้าเป็นอดีตคนสำคัญของว่าที่สามี ที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน มันเป็นเรื่องปกติของคนสมัยนี้ที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันก่อนแต่งงาน สิ่งที่กรณ์ปรนเปรอพรรณรายคือบทรักร้อนแรง สาวใหญ่ที่อยู่โดดเดี่ยวและร้างจากเพศสัมพันธ์มาเป็นเวลานาน จึงกับหลงใหลหนุ่มรุ่นลูกจนโงหัวไม่ขึ้น อะไรก็ตามที่เขาอยากได้ เธอจัดให้ไม่คิดเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ ข้าวของเครื่องประดับอะไรก็ตามแต่ที่กรณ์เอ่ยปากพรรณรายไม่เคยปฏิเสธ หล่อนรีบจัดหามาให้กรณ์ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
“เธอหรือ...ที่คอยตามตื้อกรณ์เขาอยู่น่ะ?” พรรณรายถาม มือขยับแว่นตากันแดดลงจากหน้า พร้อมทั้งรอฟังคำตอบจากเด็กสาวด้านหน้า เมื่อไม่มีคำตอบ คำพูดเผ็ดร้อนคำต่อไปจึงดังออกมาไม่หยุด
“หน้าตาก็ดีนี่...ร้านรวงก็ดูท่าจะขายได้ ทำไมถึงยังสิ้นคิดจนคิดจะจับสามีของฉันอีกละจ้ะ” ปากสีแดงสดขยับพูดและกวาดตามองไปรอบๆ ตัว
“คะ...” หญิงสาวครางเสียงหลง ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเหรอไง?
“ได้ไปเท่าไรแล้วล่ะ ที่เขาเอาเงินของฉันมามอบให้เธอ อยากได้อีกเท่าไรเหรอจ้ะ เธอถึงจะยอมเลิกยุ่งกับคนรักของฉันได้” พรรณรายเหยียดยิ้ม เธอมองเอมิกาเต็มตัวพร้อมทั้งสาดคำพูดดูถูกใส่เอมิกา
“น่าจะมีการเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ที่คุณพูดมา เกี่ยวกับเอมิตรงไหนคะ?” เอมิกากล่าวแย้ง เมื่อพรรณรายเข้าใจผิดประเด็น เธอไม่เคยปลอกลอกกรณ์ ยามเลิกรากรณืสิสมควรคืนสิ่งที่หยิบยืมเธอไป แต่เอมิกาก็ยังไม่เคยทวง หญิงสาวจึงทอดสายตามองกรณ์อย่างผิดหวัง คนหน้าด้านเสหลบสายตาของเธอ เขาไม่กล้าสบนัยน์ตาเธอด้วยซ้ำ
“หมายความว่าไงยะ มันเกี่ยวกับเธอเห็นๆ” พรรณรายตะคอก เรียวคิ้วขมวดเป็นปม
“หมายความตามที่พี่เอมิพูดนั้นแหละคุ๊ณ พี่เอมิไม่เคยขออะไรจากผัวคุณนาย มีแต่จะให้ด้วยซ้ำ ถ้านับเงินที่ยืมพี่เอมิไปแล้วยังไม่คืนก็น่าจะหลายพันอยู่นะคะ ลำพังเงินเดือนพนักงานต๊อกต๋อยอย่างไอ้หมอนั่นไม่มีเสื้อผ้าแพงๆ ใส่หร๊อก!! จนกร็อบขนาดนั้น คุณไปฟังข่าวมั่วๆ ที่ไหนมาล่ะ ไม่ต้องมาเถียงหนูๆ พูดเรื่องจริง ไม่ต้องมาทำเป็นหวงก้างหรอกคุณ เลิกกับคนพรรณนั้นได้ดีเสียอีก ไม่มีปลิงคอยเกาะ มีที่เกาะใหม่ร่ำรวยแล้วนี่ สงสารก็แต่คุณนั้นแหละ...หมดไปเท่าไรแล้วล่ะกับผู้ชายมีราคาอย่างนั้น” เกสรพูดกระแทกใส่ เธอสอดมือเข้ามาช่วย เมื่อเห็นท่าทีคุกคามของพรรณราย หล่อนยิ้มเยาะแม่สาวรายใหม่ที่กลายเป็นถังข้าวสารให้หนูหิวโซแบบกรณ์กระโดดลงไปกินจนอิ่มเอม
“กรี๊ด!!” พรรณรายกรีดร้องโหยหวน เมื่อถูกเด็กรุ่นลูกกล่าววาจาดูถูก สายตาวาววับหันกลับไปมองคนของตัวเองอย่างคาดคั้น หล่อนสะบัดหน้าใส่ ก่อนก้าวเท้าเดินฉับๆ ออกไปจากร้านกาแฟของเอมิกาด้วยความอับอาย กรณ์รีบถลาวิ่งตามพรรณรายออกไป
เสียงประตูปิดลงดังปัง! จนพวงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูกระทบกันส่งเสียงดังกราวใหญ่ เอมิกาน้ำตาร่วงริน ผิดหวังจนเจ็บแปลบไปทั้งใจ เมื่อผู้ชายที่เคยคิดจะฝากชีวิตด้วยมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลื้อยคลานน่าละอายและน่ารังเกียจพอๆ กัน
“มันน่าฟาดปากด้วยส้นร้องเท้าซักที คนอะไร๊...พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วโยนให้คนอื่น สงสารก็แต่ยัยคุณนายนั่นล่ะ ไม่รู้ว่าต้องหมดเงินอีกเท่าไหร่กับผู้ชายอย่างหมอนั่น” เกสรบ่นเสียงขรม ขณะมองตามหลังร่างของผู้ชายชั่วกับผู้หญิงร้าย ที่เดินผ่านประตูออกไปด้วยสายตาเกลียดชังปนสมน้ำหน้า
ร่างสมส่วนสูงใหญ่ของ ราฟาเอล ฟาเบียโน่เดินออกมาจาก เกรททางเดินผู้โดยสารขาเข้า เขามาพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลัง สวมแว่นตาสีดำปิดบังหน้าไว้จนเกือบมิด แต่ออร่าความหล่อเหลาก็ยังแทงทะลุแว่นสีดำนั่นออกมา สาวๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ต่างพากันเหลียวมอง และส่งสายเชิญชวนเขาอย่างเปิดเผย หวังแค่เพียงให้ราฟาเอลเหลือบมามองบ้าง สักครั้งก็ยังดี
กัมปนาทโบกมือให้ พร้อมกับรีบเดินเข้าไปหา เขามองเห็นราฟาเอลตั้งแต่ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากเกรทผู้โดยสาร ร่างสูงดูโดดเด่นแม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าพื้นๆ กางเกงยีนส์เสื้อยืด แต่ก็ยังสามารถสะกดสายตาผู้คนที่พบเห็นได้เหมือนเคย สมกับเป็นหนุ่มสเปนหล่อล่ำ แข็งแรงและร้อนแรงไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะได้รับความสนใจจากสาวๆ เสมอ
“ไงวะไอ้เสือ มาเที่ยวนี้ไม่ยักกะหนีบหญิงติดมาด้วยเสียชื่อ...ราฟาเอลยอดนักรักหมด” กัมปนาทกล่าวสัพยอก เอียงตัวกระแทกหัวไหล่กับไหล่บึกบึนของเพื่อนรัก
“มันเบื่อๆ หน่ะ...อยากอยู่คนเดียวมากกว่ามั้ง” ราฟาเอลยิ้มรับ ยกมือตบบ่ากว้างของเพื่อนรักแสดงการทักทาย
“เห้ย!!...ไม่จริงหรอก เป็นไปได้ไง ยอดชายคุณราฟาเอลบ่นว่าเบื่อผู้หญิง” กัมปนาทอุทานทำท่าตกใจเสียเว่อร์วัง
“มันก็เบื่อกันได้นี่หว่า ของมันมีเยอะแยะจนเบื่อไปเอง อยากพักผ่อนนอนเงียบๆ มากกว่าว่ะ” ราฟาเอลมีสีหน้าเซ็งๆ ก่อนตอบเมื่อจู่ๆ เขาก็เหม็นเบื่อผู้หญิงรอบตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ
“เออมีเยอะจริง...ขนาดผมอยู่ที่นี่ยังได้ยินข่าวคุณไม่ขาดเลยราฟ แล้วนี่จะอยู่นานแค่ไหนกันล่ะ”กัมปนาทหัวเราะขำเพื่อนจนท้องแข็ง เขารีบพาราฟาเอลเดินไปยังทางออก เพื่อเดินทางไปยังจุดหมาย หนุ่มเอเชียส่ายหน้า ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านมีสาวๆ พยายามส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ราฟาเอลตลอดทาง จนกัมปนาทเริ่มรู้สึกเอียนเหมือนเช่นราฟาเอลรู้สึกเลย
“สักเดือน...กะว่านอนให้เต็มที่ แล้วค่อยกลับไปลุยงานต่อ” ราฟาเอลถอดแว่นที่สวม เก็บในกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ด้านหลัง
“งานคุณเข้าที่แล้วไม่ใช่เหรอ...ทำไมยังยุ่งอีกล่ะ” กัมปนาทขึ้นนั่งประจำที่หันมาถามราฟาเอลอย่างไม่ใคร่เข้าใจ
“มันก็เข้าที่หรอกนะ แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่ามันมีการแข่งขันอยู่ตลอด ธุรกิจการค้าขายมันก็เป็นธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง ขนาดผมมาเที่ยวนี้ยังต้องเคลียร์งานนานเป็นเดือนกว่าจะหาเวลาว่างมาพักได้” ราฟาเอลทรุดลงนั่งบนเบาะด้านข้างและอธิบายให้เพื่อนฟัง ในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ