บทที่ 14
ต้นไม้โลก
“หลินออกไปข้างนอกได้ทันทีเลยหรือเปล่า ต้องมีเงื่อนไขอะไรไหม ถ้ามีสิ่งที่ข้าทำได้ก็ขอให้บอก ข้าจะช่วยเต็มที่เลยนะ!”
ลู่ซินฟางถามรัวเป็นชุดด้วยสีหน้าอยากรู้ระคนตื่นเต้น ตั้งแต่รู้จักกันมา นางหวังใจว่าจะมีสักครั้งที่หลินได้ออกเที่ยวโลกข้างนอกกับนาง
ภูตน้อยทำหน้าครุ่นคิด ก่อนตอบว่า “เอาไว้ หลินจะถามท่านต้นไม้โลกให้แล้วกันนะ”
“อืม ต้องถามให้ได้นะ”
นับตั้งแต่ที่ลู่ซินฟางเข้ามาพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าจนกลายเป็นฟาร์มขนาดเล็ก สถานที่แห่งนี้ทั้งสงบสุขทั้งอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติเขียวชอุ่ม ไม่ขาดแคลนอาหาร ทั้งยังมี 4 ฤดูกาล แต่ลู่ซินฟางก็อยากให้หลิน หรือแม้แต่สัตว์อสูรตนอื่นได้ออกไปเห็นความครึกครื้นข้างนอกเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
หากพวกเขาสามารถออกไปได้ละก็ ระบบเงินตราของโลกทางนี้ก็ละเลยไม่ได้เช่นกัน ต่อไป ต้องมีการจ่ายค่าแรง ให้การศึกษา ถึงจะทำแบบปุบปับไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านั้นจำเป็นในอนาคตอย่างแน่นอน
คิดแล้ว ลู่ซินฟางก็ประสานมืออธิษฐาน
“ท่านต้นไม้โลกเจ้าขา ช่วยอนุญาตให้หลินและทุกคนออกมิติต่างโลกด้วยเถิดค่ะ”
หลินเป็นผู้ดูแลโลกนี้ก็จริง แต่ผู้สร้างคือต้นไม้โลก
ไม่มีใครรู้ว่าต้นไม้โลกจริงๆ แล้วอยู่ที่ไหน ชื่อว่าอะไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แค่ว่ามิติโลกนี้คือรากของต้นไม้โลกที่แผ่ขยายไปยังสถานที่ต่างๆ ของแต่ละมิติ แต่ละยุคสมัย แต่ละบุคคล ในมิติเหล่านั้นจะมีภูตเป็นผู้ดูแล
มาตรฐานของการเลือกเจ้าของมิติขึ้นอยู่กับอะไรนั้น ลู่ซินฟางไม่ทราบและไม่มีเบาะแส
แต่หลินเคยบอกกับลู่ซินฟางว่านางมีพรสวรรค์ในการเพาะปลูก ปลูกอะไรก็งอกงาม แถมยังมีความคิดสร้างสรรค์ ใช้ทรัพยากรในมิติให้เกิดประโยชน์ และการพัฒนาของนางยังทำให้เกิดทรัพยากรขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
แต่ละมิติจะเปลี่ยนแปลงเป็นรูปแบบไหนขึ้นอยู่กับเจ้านายรังสรรค์ขึ้นมา ลู่ซินฟางต้องการสร้างฟาร์ม อยากมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันเงียบสงบ มีของกินไม่อั้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกด้วย
นางเพลิดเพลินกับการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไปพร้อมกับหลินและเหล่าสัตว์อสูร
ทรัพยากรในมิตินี้คือแหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงต้นไม้โลก แต่เพื่ออะไรนั้นลู่ซินฟางไม่ค่อยแน่ใจ อาจมีไว้เพื่อชะลอการรุกรานของสัตว์ประหลาดที่มาพร้อมกับเกตก็เป็นได้ หรือเพิ่มศักยภาพให้กับเหล่าฮันเตอร์?
พอเผลอคิดถึงโลกเก่า ลู่ซินฟางอดอยากรู้ไม่ได้ พอนางคนเดิมตายไปแล้ว โลกนั้นเป็นยังไงบ้าง
“หลิน”
“อะไรเหรอ”
“โลกเก่าของข้า ตอนนี้เป็นยังไงบ้างเหรอ”
น้ำเสียงของลู่ซินฟางค่อนข้างเป็นกังวล
แม้โลกนั้นไม่มีใครให้นางต้องห่วงใยหรืออาวรณ์อีกแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ครั้งหนึ่งนางก็เคยอาศัยร่วมกับทุกคนที่นั่น
หลินวางขนมแป้งทอดแล้วบินเข้ามานั่งบนบ่าของลู่ซินฟาง ลูบผมของนางราวกับต้องการปลอบโยน
“เจ้านาย โลกเดิมของเจ้านายยังคงมีเกตปรากฏเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะ โลกนั้นยังไม่ล่มสลาย ทุกคนช่วยกันปราบสัตว์ประหลาดที่รุกรานโลกอย่างขันแข็งเลยละ”
“แค่รู้ว่ายังไม่ล่มสลายหรือหายไป ก็สบายใจแล้วเนอะ” นางถอนหายใจพลางยิ้มอย่างโล่งอก
ต้นไม้โลกมีความสำคัญ แต่ไม่มีอำนาจแทรกแซงโลกจริง หากยังรักษามิติต่างโลกนี้ไว้ ทรัพยากรก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงาน และพลังงานนั้นก็จะส่งไปถึงต้นไม้โลกสินะ
“มาช่วยกันสร้างที่นี่ให้งดงามและอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่านี้กันเถอะ!” นางบอกอย่างแน่วแน่
“พูดไปแล้ว ถ้าจะพาสัตว์อสูรออกไป พวกเจ้าต้องเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เต็มตัว แบบนั้นจะไหวกันไหมนะ” ลู่ซินฟางถามอย่างเป็นห่วง
เอาจริงๆ ถ้าจะออกไปข้างนอก พวกเขาต้องอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนร่างได้ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น ถ้าความแตก คงลำบากแน่
แล้วอีกอย่าง ประตูมิติอยู่กลางฝ่ามือนาง เข้าออกแต่ละครั้งคงต้องรอนางเปิดปิดประตูให้ แต่ถ้ามีประตูแยกก็คงดีไม่น้อย
ระหว่างครุ่นคิดอะไรหลายๆ อย่าง หลางไป๋ใช้เวททำให้หูหมาป่าของตนเปลี่ยนเป็นหูคน ดูแล้วไม่ต่างจากมนุษย์
ลู่ซินฟางเบิกตากว้างอย่างตะลึง
“หลางไป๋ สุดยอดไปเลย!”
“หลางไป๋เก่งจัง” หลินปรบมือแปะๆ พร้อมกับชมเชย
หลางไป๋ยืดอดอย่างภูมิใจ “โฮ่ง! อ...อะแฮ่ม”
เมื่อกี้เห่าสินะ
ลู่ซินฟางหัวเราะจนตาหยี
ถ้าออกไปได้ คนแรกที่นางเลือกคงเป็นหลางไป๋นี่แหละ
“อันที่จริง ทั้งทรัพยากรทั้งอาหารในมิติแฝงด้วยพลังเวท พวกเราเกิดและเติบโตที่นี่ก็ได้สะสมพลังเวทไปด้วย เปลี่ยนร่างแค่นี้ไม่ได้ทำให้ลำบากเลยขอรับ” หลางไป๋อธิบาย
ลู่ซินฟางฟังแล้วก็คิดว่า ถ้าการเปลี่ยนร่างไม่ทำให้เหล่าสัตว์อสูรต้องลำบาก เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย!
หลังจากนั้นทั้งสามก็พูดคุยเรื่องภายในมิติและโลกข้างนอกกันต่อ ในตอนนี้ลู่ซินฟางได้เพิ่มเป้าหมายลงไปในบันทึกสิ่งที่ต้องทำ อย่างแรก นางต้องสร้างสถานที่ที่ทำให้ทุกคนอยู่ได้อย่างมีความสุขและสบายใจ จากนั้นก็ขยายฟาร์ม ทำธุรกิจกับโลกภายนอก
คุยกันเพลิดเพลินไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวก็ดึกเสียแล้ว ลู่ซินฟางกลับออกมาจากมิติ ลูกทั้งสองยังคงหลับปุ๋ย นางจุ๊บหน้าผากแฝดน้อยทั้งสอง ขยับผ้าห่มให้กับพวกเขา ก่อนจะล้มตัวนอน
วันต่อมา ลู่ซินฟางเข้าเมืองพร้อมกับหิ้วตะกร้าใบหนึ่ง โดยให้ลูกทั้งสองอยู่เฝ้าบ้านเหมือนเดิม
ตลอดช่วงเช้า ลู่ซินฟางสอนพ่อครัวของโรงเตี๊ยมตระกูลกงทำเค้กผิงกั่วตามข้อตกลงในสัญญา
กงเยียนซูกอดอกยืนดูอยู่ข้างๆ
“สิ่งนี้เรียกว่า ‘เนย’ หรือ มันทำมาจากอะไร”
ชายหนุ่มพูดพร้อมชี้ไปที่ก้อนสี่เหลี่ยมสีเหลืองนวล กลิ่นหอมละมุน แต่พอลองชิมกลับมีรสเค็มและมัน
ลู่ซินฟางตอบแบบคร่าวๆ เพราะนางก็ไม่รู้วิธีทำแบบละเอียดเหมือนกัน
“ก็...มีทั้งที่ทำจากไขมันของสัตว์และทำจากนมวัว นมแพะหรือนมแกะ ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับขนมเจ้าค่ะ”
“เจ้าได้ของพวกนี้มาจากที่ไหนหรือ” เขาถามต่อ
หญิงสาวหันไปยิ้มลึกลับให้กับชายหนุ่ม ตอบสั้นๆ ว่า “จากแดนไกล”
กงเยียนซูได้ฟังอย่างนั้นก็เลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะฮะๆ
“ความลับทางการค้าสินะ ข้าเข้าใจ หากบอกแหล่งที่มา การซื้อขายนี้คงถูกข้าตัดหน้า”
อันที่จริง ลู่ซินฟางไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น เพราะต่อให้กงเยียนซูตะเวนทั่วแคว้นก็หาเนยอย่างที่นางใช้ไม่ได้อยู่ดี วัตถุดิบที่นางขาย นางเอาออกมาจากต่างมิติ แล้วเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เข้ากับยุคสมัย แต่เอาเถอะ เขาคิดเช่นนั้นก็ช่วยนางได้มากเลย
“ว่าแต่ เจ้าหาอาคารทำหน้าร้านได้หรือยัง” กงเยียนซูเปลี่ยนเรื่อง
หญิงสาวส่ายหน้าตอบ “ให้พูดตรงๆ ข้ายังหาสถานที่เหมาะๆ ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้าพอจะรู้จักนายหน้าซื้อขายที่ไว้ใจได้ เช่นนั้นให้ข้าแนะนำดีหรือไม่”
ลู่ซินฟางได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างทันที ให้คนมีชื่อเสียงอย่างกงเยียนซูช่วยแนะนำ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโกง
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อย อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่าร้านค้าของเจ้าจะต้องสร้างกำไรให้ข้าได้มากกว่านี้ แล้วข้าจะปล่อยคู่ค้าคนสำคัญเคว้งคว้างได้อย่างไร”
ความรู้สึกไวต่อเงินของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ลู่ซินฟางอดชมเชยไม่ได้
ตอนนั้นเอง เค้กผิงกั่วสมบูรณ์แบบโดยฝีมือหัวหน้าพ่อครัวโรงเตี๊ยมตระกูลกงก็ทำเสร็จพอดี กลิ่นหอมของเนย กลิ่นน้ำตาลเคี่ยวหวานๆ และกลิ่นวนิลลาลอยกระทบปลายจมูก เรียกความสนใจของลู่ซินฟางกับกงเยียนซูให้หันมาทางนี้
หัวหน้าพ่อครัวตัดเค้กออกมาสองชิ้นแล้วส่งให้กับทั้งสองคน พอลองชิมแล้วรสชาติอร่อยไม่ต่างจากเค้กที่ลู่ซินฟางทำ
“ผะ ผ่านหรือไม่ขอรับ” หัวหน้าพ่อครัวถามกล้าๆ กลัวๆ
ทั้งสองยกนิ้วโป้ง แทบตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ผ่าน!”