ภาพต่างๆ ย้ำย้อนไปมา และเสียงแม่เล้าก็กล่าวเตือนสติ
“อาเผย เป็นอนุผู้อื่น อย่างไรก็คงดีกว่าเป็นนางโลมในหอคณิกาข้า”
หญิงสาวมองไปยังแม่เล้าที่ดูแลนางมาหลายปี นับแต่ถูกพ่อค้าทาสชิงตัวมาจากโจรป่า และเอ่ยว่า “อย่างน้อย ทำงานกับท่าน ข้าก็มีข้าวกินสามมื้อ ได้แต่งตัวงดงาม และมีเงินมีทองใช้สอยไม่ขาดมือ”
“โถ เด็กโง่ เป็นอนุสกุลมู่แล้ว ประสงค์สิ่งใด ย่อมต้องไขว่คว้ามาให้ได้ ขอเพียงหัดใช้ความงาม กับเรือนร่างให้เป็น บุรุษแซ่มู่ล้วนมีดีทุกคน ขอเพียงเจ้ากุมหัวใจพวกเขาให้ได้ อีกอย่าง คณิกาที่ก้าวออกจากสำนักของข้าไป หากไม่ร่ำรวยจงอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก มันคือกฏของที่นี่”
แม่เล้าเอ่ยจบก็มอบของหลายสิ่งให้เหมียวจื่อเผย ทั้งยาลูกกลอนสลายการตั้งครรภ์ ยาหอม ยาคลายเครียด ยาสกัดพิษ ขี้ผึ้งเนื้อดี รวมถึงเข็มเงินสำหรับเงินฝังจุดรักษาสารพัดโรค รวมถึงบันทึกลับสนมหลันเอ๋อร์คนดัง ที่ทำให้ฮ่องเต้โปรดปราณยามร่วมรับนอนกับนาง
และหลังจากขึ้นมาอยู่บนรถม้าได้สักพัก เหมียวจื่อเผยล่วงรู้ว่าจุดหมายข้างหน้ามิใช่กำแพงสูงของคฤหาสน์สกุลมู่ นางถูกพาออกนอกเมืองใหญ่ด้วยความรวดเร็ว
เหมียวจื่อเผยกำลังจะขยับปากถามแม่บ้านและสาวใช้อีกคนที่ถูกซื้อตัวมาเพื่อให้ดูแลนาง ทว่ายามนั้นนางรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก ก่อนที่ร่างจะโงนเงน และค่อยๆ สิ้นสติไป
อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เหมียวจื่อเผยไม่ได้ตื่นตระหนก นางพอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้ที่ทำได้คือ เล่นไปตามบทบาทตัวละคร เพียงแต่นางจะต้องเล่นได้ดี มีชีวิตแสนสุขห้อมล้อมด้วยเหล่าบุรุษ ทั้งอายุอยู่ยืนยาวกว่าในโลกที่จากมา และบทบาทนางที่ได้รับคือ เป็นสตรีที่จุดไฟราคะบุรุษทุกคนที่โผล่มาในนิยายเรื่องนี้ให้ลุกโชน
ซึ่งสาเหตุที่เกิดเรื่องร้ายๆ กับเหมียวจื่อเผยคือ อนุรอง เฉินปี้ ตั้งใจส่งเหมียวจื่อเผยไปยังรังโจร หวังให้พวกป่าเถื่อนทำลายโฉมนาง และย่ำยีศักดิ์ศรี ทว่าชะตาชีวิตนางกลับพลิกผลัน เมื่อมีคนผู้หนึ่งแอบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่นางจะขอร้องเขาให้พาไปที่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชำระสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป โดยที่บ่อน้ำพุเดียวกันนี้ คือสถานที่ซึ่งบุรุษสกุลมู่จะมาชำระร่างกาย ก่อนลงเขาไปทำพิธีสำคัญ คือการคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยคนใหม่ หรือผู้สืบทอดกิจการสกุลมู่ แทนคุณชายสามที่เคราะห์ร้ายพลัดตกหลังม้า และพิการจนต้องนั่งรถเข็น
ในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว
“อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!”
ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ
แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ
ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว
พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแหวกกลีบงามฉ่ำแฉะ เพื่อสัมผัสเกรสที่งดงามนั้น
“อื้อ... มะ ไหว!”
นางร้อง ร้องได้เพียงเท่านั้นก็อยากหวีดให้สุดเสียง เพราะนิ้วของเขาเริ่มบี้ติ่งเนื้อนิ่ม ราวกับต้องการปลุกให้ร่างกายนี้ขึ้นไปสู่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยไฟราคะ
สัมผัสของเขา ไม่นุ่มนวลสักนิด แต่กลับทำให้เหมียวจื่อเผย พบสัญชาติญาณดิบเถื่อนในตน ซึ่งร่างกายนี้คุ้นเคยดี จนนางปรารถนาให้เขากระทำรุนแรงขึ้นอีกสักหน่อย
“อื้อ...อ๊ะ...”
นางร้อง และเนื้องามระริกสั่น ยามนี้แม้ตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ แต่พยายามเรียกตนให้คืนสติ อีกฝ่ายล่วงเกินนางหรือ อาจพูดได้เต็มปาก รู้แต่ว่า..เหมียวจื่อเผยมีความต้องการอย่างมหาศาลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุรุษที่พรมจูบนาง และชมเชยความงามของเหมียวจื่อเผยอยู่ในตอนนี้
ความอุ่นซ่านเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมียวจื่อเผยกลั้นเสียงหวานระยับตนเอาไว้ในลำคอแล้ว แต่หูได้ยินเสียงหายใจทุ้มๆ สลับการคำรามขู่ของบุรุษ!
เขาคือชายที่ช่วยชีวิตนางไว้ ก่อนที่รถม้าจะพลัดตกเขา ด้วยขณะที่มันวิ่งออกจากเมืองใหญ่ มีโจรป่าเข้าดักปล้นราษฎรตามรายทาง แม้นางจะได้รับบาดเจ็บมีแผลเล็กๆ น้อยๆ แต่โชคดีที่รอดชีวิต
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นคำสั่งอนุเฉิน หรือเฉินปี้ ผู้ที่มีจิตใจริษยาสตรีอื่นที่จะแต่งเข้าคฤหาสน์สกุลมู่ แต่เหมียวจื่อเผยไม่ได้จบชีวิต นางมานอนไร้สติที่กระท่อมหลังหนึ่ง มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย ซึ่งยามนี้กำลังถูกชายตัวโตเย้าหยอกด้วยตัณหา
คนที่เล้าโลมเหมียวจื่อเผย หาใช่ใครอื่น บุรุษผู้นี้คือทาสเลี้ยงม้า ที่หลงรักนางตั้งแต่แรกพบ เมื่อเขาได้เห็นหน้าหญิงสาวที่ตลาดกลางคืนอีกหน จึงเฝ้าติดตาม และเก็บเงินเพื่อหวังไถ่ถอนตัวเหมียวจื่อเผยจากหอนางโลม เมื่อได้เงินมากถึงสองร้อยตำลึง เขาก็ไปยังสำนักโคมเขียว ทว่ากลับทราบข่าวร้ายว่า นางถูกพ่อบ้านสกุลมู่มาซื้อตัวไปเสียแล้ว เพื่อแต่งเป็นอนุมู่ป๋อจาง
กระทั่งเขาติดตามหานาง และเห็นนางตกอยู่ในอันตราย ม่อเส้าเฟิงจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก่อนพานางมาหลบซ่อนตัวที่กระท่อมหลังนี้
แต่แล้ว ด้วยกำหนัดมากล้น ทั้งยังเป็นหนุ่มแน่น และเขามีใจให้นางมานาน ทำอย่างไร ม่อเส้าเฟิงก็ไม่อาจปล่อยให้เรือนร่างงดงามกลายเป็นของหวานที่ถูกทิ้งให้จืดชืด
วันคืนที่ผ่านมา เขาอาบน้ำ ดูแลนางอย่างดี รักษาแผลตามเนื้อตัว และป้อนข้าวป้อนน้ำ เรียกได้ว่า ส่วนใดของนางที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาเห็นหมดทุกซอกทุกมุม เพียงแต่ยังไม่อาจล่วงเกินจนถึงขั้น ฝังความเป็นชายเข้าไปด้านใน เพราะหากนางไม่ได้สติ แล้วกระทำอย่างไร้เกียรติ เขาคงเหมือนคนชั่วช้าไร้ยางอาย
“คุณหนูแปด ท่านอยากให้ข้า...เข้าไปลึกกว่านี้หรือไม่ เป็นนิ้ว หรือว่าท่อนเนื้อที่คุณหนูโปรดปราณดี!”
คำถามดังกล่าว ทำให้นางคล้ายได้สติกลับคืน เหมียวจื่อเผยค่อยๆ ลืมตา และระงับเสียงครางตนเอาไว้อย่างลำบาก
ชายคนนี้เรียกนางด้วยความสนิทสนม พอนางทบทวนภูมิหลัง ร่างที่นางอาศัยอยู่ก็ไขข้อกระจ่างได้ทีละเปลาะ
เนิ่นนานแล้ว นับแต่เหมียวจื่อเผยอยู่กับบิดามารดา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะได้รับข้อหากบฏ และถูกเนรเทศทั้งครอบครัวให้ไปใช้แรงงานที่เหมือง ทว่าเดินทางออกจากเมืองใหญ่ได้เพียงไม่กี่ร้อยลี้ ก็ถูกตามไล่ล่าจากมือสังหาร กระทั่งเหลือเพียงเหมียวจื่อเผย นางต้องระหกระเหินไปทั่ว จวบจนแม่เล้าผู้หนึ่งซื้อตัวนางจากพ่อค้าทาส และฝ่ายนั้นเก็บตัวไว้เพื่อใช้งาน ด้วยเห็นว่ามีใบหน้าสละสวย