สาวน้อยนอนเอนกายสบายใจอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
" ฮัลโหล เจ๊เปิ้ล ว่าไงคะ "
" เตรียมจัดกระเป๋าเลย พรุ่งนี้เดินทาง "
" จริงอ่ะเจ๊ เฮียให้แล้วหรอ "
" อืม "
" ใช้กลยุทธ นารีพิฆาตฟาดทุกหยด หรือเจ๊ "
" ไม่ต้องมาบ้าหนังจีน พรุ่งนี้มาเร็วๆ หล่ะ "
" โอเคค่ะซิส.. รักนะคะพี่สะใภ้ " หลังวางสายปิ่นหยกก็ยิ้มดีอกดีใจ รีบหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาเตรียมชุดที่จะใส่ไปเที่ยวต่างประเทศ
" โอซาก้า เกียวโต จ๋า ปิ่นจะไปหาแล้วนะ อ๊ะ! พรีออร์เด้อดีกว่า รายได้จะได้ไม่รั่วไหล " ว่าแล้วปิ่นหยกก็หยิบโทรศัพท์ทักหาเพื่อนๆ ในกลุ่ม แจ้งว่าเธอจะเดินทางไปญี่ปุ่น 1 อาทิตย์ ใครอยากได้อะไรให้ฝากซื้อได้ แต่ยังแนบได้ว่าไม่ได้ซื้อมาฝาก เพื่อป้องกันการเบี้ยวของเพื่อนๆ เพราะสินค้าที่นั่นค่อนข้างแพง และเธอได้เช็คเรทเงินเรียบร้อยแล้วด้วย เมื่อจัดการทักทายเพื่อนเรียบร้อย ปิ่นหยกรื้อตู้หาเสื้อผ้าสวยๆ ออกมาลอง โดยถอดเข้าถอดออก ดีที่เธอยังสวมชุดชั้นในมิเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าแต่อย่างใด และตั้งท่าว่าถ้าเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง เธอจะถ่ายรูปท่าไหนเพื่อให้ออกมาสวยงามอวดเพื่อนๆ ในโลกโซเซียลได้บ้าง
1 สัปดาห์ของการเที่ยวดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยจนจุใจ กว่าจะถึงห้องของตนก็ดึกมากแล้ว แต่ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสักแค่ไหน เธอก็ต้องอาบน้ำ และพักร่างลงบนเตียงอ่อนนุ่มของตน เช้าถัดมาหลังจากที่นอนหลับเต็มตื่น ปิ่นหยกก็ลุกขึ้นทำภารกิจส่วนตัว เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเพื่อนให้มารับของที่ฝากซื้อ พูดไปก็เช็ดผมที่เปียกหน้ากระจกไปด้วย
" ฮัลโหล มาด่วน หิวกระหายเงินทองจากเพื่อนฝูง "
" ... "
" ซื้อส้มตำมาด้วย เอาแบบแซ่บๆ อร่อยปาก ลำบากตูด ร้องซี๊ดซาดด้วยนะ "
" .... "
" เค เจอกัน " ปิ่นหยกวางโทรศัพท์ และเช็ดผมเหมือนเดิม พร้อมฮัมเพลงที่ฮิตในช่วงนั้นไปด้วย เสร็จแล้วก็เริ่มบิดเนื้อบิดตัว นอนเอนร่างกายสักพักหนึ่ง เธอก็ดีดตัวลุกจากเตียงมาเปิดกระเป๋าเดินทาง รื้อของที่ซื้อมาจากญี่ปุ่น ดูข้าวของแยกออกเป็นกองๆ พร้อมเปิดกล่องขนมที่หิ้วมากินอย่างเอร็ดอร่อย.โดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปอวดโฉมของตนและข้าวของมากมายลงบนโลกโซเซียล เวลาผ่านไปได้เกือบชั่วโมงหลังจากโทรศัพท์หาเพื่อน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปิ่นหยกลุกขึ้นเปิดประตู และเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
" ของพวกแกอยู่ตรงนั้นอ่ะ ขอบอกว่าสวยมาก " ปิ่นหยกเอ่ย
" หย่ะ! แล้วเจอหนุ่มหล่อๆ บ้างป่ะ " เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถาม
" ก็มีนะ แต่ไม่มีเวลาคั่วอ่ะ พูดไม่รู้เรื่อง " ปิ่นหยกตอบ
" เออ.. ว่าจะถามตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว กระจกสวยดีหว่ะ ซื้อมาใหม่หรอ " ริชชี่เอ่ยถาม
" ไม่ได้ซื้อ อาแปะญาติเจ๊เปิ้ลให้มา เป็นของขวัญวันจบ " ปิ่นหยกตอบ
" สวยดีอ่ะแก บานใหญ่ดูได้ทุกอณูขุมขนเลย นี่ถ้าไปวางในห้องฉันแล้ว..." ริชชี่กำลังเอ่ยพูดต่อ แต่มีก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เพื่อนชายในกลุ่มรับและหน้าหน้ายิ้มแย้มระรื่น จากนั้นก็วางสาย พร้อมเอ่ยกับเพื่อนในกลุ่ม
" คืนนี้ไปเที่ยวกัน อีกอล์ฟมันพาผู้ชายมาดูตัว " ริชชี่เพื่อนชายในกลุ่มเอ่ย
" จริงอ่ะ อยากเห็น ไปๆ " เฟรมเพื่อนคนหนึ่งตอบ พร้อมถือจานส้มตำเข้ามาแล้วยื่นให้เพื่อนรับ และจานอื่นๆ ก็ วางลงตามๆ มา ทุกคนรวมกลุ่มกันกินอย่างเอร็ดอร่อย
" ไปกี่โมงอ่ะ " ปิ่นหยกเอ่ยถาม
" ก็ออกจากนี่สัก 3 ทุ่มแล้วกัน หาอะไรกินแถวนั้นก่อนแล้วค่อยต่อ ดีป่ะ " ริชชี่เอ่ย ทุกคนพยักหน้ารับ ทุกคนนั่งกินนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน จวบจนถึงเวลานัดหมายทุกคนก็ออกเดินทางตามแผนที่ได้ตั้งเอาไว้
ตี 3 อากาศภายนอกต่ำกว่าเวลาที่สว่างทุกพื้นที่ และเป็นเวลาที่ใครๆ ก็นอนฝันหวาน แต่ทว่าบัดนี้มีร่างสาวบาง ขาขาวเรียวยาว สวมชุดทันสมัยนิยมเหมาะกับไปสถานที่บันเทิงใจ ก็หอบหิ้วร่างกายของตนกลับมาอย่างมึนตึง ด้วยฤทธิ์ของมึนเมาที่ดื่มไปเสียมาก เพราะแรงยุของเพื่อนแลผนวกกับความสนุกที่ได้ปลดปล่อย แต่เพราะเธอมักจะทำเป็นไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นประเภทคออ่อนจึงทำให้ใบหน้าและลำตัวแดงเป็นจ้ำๆ และเมามาย แต่ถึงกระนั้นสติสัมปชัญญะของปิ่นหยกถึงไม่เต็มร้อยแต่ก็ยังดีที่รู้ว่าห้องตัวเองอยู่ที่ใด เธอไขประตูเข้าห้อง และโบกมือไล่เพื่อนที่หิ้วมาส่งถึงห้อง แต่เพื่อนยังคงประคองเธออยู่
" อืม ขอบใจ ฉันไหว ถึงห้องแล้ว ค่อยเจอกัน " ปิ่นหยกเอ่ย พร้อมผลักให้เพื่อนชายที่มาด้วยกันสองคนออกไป
" แน่ใจนะ ไม่ให้ฉันเข้าไปส่งในห้องหรอ " ริชชี่เอ่ย
" ไปเหอะ อีกอล์ฟรออยู่ "
" เออๆ แล้วเจอกัน " ผู้พูดหันหลังกลับ เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวถึงห้องแล้วและปลอดภัยดี ส่วนสาวงามในเวลานี้ก็ก้าวเท้าเข้าห้อง โดยไม่ลืมล็อคประตูห้องอย่างดี เมื่อเดินเข้าห้องหวังจะทิ้งตัวลงนอนเหลือเกิน เพราะสภาพร่างกายไม่ไหวเสียแล้ว ร่างกายซวนเซเหลือเกิน สายตาเจ้ากรรมกับเหลือบไปมองเห็นกระจกเรือนงามปรากฏภาพคนแต่งกายแปลกๆ เหมือนภาพยนต์จีนที่เธอมักจะเคยดูในหนังพีเรียด แทนที่เธอจะประหลาดใจ กลับเป็นว่าริมฝีปากงามยกยิ้ม สองขาก้าวไปใกล้เพื่อปรับสายตาให้มองได้ถนัด ถึงแม้ดวงแววตาจะมีทับซ้อน เธอก็มือหนึ่งเอื้อมไปหมายจะคว้าร่างคนผู้นั้นมาใกล้ เธอคว้าเท่าไหร่ก็ไม่ถึง ขาก็ก้าวเข้าไปอีก มือก็คว้าอากาศอยู่ร่ำไป จวบจนเธอเธอเริ่มถอนใจคิดจะปล่อยมือใและเตรียมหันหลังกลับ แต่ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีที่มือของเธอจะร่วงหล่นแนบลำตัว กลับมีบางสิ่งคว้าเอาข้อมือเธอเอาไว้แล้วดึงร่างของเธอเข้าไปหาชายผู้นั้นเสียเอง