ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เราก็จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ด้วยกัน ไปสู่ชีวิตใหม่ ความหวังและความฝันใหม่ๆที่รอเราอยู่ ผมต้องขอขอบคุณคนงานทุกๆคน ทุกๆชีวิตที่ร่วมผจญความทุกข์ยากและเหน็ดเหนื่อยมาพร้อมๆกับผม คนงานส่วนใหญ่ล้วนอยู่กับผมมานาน เป็นที่รู้กันดีว่าค่าจ้างค่าแรงผมอาจจะจ่ายได้ไม่สูงเท่ากับที่อื่นๆ แต่สิ่งที่ฟาร์มอื่นๆไม่มีให้…แต่ผืนดินแห่งนี้ของผมสามารถให้ได้ก็คือความรัก ผู้คนที่นี่เอาใจใส่ดูแลกันและกันดุจญาติมิตร ผมนับทุกคนเป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้อง ผมขอขอบคุณทุกคนที่ยืนหยัดอยู่ด้วยกันแม้ในยามที่ไร่ของเราเจออุปสรรคขวากหนามสารพัดสารพัน ผมขอบคุณที่อดทนเคียงข้างกันมาถึงวันที่เรากำลังจะก้าวข้ามความยากลำบากไปด้วยกัน ผมขอให้ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เป็นปีของพวกเรา…ชาวไร่ล้อมตะวันทุกคน ตราบที่หัวใจทุกดวงของพวกเราพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน”
ทันทีที่จบประโยค เสียงปรบมือก็ดังลั่นขึ้นพร้อมๆกันราวกับนัดหมาย กึกก้องไปทั่วทั้งงาน ป้าบัวแอบปาดน้ำตาด้วยความซึ้งใจ ไม่คิดว่าถ้อยคำลูกทุ่งๆเหมือนโฆษกงานวัดและฟังดูเรียบง่ายของพ่อเลี้ยงชรัมภ์ จะทำให้รู้สึกตื้นตันใจได้ถึงเพียงนี้
“อีกเรื่องดีๆที่ผมอยากจะกล่าวถึงในวันนี้…ก็คือแขกผู้มีเกียรติของผมสองคน คุณ ‘อัญชัน’ และลูกสาวของเธอ ‘ดาหลา’ ได้ให้เกียรติมาเป็นแขกของไร่ล้อมตะวันของเรา ผมอยากให้ทุกคนปรบมือต้อนรับดอกไม้งามสองดอกที่ช่วยทำให้ไร่ล้อมตะวันที่กำลังแห้งแล้งรอฝน กลับชุ่มฉ่ำขึ้นมาในทันที”
กล่าวจบทุกคนก็ปรบมือลั่น ป้าบัวสังเกตเห็นอาทิตย์ยกมือขึ้นป้องปากตะโกนโห่ฮิ้วเสียงดังจนออกหน้าออกตาด้วยความชอบใจกับประโยคปิดท้ายว่า ‘ดอกไม้งามสองดอกที่ช่วยทำให้ไร่ล้อมตะวันกลับชุ่มฉ่ำขึ้นมาในทันที’
“เดี๋ยวค่ะพ่อเลี้ยง…คนงานอยากฟังพ่อเลี้ยงร้องเพลงค่ะ ขอสักเพลงนะคะ”
ป้าบัวตะโกนลั่น ทำราวกับว่าพ่อเลี้ยงเป็นนักร้องเสียงทอง ขณะที่ชรัมภ์กำลังจะเสียบไมโครโฟนคืนขาตั้ง ทำท่าว่าจะก้าวลงจากเวที
“จะดีหรอครับ”
พ่อเลี้ยงทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ สายตาแบ่งรับแบ่งสู้ แต่สุดท้ายก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว พอดีกับจังหวะสายตาเหลือบไปเห็นใบหน้าสวยหยาดของดาหลา ท่าทางเหมือนกำลังเชียร์อยู่ในใจ ให้เขาจับไมค์ร้องเพลง
ว่าแล้วพ่อเลี้ยงก็นึกถึงเพลงหนึ่งขึ้นมาได้กะทันหัน เขาหันไปกระซิบกับคนเล่นอิเล็คโทนเบาๆ บอกชื่อเพลงที่เขาจะร้อง
ครู่เดียวเสียงดนตรีอินโทรก็ดังกระหึ่มออกจากลำโพงขนาด 1500 วัตต์ที่ลุงสไวติดต่อเช่ามาจากวัด ก็ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั้งบริเวณงานเลี้ยง เสี้ยวอึดใจจากนั้น เสียงกังวานใสใส่ลูกคอเก้าชั้นของพ่อเลี้ยงชรัมภ์ก็คลอครวญขึ้นเบาๆพร้อมกับเสียงดนตรี
“เรียกพี่…ได้ไหม แล้วพี่จะให้กินขนมหมื่นห้า ถ้าเรียกอา ลดมาห้าพัน เรียกลุงเลิกกัน ไม่ให้ซักพันแน่นอนนนนนน……เกิดนาน ไปนิ๊ดดดด หัวใจคนหนุ่มกระชวยกระชุ่มฉกรรจ์ อยู่ได้เพียงแค่สองหมื่นวัน ท่านยมบาล…จะให้ไปไหนก็ไป อยากขอร้องให้น้องเรียกพี่…ฝืนใจเอาหน่อย คนหนุ่มเหลือน้อยขอกำลังใจ…..”
เมื่อร้องมาถึงท่อนนี้ พ่อเลี้ยงไม่ลืมที่จะชำเลืองสายตาหวานไปทางดาหลาเป็นระยะๆ กระทั่งเสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือกึกก้อง ประสานไปกับเสียงวี๊ดวิ้วโห่แซวเป็นระยะๆด้วยความชอบอกชอบใจ ยืนยันว่าทั้งน้ำเสียงและลีลาวาดลวดลายบนเวทีของพ่อเลี้ยงชรัมภ์ไม่เคยทำให้ผู้ชมผิดหวัง ครั้งนี้ก็เช่นกัน
คราวนี้มาถึงคิวของอาทิตย์บ้าง
เมื่อทนเสียงรบเร้าไม่ไหว เขาจึงออกไปวาดลวดลายบนเวทีเพื่อไม่ให้น้อยหน้าพ่อเลี้ยงชรัมภ์ผู้เป็นเพื่อนรัก โดยเลือกเพลง ‘รักแม่หม้าย’ ซึ่งเป็นเพลงโด่งดัง สร้างชื่อให้กับศิลปินผู้ล่วงลับอย่าง ยอดรัก สลักใจ ขึ้นมาขับกล่อมผู้ฟัง หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสายตาของอาทิตย์ชำเลืองมองมาทางอัญชันเป็นระยะๆเช่นกัน แสดงอาการจับจองกันด้วยสายตาแพรวพราวไม่แพ้กัน ทั้งพ่อเลี้ยงชรัมภ์และอาทิตย
เมื่อเสียงเพลงจบลง อาทิตย์โค้งคำนับ วางไมค์โครโฟนลงพร้อมๆกับเสียงปรบมือดังลั่นสนั่นฟาร์ม ก่อนจะก้าวลงมาจากเวทีด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย และเมื่อเขาเดินมาถึงโต๊ะซึ่งชรัมภ์พร้อมด้วยอัญชันและลูกสาวของเธอนั่งอยู่ ชรัมภ์เลยถือโอกาสแนะนำให้อัญชันกับลูกสาวให้รู้จักกับอาทิตย์อย่างเป็นทางการ
“นี่คุณ ‘อัญชัน’ กับ ‘ดาหลา’…ลูกสาวของเธอ”
ชรัมภ์แนะนำแขกคนสำคัญกับเพื่อนรัก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอัญชัน…เอ่อ…อย่างเป็นทางการ ไม่นับเมื่อครังที่รู้จักกันโดยบังเอิญเมื่อตอนเย็นนะครับ”
อาทิตย์กล่าวเขินๆ น้ำเสียงของเขาเจือเอาไว้ด้วยความขี้เล่น สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองไปยังสองแม่ลูกพลางนึกในใจว่าถ้าหากชรัมภ์จะแนะนำฐานะความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกว่าเป็น ‘พี่สาว’ กับ ‘น้องสาว’ เขาก็คงเชื่ออย่างสนิทใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…อย่างเป็นทางการเช่นกันค่ะ”
อัญชันกล่าวยิ้มๆ จากนั้นก็หันไปบอกลูกสาว
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะน้าอาทิตย์” ดาหลายกมือไหว้
“ยินดีเช่นกันครับดาหลา”
“เอ๊ะ!...นี่อาทิตย์กับอัญชันรู้จักกันแล้วหรือครับ? ตั้งแต่เมื่อไร?”
หัวคิ้วของชรัมภ์ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงคำพูดของอาทิตย์เมื่อครู่
อาทิตย์กำลังจะตอบอยู่พอดี แต่เมื่อเหลือบไปเห็นอัญชันหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา เขาจึงเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า นึกในใจว่าเอาไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ทว่าเมื่อชรัมภ์เห็นอาทิตย์อ้ำอึ้ง จึงรีบเอ่ยแซวขึ้นอย่างรู้ทัน
“ไอ้หมอนี่ไวไฟ ร้ายนัก…แอบมาทำความรู้จักกับคุณอัญตั้งแต่เมื่อไร อย่าให้รู้เชียวนะว่าคิดจะย่องมาตีท้ายครัว” ชรัมภ์แกล้งสัพยอก ทำท่าขึงขังใส่เพื่อนรัก แสดงอาการหวงห้างออกมาให้อาทิตย์หมั่นไส้เล่น
“โถๆ…ไอ้เพื่อนยาก…นั่นมันก็แล้วแต่คุณอัญชันเค้าตัดสินใจว่าจะเลือกใคร”
อาทิตย์รีบตอบโต้ไม่ลดละ เมื่อเห็นอัญชันหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง จึงรีบถามต่อในทันที
“ผมพูดถูกมั้ยครับคุณอัญชัน”
“สองคนนี้ เรื่องความหล่อดูแล้วสูสีกันค่ะ เห็นทีว่าคงต้องใช้เวลาตัดสินใจนานเลยละค่ะ..ถ้าจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง” เธอเลี่ยงได้อย่างฉลาด จากนั้นจึงปัดเรื่องให้พ้นตัวด้วยการเปลี่ยนไปถามถึงเรื่องของเขาบ้าง
“คุณอาทิตย์ทำอาชีพอะไรคะ?”
“ไอ้หมอนี่วันๆมันถนัดแต่ ‘ลงเสาเอก’ กับ ‘ตอกเสาเข็ม’ เท่านั้นแหละครับ”
ชรัมภ์แย่งตอบ ด้วยต้องการแกล้งเพื่อน