ตอนที่ 7 กระตุกหนวดเสือ
อิ๋นจื่อตื่นมาฟ้าสว่างจ้าแล้ว เห็นดังนั้นจึงดีดกายลุกขึ้น แต่เพราะลุกเร็วเกินไปจึงเซไปวูบหนึ่ง รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงไม่สดชื่นเอาเสียเลย เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วก็เดินไปเปิดประตู เห็นสาวใช้ไม่ใช่คนเดิมที่คอยรับใช้ นางก็แปลกใจ แต่เมื่อหันกลับไปมองในห้องก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก
“ที่นี่ที่ไหน?”
“เรือนกลางเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นี้นอบน้อมยิ่ง เป็นสาวใช้เดิมของจวนซ่งแห่งนี้
“เหตุใดข้ามานอนที่นี่?”
“เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ทราบ ตอนเช้าบ่าวถูกส่งมาที่นี่ ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับว่าให้รอรับใช้นายหญิงอิ๋นจื่อ ไม่ได้สั่งความอะไรอีก”
อิ๋นจื่อมองอ่างน้ำในอ้อมแขนอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเบาๆ “เข้ามาเถอะ”
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอิ๋นจื่อรับโจ๊กไก่ฉีกที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ ด้วยเพราะอยากรีบไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าตอนเช้า นางจึงรีบ กินไปครึ่งชามก็อิ่ม
เมื่อมาถึงโถงข้างของเรือนกลางก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเอนกายให้สาวใช้ทุบขาให้ ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนตื่นเช้า รับอาหารเช้าเสร็จมักจะเอนกายรับแสงยามเช้าและให้สาวใช้บีบนวดให้เป็นประจำ
เมื่ออีกฝ่ายเห็นอิ๋นจื่อเข้ามาก็สำรวจหน้าตาอ่อนเยาว์นั้นอย่างละเอียด เห็นว่าใบหน้าขาวผ่องยามนี้ซีดเซียวลงไปมากก็โบกมือให้สาวใช้คนอื่นออกไปหมด เหลือไว้แต่แม่นมฝูคนสนิท
“นั่งตรงนี้?” นางเอ่ยพร้อมทั้งตบลงที่ตั่งข้างตัว
อิ๋นจื่อยอบกายคำนับอย่างนอบน้อมและไปนั่งลงที่ตั่งตัวเดียวกับที่ฮูหยินผู้เฒ่าเอนกายอยู่
“รู้สึกว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?”
อิ๋นจื่อได้ยินแล้วก็แปลกใจ แต่ก็ตอบไปตามตรง “รู้สึกเพลียเจ้าค่ะ”
“เกือบไปแล้ว... รู้หรือไม่ว่ามีโจรเข้ามาวางยาปลุกกำหนัดเจ้า ดีที่สีจิ้งกับอี้หงไปเจอเข้าเสียก่อน”
อิ๋นจื่อเบิกตาโต ผงะอึ้งไปชั่วอึดใจ “โจร! ข้าถูกวางยา”
“อือ ไม่ต้องห่วง แม้จะถูกยาปลุกกำหนัด แต่ไม่ร้ายแรงมาก แค่หนึ่งชั่วยามฤทธิ์ยาก็สลายแล้ว”
“แล้วโจรล่ะเจ้าคะ”
“จับไม่ทัน สีจิ้งตามพ่อบ้านซูไปแจ้งเรื่องที่จวนว่าการแล้ว” เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้แค่ตามที่สีจิ้งกับอี้หงเล่าเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าตัวการที่ทำเรื่องนี้เป็นใครเพราะสีจิ้งกับอี้หงทำตามคำสั่งซ่งเว่ยเหลียงว่าไม่ให้เปิดเผยฐานะของซีเสวี่ยตอนนี้
สีจิ้งนั้นเป็นหัวหน้าองครักษ์จวนซ่งที่เมืองหลวง ติดตามมาคุ้มกันความปลอดภัยให้ทุกคน ส่วนอี้หงคือหนึ่งในองครักษ์หญิงที่ซ่งเว่ยเหลียงคัดตัวมาโดยเฉพาะ ซึ่งฮูหยินผู้เฒ่ารู้ดีว่าเหล่าองครักษ์ในจวนทุกคนล้วนผ่านหูผ่านตาหลานชายคนโตมาแล้ว หากไม่วางใจฝีมือจริง เขาไม่ส่งคนพวกนี้เดินทางมาพร้อมกับพวกตนหรอก
แม้เรื่องนี้จะมีจุดที่น่าสงสัยไปบ้าง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้เข้าไปสอดมือเรื่องคนร้าย กระนั้นก็ต้องทำเรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็นเรื่องความเสียหายปกติ จึงส่งสีจิ้นกับพ่อบ้านซูไปแจ้งเรื่องที่จวนว่าการ ทางการจะจับผู้ร้ายได้หรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
“วันพรุ่งนี้จะเดินทางกลับแล้ว วันนี้เจ้าก็พักผ่อนให้ดีเถอะไม่ต้องทำอาหารให้ข้าแล้ว ข้าให้อี้หงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ถึงอย่างไรก็ต้องระวังไว้ก่อน”
“เจ้าค่ะ” อิ๋นจื่อออกจากโถงข้างเดินมาได้ระยะหนึ่ง อี้หงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง อี้หงผู้นี้จงรักภักดีกับเจ้านายยิ่ง แต่เป็นคนพูดน้อยยิ่งเช่นกัน “ขอบคุณแม่นางอี้หง”
“คุณชายใหญ่สั่งไว้ให้ดูแลท่านให้ดี หากแม่นางอิ๋นจื่อเป็นอะไรไปข้าจะเอาหน้ากลับไปให้คุณชายเห็นได้อย่างไร” แม้การพูดจะแข็งทื่อไปสักหน่อยแต่อิ๋นจื่อรู้ดีว่าอี้หงห่วงนางมาก
“...เรื่องนี้แปลกมาก” อิ๋นจื่อแกล้งหยั่งเชิง แต่อี้หงไม่ได้พูดอะไร ท่าทางเป็นปกติเช่นเดิม นางจึงถอดใจเพราะหากจะให้คนข้างกายซ่งเว่ยเหลียงอ้าปากคายถ้อยคำออกมาก็ยากแสนยาก นอกเสียจากรอให้ซ่งเว่ยเหลียงบอกกับนางเอง
กลางป่ามีคนกลุ่มหนึ่งแวะพักข้างทางเพื่อกินอาหารกลางวันอย่างง่ายที่เตรียมมา คนทั้งหมดอาศัยแค่ม้าคนละตัวสำหรับเดินทาง กินอยู่ง่ายดายเพราะกำลังเร่งเดินทางให้ถึงที่หมายที่เมืองจวี้ลู่ ผู้นำกลุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นซ่งเว่ยเหลียง เขาในฐานะหัวหน้าฝ่ายหนึ่งในกรมโยธาได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ไปตรวจสอบเขื่อนกักเก็บน้ำที่นอกเมืองจวี้ลู่และบัญชาลับอีกอย่างที่มีเพียงเขาและคนสนิทของเขาเท่านั้นที่รู้ การเดินทางครั้งนี้เขามาพร้อมกับรองเจ้ากรมคลัง เพราะเงินจากคลังที่ส่งมาเมืองจวี้ลู่เหมืองว่าส่งมาโยนทิ้งในแม่น้ำ เขาจึงเดินทางมาตรวจสอบบัญชีด้วยอีกคน เขาพาคนติดตามมาด้วยสองคน เป็นคนของกรมคลัง ส่วนที่เหลืออีกห้าคนเป็นคนข้างกายของซ่งเว่ยเหลียง
ระหว่างที่ลงมือกับเสบียงที่นำติดตัวมานั้น หนึ่งในคนสนิทของซ่งเว่ยเหลียงก้มลงกระซิบที่ข้างหูเขาและยื่นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งให้ เขาคลี่อ่านช้าๆ อ่านจบก็ม้วนมันกลับเช่นเดิมและโยนลงไปในกองไฟ เริ่มลงมือกินข้าวกับเนื้อแห้งต่อ ทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีแต่ห้าคนสนิทที่ติดตามเขามาเท่านั้นที่รู้ว่าท่าทางที่ปกติเช่นนี้จริงๆ แล้วผิดปกติเสียยิ่งกว่าสิ่งใด อี้เจิน อี้จิน อี้เจา อี้หรู และเสี่ยวเส้า สี่คนแรกคือคนสนิทที่ซ่งเว่ยเหลียงพาติดตามไปด้วยเวลาออกเดินทางไปนอกเมือง ส่วนเสี่ยวเส้าคือบ่าวรับใช้ส่วนตัว เมื่อสักครู่นี้อี้เจาออกไปปลดเบา เขาเห็นนกสื่อสารตัวหนึ่งลงมากินน้ำ ลักษณะมันคุ้นตามากก็เลยไปดักจับมันมาดู สรุปว่าเป็นนกพิราบสื่อสารที่พวกเขาใช้กันเป็นประจำเพราะใต้ปีกขวาของมันมีสัญลักษณ์ลับเฉพาะกลุ่มของพวกเขาเอง ที่ขาของมันมีม้วนกระดาษอยู่ด้วย เขามองไปยังทิศที่นกตัวนี้บินลงมาก็รู้ได้ว่าที่เยี่ยเฉิงต้องเกิดเรื่องแน่แล้ว จึงรีบเอากระดาษม้วนนั้นไปส่งให้ซ่งเว่ยเหลียงโดยไม่คิดจะคลี่ดู
“มีอะไรหรือ?” รองเจ้ากรมคลังเชียงเต๋อชุน เขาเห็นกระดาษที่ซ่งเว่ยเหลียงโยนใส่กองไฟแต่ก็ไม่ได้พูดขยายความใดๆ
“ใต้เท้าเชียง จากนี้เดินทางอีกหนึ่งวันก็จะเข้าเขตเมืองเยี่ยเฉิงแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านย่าพาสตรีทุกคนกลับมาเซ่นไหว้ที่สุสานบรรพชน มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย ข้าตั้งใจจะแวะไปดูสักครั้ง รบกวนใต้เท้าเชียงกับคนของข้าเดินทางล่วงหน้าไปจวี้ลู่ก่อน ข้าจัดการเรื่องเสร็จจะเร่งตามไป รับรองว่าทันกันก่อนพวกท่านจะเข้าประตูเมืองจวี้ลู่แน่นอน”
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
ซ่งเว่ยเหลียงส่ายหน้ายิ้มให้อีกฝ่าย “แค่เรื่องในครอบครัวเท่านั้น”
เชียงเต๋อชุนได้ยินดังนั้นก็ไม่ถามมากอีก กับซ่งเว่ยเหลียงนั้นเขาก็ยินดีจะร่วมงานด้วย อีกฝ่ายเป็นคนหนุ่มที่มากความสามารถและได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไม่น้อย ส่วนบิดาของเขาก็เป็นถึงเจ้ากรมทั้งหก ใครบ้างไม่อยากเข้าหาและประจบพ่อลูกคู่นี้
หลังกินเสร็จเก็บข้าวของ ซ่งเว่ยเหลียงพาเสี่ยวเส้าแยกไปก่อนและทิ้งอีกสี่คนให้คุ้มกันพวกของเชียงเต๋อชุนทั้งสามเดินทางตามหลังไป
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ” เสี่ยวเส้าเห็นว่าเดินทางมาระยะหนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นขณะที่เห็นฝีเท้าม้าของซ่งเว่ยเหลียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ก็แค่เจ้าคนไม่เคยตาย คิดจะขย้ำคนของข้า” ขณะพูดนั้นม้ายังทะยาน ผมรวบสูงพลิ้วไหวพร้อมกับผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้ม แม้การแต่งกายจะดูดีแต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับเหี้ยมเกรียมนัก เสี่ยวเส้าเข้าใจทันทีว่ามีคนล่วงเกินอิ๋นจื่อเข้าให้แล้ว
คุณชายใหญ่ของเขาภายนอกก็สุภาพดี แต่ใครจะรู้ว่าภายในเร่าร้อนยิ่ง อารมณ์ร้อนและร้ายกาจมากทีเดียว มันผู้นั้นกล้าทำร้ายคนของคุณชายใหญ่ซ่ง มันคงไม่ตายดี! จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น กล้ามากระตุกหนวดเสือเช่นนี้ก็รอรับกรรมไปเถอะ พวกเขาติดตามคุณชายใหญ่มานานจะไม่รู้ได้ยังไงว่าอิ๋นจื่อมีความหมายพิเศษในใจซ่งเว่ยเหลียงนานแล้ว เพียงแค่เจ้าตัวจะรู้หรือไม่นั้นพวกเขาบอกได้ว่าอิ๋นจื่อเป็นเด็กสาวที่เจียมตัวเกินไป หากนางหัวสูงสักหน่อย ชีวิตคงสบายกว่าที่เป็นอยู่มากนัก
เอาเถอะ รอดูต่อไป สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารก็แล้วกัน ไม่แน่ในอนาคตอิ๋นจื่ออาจเป็นนายหญิงของพวกเขาก็ได้ใครจะไปรู้