ตอนที่ 9 ถูกขัดจังหวะ
เดินทางขึ้นเหนือมาหนึ่งวันเต็ม ซ่งเว่ยเหลียงพาทุกคนเข้าพักโรงเตี๊ยมเล็กๆ ข้างทาง ซึ่งมีแขกเข้าพักแค่สองห้องเท่านั้น หลังกินมื้อเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายพักผ่อน แน่นอนว่าอิ๋นจื่อถูกสั่งให้มาดูแลซ่งเว่ยเหลียง นางเลยปรนนิบัติเขาอาบน้ำและจัดที่นอนให้ เมื่อเขาล้มตัวลงนอน หญิงสาวเดินไปดับตะเกียงและเดินไปที่ตั่งนอนเล็กริมหน้าต่าง ยังไม่ทันได้ล้มตัวนอนก็ถูกมือคู่หนึ่งตวัดเข้าไปกอดแนบชิดพร้อมทั้งถูกสองเข่ากระทุ้งจนนางล้มลงไปหมอบครึ่งตัวอยู่บนตั่ง ขาสองข้างอยู่บนพื้น
“เจ้ายังไม่ทำหน้าที่ของตัวเองก็จะนอนแล้วหรือ?”
อิ๋นจื่อยังไม่ทันได้หันกลับไปก็ถูกซ่งเว่ยเหลียงจับเอวและยกนางลอยขึ้นตั่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในท่าทางที่น่าอาย ก็คือนางคลานสี่ขา ซ้ำเขายังไม่ยอมให้นางขยับนอนลงดีๆ ก็ถลกกระโปรงนางขึ้นดึงทึ้งกางเกงตัวในออก จับท่อนลำอวบใหญ่จดจ่อแล้วก็เสยสวนเข้ามาทันที
สวบ!
ความคับแน่นฝืดเคืองทำให้อิ๋นจื่อสะดุ้ง นางส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวดเบาๆ สองมือกำผ้าห่มใต้ร่างไว้แน่น ในห้องก็ยังมืดสลัวทำให้มองอะไรลำบากนัก
สะโพกขาวผ่องเด่นตาอยู่ในความมืด ซ่งเว่ยเหลียงก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว ความอัดอั้นของเขาถูกกักเก็บมาเกือบหนึ่งเดือน แม้อาซิ่วจะไม่ได้ตามหลี่ซื่อมาเยี่ยเฉิงด้วยเพราะอีกฝ่ายออกอุบายแกล้งป่วยเพื่ออยู่รับใช้อารมณ์ใคร่ให้เขา ทว่าตั้งแต่วันที่เขาเห็นนางกับจงฮุ่ยเสพสังวาสกันข้างพุ่มโบตั๋นวันนั้น เขาก็หมดความคิดที่จะใช้นางปลดปล่อยอารมณ์ใคร่อีก
แม้หลี่ซื่อจะยินยอมให้อาซิ่วรับใช้ซ่งเว่ยเหลียงเพราะกลัวสามีไปคว้าคนอื่นที่นางไม่อาจควบคุมได้และอาซิ่วก็เต็มใจ แต่อาซิ่วกลับไม่ได้ทอดกายให้ซ่งเว่ยเหลียงเพียงคนเดียว เขารู้มาตลอดแต่ไม่คิดว่าอาซิ่วจะหน้าไม่อายและไม่เลือกสถานที่ นางเป็นเพียงบ่าวที่ถูกตามใจมากสักหน่อย แต่ใช่ว่านางจะทำตัวแกร่งยินยอมทอดร่างให้ใครเชยชมได้ตามแต่ใจปรารถนา
ซ่งเว่ยเหลียงจึงรู้สึกว่าอาซิ่วสกปรกพอๆ กับหลี่ซื่อเจ้านายของนาง เพียงแต่เขายังไม่ต้องการแตกหักกับหลี่ซื่อ ด้วยเพราะเขามีเหตุผลและมีคนร้องขอไว้อย่างหน้าไม่อาย ซึ่งคนผู้นี้เขาไม่เต็มใจก็ต้องเต็มใจยินยอมก้มหัวให้แบบหมอบราบคาบแก้วทีเดียว
“คุณชาย เบาหน่อยเจ้าค่ะ ข้า... ข้ายัง”
“เจ้ายังไม่เปียก” เสียงนั้นดังอยู่ด้านหลังฟังดูแหบพร่า
ร่างกายสั่นไหวรุนแรงเพราะถูกต้นขาและสะโพกของร่างสูงโปร่งด้านหลังกระแทกรุนแรง เสียงดังตับๆ เป็นจังหวะเร่งเร้าพร้อมทั้งเสียงหอบหายใจถี่ผสมกับเสียงครางในลำคอทุ้มต่ำ
อิ๋นจื่อกัดริมฝีปากกลั้นเสียง ช่องท้องปั่นป่วน บุปผางามแดงฉ่ำบีบรัดเพราะความเสียวกระสัน ผนังภายในที่ถูกท่อนลำอวบใหญ่ครูดเนื้ออ่อนไหวบีบรัดรุนแรงผลิตน้ำคาวสวาทหลั่งรินจนเปียกเปื้อนด้านในต้นขาด้วยเวลาอันรวดเร็ว
“อือ หากว่าข้าไม่รีบเดินทาง เจ้าคิดหรือว่าตัวเองจะได้พัก อ่าส์” ซ่งเว่ยเหลียงยังกระหน่ำสะโพกรัวเร็วใส่ร่างบาง เท้าข้างหนึ่งยกขึ้นเหยียบขอบตั่ง เท้าอีกข้างยังยืนอยู่ที่พื้น ท่าทางเช่นนี้ทำให้เขาเข้าไปสู่ร่องหลืบได้ลึกขึ้น ทั้งยังถนัดมากขึ้น สะโพกนุ่มหยุ่นเด้งเหมือนเต้าหู้อ่อน เอวบางคอดกิ่วถูกรั้งเข้าหาต้นขาแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่า ความกระสันรัญจวนเพิ่มขึ้นไม่อาจดับ กลิ่นเสพสังวาสอวลอยู่ในอากาศ
อิ๋นจื่ออดกลั้นจนถึงที่สุดแล้ว ท่วงท่าเช่นนี้นางไม่เคยต่อต้านได้และซ่งเว่ยเหลียงรู้ดี ร่องหลืบบีบรัดแน่นขึ้นและเริ่มกระตุกตอด “คุณชาย ข้า อ่าส์ เร็วๆ ข้า เร็ว อือ อ๊ะๆ” แผ่นหลังบางโก่งขึ้นครั้งหนึ่งและแอ่นหยัดร่างกระตุกรุนแรงเสร็จสมไป เสียงหวีดร้องนั้นคงจะดังไปจนห้องข้างๆ ก็น่าจะได้ยิน
ซ่งเว่ยเหลียงเห็นนางนำหน้าเขาไปก่อนอีกแล้ว เขาจึงก้มลงไปช้อนใต้เข่านาง ยกหวือจนร่างบางลอยขึ้นทั้งที่กลางกายยังสอดแน่นติดกัน นางรีบหันมาคว้าต้นคอเขากอดไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง จังหวะเสยแทงอย่างไม่ตั้งใจทำให้นางครวญครางแหงนหน้าด้วยความกระสัน สองตาปรือเลียริมฝีปากสองสามครั้ง
ซ่งเว่ยเหลียงจับนางนอนหงาย ดึงขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบ่าขยับกายกระแทกทะลวงรัวเร็ว ในจังหวะที่อารมณ์พุงสูงขึ้นนั่นเองมีบางอย่างมาขัดจังหวะ
เฟี้ยว!
เสียงยาวแต่ไม่ดังมากแหวกอากาศจากนอกหน้าต่างเข้ามา ซ่งเว่ยเหลียงเบี่ยงศีรษะหลบพร้อมทั้งกัดฟันกรอด แต่ยังไม่หยุดสะโพก
ตับๆ
เสียงกระแทกรัวเร็วยังดังสม่ำเสมอ เสียงหอบหายใจถี่เร็วของเขาพร้อมกับเสียงครางแหบแห้งของอิ๋นจื่อดังประสานกันกลบเสียงอื่นหมด จนกระทั่งอะไรบางอย่างแหวกอากาศเข้ามาเป็นครั้งที่สอง
“บัดซบ!” ซ่งเว่ยเหลียงสบถเสียงดังพร้อมทั้งกระแทกสะโพกรัวเร็ว เน้นย้ำสะโพกสองสามครั้งและปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นเข้าสู่ร่องหลืบอุ่นร้อนด้วยความจำใจ
อิ๋นจื่อตกใจเพราะเสียงเขา ช่องทางเร้นลับยิ่งบีบรัดให้เขาทรมานแต่ก็ปลดปล่อยอารมณ์คั่งค้างออกมาได้ครั้งหนึ่ง ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็ถูกเขากระชากให้ลุกขึ้น ความเหนียวเหนอะหนะไหลจากต้นขาลงไปถึงเข่าแต่นางไม่มีเวลามาคิดอะไรแล้วเมื่อมีเสียงอะไรบางอย่างกระแทกหน้าต่าง ผนังและข้าวของภายในห้องราวกับถูกฝนกระหน่ำ แต่นี่มันเป็นฝนอาวุธ!
ซ่งเว่ยเหลียงดึงกางเกงขึ้นพร้อมทั้งตวัดกระบี่ลอยกลางอากาศ จับด้ามกระบี่กระชากออกจากฝักด้วยความรวดเร็ว เขาหันมองอิ๋นจื่อ เห็นนางก็กำลังดึงกางเกงจัดกระโปรงให้เข้ารูปเข้ารอยแล้วยืนหน้าตื่นแอบอยู่ข้างหลังเขา
โครม!
เสียงคนถีบประตูเข้ามาพร้อมเงาดำหลายเงา ซ่งเว่ยเหลียงอาศัยความมืดผลักอิ๋นจื่อเข้าไปใต้เตียง ตัวเขาพุ่งเข้าหาเงาดำแต่งชุดรัดกุมเหล่านั้น แค่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้ตั้งใจมาสังหารซ่งเว่ยเหลียง!
ซ่งเว่ยเหลียงออกท่าทางต่อสู้กับพวกนั้นเพียงลำพังแต่ดูแค่สองสามกระบวนท่าก็รู้ว่าเขามีฝีมือร้ายกาจไม่เบา คนพวกนั้นเองก็เหมือนว่าจะคิดไม่ถึงเช่นกัน ต่างขยับล้อมซ่งเว่ยเหลียงและเข้าโจมตีพร้อมกัน แต่ก็ถูกคมกระบี่เหล็กกล้าฟาดฟันล้มลงไปทีละคน เสียงต่อสู้ไม่เบาเลย แต่ไม่ได้ยินใครจะเข้ามาช่วย
แบบนี้มันไม่ปกติ อิ๋นจื่อพยายามหลบไปด้านในสุดของใต้เตียง แม้นางช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ไม่อยากทำตัวเป็นภาระของเขา นางไม่คิดจริงๆ ว่าซ่งเว่ยเหลียงจะมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ เดิมทีก็รู้อยู่แล้วว่าเขาชำนาญศาสตร์ทั้งหก แต่คิดว่าเขาพอจะขี่ม้ายิ่งธนูได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ขณะนี้เขาเล่นงานคนร้ายกว่าสิบชีวิตให้ดับดิ้นไปทีละคนด้วยตัวคนเดียว… ช่างไม่ธรรมดา!
“คุณชาย!” เสียงอี้หงดังมาพร้อมกับกระบี่ในมือเริ่มฟันแทงคนร้ายที่เข้ามาเพิ่ม ห่างออกไปก็เป็นเสียงเสี่ยวเส้าเหมือนจะรับมืออยู่หน้าห้องนี่เอง สองคนนี้ล้วนมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา แค่เวลาไม่ถึงก้านธูปคนร้ายราวสามสิบคนดับสิ้นอยู่ใต้คมกระบี่ทั้งสาม
“คนในโรงเตี๊ยมเป็นยังไงบ้าง” ซ่งเว่ยเหลียงเอ่ยขึ้นขณะก้าวข้ามคนร้ายที่นอนสิ้นชีพอยู่กลับไปที่เตียง ก้มลงไปกระดิกนิ้วเรียกให้อิ๋นจื่อออกมา
“เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมบาดเจ็บที่แขน นอกนั้นไม่เป็นอะไร ทุกคนรวมอยู่ที่โถงด้านหน้าแล้ว”
“เก็บของ” ซ่งเว่ยเหลียงสั่งพร้อมทั้งเตะเข้าที่ร่างคนร้ายคนหนึ่งเพื่อระบายอารมณ์ พลางก่นด่าอยู่ในใจ
‘พวกสารเลว! ขัดจังหวะข้า’
ในห้องโถงของโรงเตี๊ยมมีเถ้าแก่ ภรรยาและบุตรชายอีกสองคนรวมทั้งแขกอีกสามคน สีหน้าพวกเขาตื่นกลัวแทบจะไม่กล้าเข้าใกล้พวกของซ่งเว่ยเหลียงด้วยซ้ำ
“ข้าเป็นคนของทางการ เตรียมกระดาษกับพู่กันให้ข้า” ซ่งเว่ยเหลียงหยิบป้ายประจำตัวยื่นไปตรงหน้าเถ้าแก่โรงเตี๊ยม โยนกระบี่ในมือให้เสี่ยวเส้าและนั่งลงยังโต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุด
หนึ่งในบุตรชายของเถ้าแก่รีบจัดเตรียมทุกอย่างให้ ตอนที่มาส่งของยังมือสั่นไม่กล้ามองหน้าซ่งเว่ยเหลียงด้วยซ้ำ
ซ่งเว่ยเหลียงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ไม่ยาวไม่สั้นและล้วงเอาตราประทับออกมาจากอกเสื้อ ประทับลงไปในกระดาษแผ่นนั้น รอหมึกแห้งและส่งให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยม “เอาจดหมายนี้ไปยื่นที่จวนว่าการ คนของทางการจะมาเก็บศพพวกนี้เอง”
“เถ้าแก่ เจ้านายของข้ารับราชโองการมาทำงาน คนพวกนี้มาขัดขวาง ท่านไม่ต้องกลัวจะเดือดร้อนไปหรอก แค่เอาจดหมายฉบับนี้ไปให้ทางการ พวกเขาจะจัดการทุกอย่างเอง” เสี่ยวเส้าเห็นพวกเถ้าแก่หวาดกลัวก็เอ่ยออกมาพร้อมทั้งยื่นตั๋วแลกเงินฉบับหนึ่งไปตรงหน้า จำนวนเงินพันตำลึง “นี่ถือเป็นค่าเสียหายและค่าห้อง รวมถึงค่าทำขวัญด้วยก็แล้วกัน”
ซ่งเว่ยเหลียงลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ออกจากโรงเตี๊ยมไป เขายืนรอเสี่ยวเส้าไปจูงม้ามาให้ “รู้หรือไม่ว่าคนของใคร” เขาเอ่ยขึ้นขณะที่อี้หงเดินมายืนอยู่ข้างเขาพร้อมอิ๋นจื่อ
“สัญลักษณ์ที่ท้องแขนรูปหัวนกอินทรี สำนักปักษาดำไม่ผิดเจ้าค่ะ”