เหม่ยเสี้ยวตัดสินใจเดินไปที่จวนเจ้าเมือง เมื่อผ่านตลาดก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าคุณชายต้ากำลังเดินสวนกันไป
เขายิ้มน้อยๆให้เธอ ในมือถือพัดตามประสาชายเจ้าสำอางค์
เหม่ยเสี้ยวเดินเข้าไปหาเพื่อทักทายตามมารยาท
“คารวะคุณชายต้า” หานตงเองก็โค้งคำนับ แต่ไม่มีเสียงใดพูดออกมา ฟางอ๋องพยักหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มแผล่กับหญิงสาวต่อ
“บังเอิญเหลือเกินแม่นางเหม่ยเสี้ยว ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเดินตลาด ในวันที่ไม่ได้มาขายของเช่นนี้” เหม่ยเสี้ยวพยักหน้า ยิ้มน้อยๆอย่างนึกขัน เขาพูดอย่างกับตามดูเธออยู่ จึงรู้ตารางเวลาเธอดีนัก
“จุดประสงค์มิใช่เดินตลาดหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะไปจวนเจ้าเมืองเสียหน่อย”
ฟางอ๋องทำหน้าตกใจ เล่นใหญ่จนเหม่ยเสี้ยวอดแปลกใจไม่ได้ วันนี้เขาดูแปลกๆ ดูมีพิรุธสุดๆ
“โอ้ เช่นนั้นให้ข้าเดินไปส่งเถิด ข้าพอจะรู้จักคนด้านในบ้าง เผื่อมีอะไรที่ช่วยได้” ความเสนอตัวเบอร์แรงทำให้เหมยเสี้ยวกรอกตาซ้ายที ขวาที อย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรหรือแม่นางเหมย ฝุ่นเข้าตารึ” ฟางอ๋องมีแววตระหนกในดวงตา ก่อนจะปรี่เข้าประครองหน้านวลไว้ในอุ้งมือ จ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” เหม่ยเสี้ยวรีบปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นหน้าเขาคงชิดกับหน้าเธอไปแล้ว นางถอยห่างเขาออกมาก้าวหนึ่ง
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันเถิด จับชายเสื้อข้าไว้ล่ะ ประเดี๋ยวจะหลงกัน” ฟางอ๋องพูดขึ้น ก่อนจะดึงข้อมือน้อย มาจับชายเสื้อเขาไว้
“หานตง จับเสื้อข้าไว้ ประเดี๋ยวจะหลงกัน” เหม่ยเสี้ยวย้อนฟางอ๋อง ทำเอาเขาเสียศูนย์แทบสะดุดล้ม ก่อนจะตวัดตามองเด็กหนุ่มที่จับชายเสื้อว่าที่หวังเฟยของเขาหน้าตาเฉย
เหม่ยเสี้ยวมองอาการนั้นขำๆ พอจะรู้ล่ะว่าสกิลสเน่ห์ออกผล เพราะจากแต้มที่ไหลเข้าเรื่อยๆทำให้เธออัพเลเวลสกิล จนเป็นเลเวลเต็มแล้ว
แต่ก็ไม่คิดว่า ฟางอ๋องจะเป็นเอามากขนาดนี้
“ถึงแล้ว ปล่อยได้แล้ว เจ้าน่ะ!” ฟางอ๋องหันไปบ่น หนุ่มน้อยที่เนียนจับชายเสื้อของเหม่ยเสี้ยว แม้นางจะปล่อยชายเสื้อเขาตั้งแต่ออกจากแถบตลาดมาแล้ว
“วันนี้เจ้าจะมาทำอันใดที่จวนเจ้าเมืองรึ”ฟางอ๋องแกล้งถาม แม้จะรู้อยู่แก่ใจ เพราะหว้าอูรายงานไปแล้ว
“ข้าเพียงมาหาดูราคาที่ดินเจ้าค่ะ เผื่อจะมีที่ถูกๆบ้าง ” เหม่ยเสี้ยวพูดอย่างไม่ปิดบัง แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ว่าตนเป็นเพียงคนจรออกไป นึกอับอายนิดๆ เพราะยศของคนตรงหน้าคืออันใด นางรู้อยู่แก่ใจ แต่ต้องแกล้งโง่ต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยพูดให้” ฟางอ๋องเดินเข้าไปด้านหน้าจวน ทหารยามรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้เขาโดยด่วน ก่อนจะกันสอองคนที่ทำท่าจะเดินตามเขาเข้าไปเอาไว้
เหม่ยเสี้ยวมองพวกเขาอย่าง งงๆ ฟางอ๋องถึงกับปวดขมับตุบๆ เขารีบสั่งให้ทหารปล่อยทั้งสองเข้ามาทันที
“ท่านชายวันนี้มีเหตุอันใดมาทำการที่จวนเจ้าเมืองหรือขอรับ” หลังจากที่ถูกปล่อยเข้ามา เจ้าเมืองก็ออกมาต้อนรับท่านอ๋องเป็นอย่างดี และรู้ดีว่าเขามิให้เรียกนามแท้จริงด้านนอก เนื่องจากมีการติดต่อธุระกันบ่อยๆ
“แม่นางน้อยท่านนี้สนใจอยากซื้อหาที่ดินสักน้อย เจ้าพอจะมีแนะนำบ้างไหม” ฟางอ๋อง ผายมือไปทางหญิงสาวด้านหลัง เขาเห็นสีหน้ารังเกียจของเจ้าเมืองแว็บหนึ่งแล้วนึกอยากบั่นหัวมันทิ้งนัก
เขาพอจะรู้ว่ามันคิดอะไร ในวันนี้แม้เหม่ยเสี้ยวจะแต่งตัวดีขึ้นจากตอนแรก แต่ก็ยังคงผมเผ้าไม่เรียบร้อย หน้าตาไม่ได้แต่งจัดอย่างสาวงามทั่วๆไป แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะเขาจะได้ไม่ต้องมีศัตรูหัวใจมากกว่านี้
“แม่นางสนใจพื้นที่แบบไหนล่ะขอรับ ตอนนี้มีพื้นที่ขนาดจวนเล็กๆ ราวๆ35ทอง แต่หากใหญ่ขึ้นและอยู่ใกล้กับตลาดก็จะแพงขึ้น” เจ้าเมืองปรับสีหน้าเพราะประกายตาไม่พอใจของท่านอ๋อง พอจะดูออกว่าอ๋องเจ้าสำราญคงหมายปองหญิงนางนี้เป็นแน่แท้
“ข้าสนใจพื้นที่35ทองนั้น พอจะพาไปดูที่ทางก่อนได้หรือไม่” เหม่ยเสี้ยวคิดในใจ ตอนนี้เธอมีเงินราวๆ 32ทองกับเศษอีกนิดหน่อย ซึ่งคือหมดตัวเลย ในยุคนี้ยังไม่มีการผ่อนจ่ายด้วย แต่ถ้าได้ที่ใกล้ๆตลาดก็น่าสนใจ เนื่องจากสามารถเปิดหน้าร้านได้
“ขอข้ารบกวนถามท่านเจ้าเมืองอีกสักนิด ราคาตึกในตลาดตอนนี้ประมาณเท่าไหร่หรือเจ้าคะ” ทั้งฟางอ๋องและเจ้าเมืองหันขวับไปมองนาง ก่อนที่ฟางอ๋องจะแย้มยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นตัวตึกที่ว่างอยู่ตอนนี้ ก็มีแต่ท้ายตลาด หากแม่นางสนใจอยากได้จริงๆ ข้าแนะนำให้รอก่อน เนื่องจากมีหลายร้านที่ไม่จ่ายค่าที่และกำลังจะถูกไล่”
คำพูดของเจ้าเมืองทำให้เหม่ยเสี้ยวชะงัก แปลว่าที่นี่มีระบบให้เช่าร่วมด้วย แต่อย่างว่าล่ะ เพราะแต่ก่อนมีระบบเก็บค่าคุ้มครองด้วย ผู้ค้าที่ทำกำไรไม่ได้มากพอ ต้องเสียทั้งค่าเช่าและค่าคุ้มครอง อย่างไรก็อยู่ไม่ได้หรอก ถึงช่วงนี้จะไม่มีการเก็บค่าคุ้มครองแล้วก็ตามที
“บอกราคามาก่อนเถอะ จริงๆนางก็เพียงมาเพื่อสอบถามนั่นล่ะ” ฟางอ๋องเสียงเขียว ไม่รู้ทำไมอยู่ๆเจ้าเมืองหมูตอนถึงเริ่มเพ่งพิศว่าที่หวังเฟยของเขา ทำให้เกิดไม่พอใจขึ้นมาซะได้
“ถ้าเป็นตึกนั้น ราคาก็35ทองเช่นกัน อันนี้ข้าลดให้” เจ้าเมืองเริ่มติดสกิลสเน่ห์ของเหม่ยเสี้ยวก็เริ่มทำตาหวานแปลกๆส่งมา
เหม่ยเสี้ยวส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณเจ้าเมือง และเดินตามทหารไปดูพื้นที่สร้างจวนและตึกร้านค้าท้ายตลาด
พื้นที่เล็กๆอยู่เกือบถึงทางเข้าป่าที่เธออยู่ปลูกบ้านได้อย่างมากก็2หลัง แต่ก็ต้องมีที่เก็บสมุนไพรอีก เหม่ยเสี้ยวเลยเลือกจะไปดูตึกต่อ
ตัวตึกอยู่ในจุดอับทางการตลาดจริงๆ แต่ถ้าหากเป็นการเริ่มต้นธุรกิจเท่านั้นก็น่าสนใจดี เพราะถึงอย่างไรก็คงยังไม่มีใครทำของใช้เหมือนเธอได้ในตอนนี้
ดังนั้นจุดเด่นของร้านจะเป็นตัวสินค้า ตึกนี้มี3ชั้น ในช่วงแรกนี้ ชั้นแรกสามารถต้อนรับลูกค้าได้ตามปกติ ชั้นที่2 น่าจะใช้เป็นที่พักและห้องทำงานของเธอ
ส่วนชั้นที่3เอาไว้เก็บสต็อกสินค้าและอุปกรณ์ รวมถึงแบ่งเป็นห้องทดลองได้ มีพื้นที่โกดังหลังร้านด้วยซ้ำ พร้อมลานจอดเทียบรถม้า และคอกม้าเล็กๆ ถือว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว
เพราะจากการสังเกต ร้านอื่นๆด้านในไม่มีพื้นที่อย่างร้านนี้ และส่วนมากมีเพียงแค่2ชั้นติดๆกันไป เหมือนๆกับตึกแถวที่โลกก่อน แต่สร้างด้วยไม้ทั้งหมด
“เป็นอย่างไรแม่นางเหมย เจ้าชอบที่ไหนบ้างมั้ย” ฟางอ๋องรีบถาม ในมือมีถุงเงินขนาดใหญ่อยู่ ทำเอาเหม่ยเสี้ยวหน้าซีด
“เอ่อ คุณชาย คิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” เธอถามออกไปตะกุกตะกัก หันไปมองหน้าทหารที่มองมาทางเธออย่างดูถูก เนื่องจากตอนนี้เหมือนเธอเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกซื้อด้วยตึกหรือที่ดิน
“ข้าให้ยืม เห็นเจ้าทำหน้ากังวลตอนที่ได้ยินราคาที่ดินในคราแรก เลยคิดว่าเจ้าเพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจ หากข้าอยากร่วมทุนด้วยเจ้าคงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?” พอเห็นว่าหญิงสาวทำหน้าปุเลี่ยนกับคำว่าให้ยืม
ฟางอ๋องก็เปลี่ยนมาใช้คำอื่น อย่างการร่วมทุน ตัวเขาเองก็มีการร่วมทุนเรือสินค้ากับญาติที่เมืองท่าทางใต้เหมือนกัน นอกจากจะสามารถดึงหญิงสาวไว้ใกล้ตัวได้แล้ว เขายังสามารถทำความสนิทกับนางจากการอ้างเรื่องงานได้ในเวลาต่อไปอีกด้วย มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มซะอีก
“เอ่อ ...”
[ภารกิจพิเศษ ก่อสร้างธุรกิจประสบความสำเร็จ เงื่อนไข จะต้องก่อสร้างธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จด้วยดี ระยะเวลาและจำนวนครั้งไม่จำกัด] เสียงเหม่ยลู่ดังขึ้นในหัวทำให้เหม่ยเสี้ยวต้องตัดสินใจ
“ถ้าเช่นนั้นต้องทำให้เป็นลายลักษณ์อักษร ตัวข้าไม่ชำนาญการเขียนเท่าใด ขอให้ทางนั้นจัดการมาด้วยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้ยามซื่อมาพบกันที่นี่” เหม่ยเสี้ยวตัดสินใจ ก่อนจะหยิบเงินตัวเองออกมาครึ่งหนึ่ง คือ 17ทอง กับอีก50เงิน
“ข้าน้อยพอจะมีทุนอยู่บ้าง แต่หากท่านชายอยากจะร่วมทุนก็ย่อมได้ ขอบพระคุณที่ท่านไว้ใจหญิงไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นข้า” เธอยอบตัวลงไปคารวะเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้
“อั่ก... เอ่อ ได้ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องเอกสารกับทางการเอง หลังจากนี้แม่นางจะกลับ...” ฟางอ๋องชะงักนิดๆเพราะดาเมทรอยยิ้มของนาง ก่อนจะต้องชะงักคำพูดตัวเองไว้เพราะคิดขึ้นได้ว่าพวกเขานอนกันที่น้ำตกหามีบ้านไม่
“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ วันนี้วันดีเลยคิดว่าจะพาหานตงไปหาของอร่อยเลี้ยงเสียหน่อย” เหม่ยเสี้ยวแหงนหน้ามองหานตงที่กำลังเดินลงมาจากบันใด เด็กหนุ่มก็ยังคงงดงามราวกับภาพวาด แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้แต่งตัวดีเพราะเมื่อเช้าเขาเพิ่งจะทำงานหนักมา
“ถ้าเช่นนั้นให้ข้าได้เลี้ยงเถอะ เลี้ยงฉลองการร่วมทุนของเรา” ฟางอ๋องตู่ไปเอง ก่อนจะเดินไปจัดการเรื่องเอกสารพร้อมกับจ่ายเงินค่าตึกนี้ แม้จะแปลกใจนิดหน่อยที่หญิงสาวมีเงินมากเพียงนั้น
หากเป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ แถมยังไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นเด็กกำพร้าอีก คงไม่มีทางที่จะเก็บเงินได้เยอะเช่นนั้นแน่ๆ แต่พอมาคิดแล้วหญิงสาวแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยนอกจากซื้อเสื้อผ้า ไม่แปลกที่นางจะมีเงินเก็บเยอะ
“เอ่อ ท่านชาย ข้าขอพาหานตงไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” หลังจากฟางอ๋องกลับมาแล้ว เหม่ยเสี้ยวก็รีบพูด จริงๆเพราะเวลายังไม่เที่ยงดีด้วยล่ะ
“ได้สิ ” ฟางอ๋องยิ้มใจดี แม้จะหงุดหงิดใจนิดหน่อยที่นางให้ความสำคัญกับชายอื่นต่อหน้าเขา แต่แน่นอนว่าอย่างไรเสียนางก็หนีอ้อมกอดเขาไปไหนไม่ได้แน่ๆ
“เจ้าชอบที่นี่มั้ยเหม่ยเสี้ยว” อยู่ๆระหว่างที่เดินด้วยกันในตลาดฟางอ๋องก็ถามขึ้นมา หากมันอาจจะไม่มีความหมายอันใดก็ได้
“ไม่ชอบหรอกเจ้าค่ะ ผู้คนเดินฝักใฝ่ หาใช่เมียงมองของ แต่กลับมองหาตนเองเท่านั้น” เหม่ยเสี้ยวตกใจคำพูดตัวเองนิดๆ ความหมายที่แปลตรงๆก็หมายความว่า มีแต่คนเห็นแก่ตัว นั่นล่ะ
“นั่นคือความคิดของเจ้าสินะ แต่หารู้ไม่อาจจะมีคนที่มองเห็นทุกสิ่งเป็นคนอื่นอยู่ก็ได้”
“คุณชายต้าช่างมองโลกในแง่ดีนัก อย่างนี้ข้าขอมอบมะยมเชื่อมให้ท่าน” เหม่ยเสี้ยววิ่งไปหยิบไม้มะยมเชื่อมมา3ไม้ ก่อนจะให้ฟางอ๋องหนึ่ง หานตงหนึ่ง และของตัวเองหนึ่ง
“สมเป็นสาวชาวบ้านเสียจริง” ฟางอ๋องพึมพำ แต่ก็มีความสุขเมื่อเห็นนางกลับมาร่าเริงแล้ว แม้จะเป็นเพราะได้เปรียบเปรยเขาก็เถอะ
“พ่อค้าเร่ ว้าววว พ่อค้าเร่” เสียงตื่นเต้นของเหม่ยเสี้ยวเรียกความสนใจของคนรอบข้าง บ้างก็บ่นว่าไร้มารยาเหลือเกิน บ้างก็บ่นว่าไม่สมหญิง บ้างก็ว่ากระโดกกระเดก
[ม้าดีดกระโหลกจริงๆเลย] เหม่ยลู่บ่นเบาๆ นั่นล่ะที่เข้าหูเหม่ยเสี้ยวที่สุด
เหม่ยเสี้ยววิ่งเข้าไปอยู่ในวงล้อม ทำให้หนุ่มๆต้องอยู่รอบนอก หานตงหันไปมองฟางอ๋องให้เต็มตา ก่อนจะหันไปมองเจ้านายของตนเองอีกครั้ง
ฟางอ๋องเองก็หันไปมองหานตง ก่อนจะหันไปมองเหม่ยเสี้ยวเช่นกัน เพราะตอนนี้นางกำลังเริ่มการจับจ่ายจนของเริ่มเต็มมือ เขาเลยให้หว้าอูแทรกคนเข้าไปถือของให้นาง
ทางด้านเหม่ยเสี้ยวเมื่อได้ยินว่าเป็นคนของคุณชายต้า ก็รีบส่งของให้ก่อนจะหันไปเลือกหยิบอีก เนื่องจากเป็นของหลายๆอย่างที่เธอหาไม่ได้เองแถวนี้ ส่วนมากจะเป็นสมุนไพร แร่ จนไปถึงหนังสัตว์และอุปกรณ์แปลกๆอีกหลายอย่าง
“นายท่าน ถ้าสอบถามได้หรือไม่ ว่าแก้วแปลกตานี้ มาจากที่ใดหรือ” ที่เธอถาม เพราะมันมีแก้วใสเข้าชุดกันอยู่3ใบ ซึ่งในโลกของเธอมันคืออุปกรณ์ชั่งตวง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของที่อยู่ในยุคนี้แน่นอน
“โอ้ ของพวกนี้อั้วเอามาจากเมืองหลวง เป็นของเก่าแก่ในซากโบราณ ราคาไม่แพงหรอก3ทองเท่านั้นเอง”
เหม่ยเสี้ยวหยุดคิด เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาโลกนี้แล้วเจออะไรอย่างนี้ ของโบราณงั้นหรือ มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ ทำไมของจากอีกโลกถึงมาอยู่ในโลกนี้ หรือพระเจ้าทำขึ้นกัน?
[ท่านหญิงสนใจอัพสกิลตรวจสอบไหมคะ] แน่นอนว่าคนเสนอขายตรง หมายถึงขายตรงๆเลยไม่มีอ้อม ก็หาโอกาสขายของได้อีกครั้ง
‘อัพเลย แล้วอัพเลเวลให้เต็มไปเลยนะ’ ตอนนี้เหม่ยเสี้ยวเริ่มมีความอยากรู้ มากกว่าอะไรแล้ว
[ขอโทษค่ะ อัพได้แค่ระดับ3 ต้องการหยุดไว้เท่านี้ หรือให้อัพต่อไปเมื่อมีแต้มเข้ามาคะ] เหม่ยลู่เสียงหงอย
เหม่ยเสี้ยวลองใช้สกิลตรวจสอบไปที่แก้วทั้งสาม ก่อนที่ต้องผงะไปอีกครั้ง
‘ตรวจสอบ’
[อุปกรณ์ชั่งตวงที่จอนลี่เซียงสร้างขึ้น โดยใช้เวทย์มนต์ โบราณวัตถุจากสมัยสงครามปีศาจเมื่อ10000ปีที่แล้ว ] เหม่ยเสี้ยวแอบตกใจ สมัยก่อนโลกนี้มีทั้งปีศาจ และเวทย์มนต์งั้นหรือ
[ใช่ ไม่คิดว่าเจ้าจะได้เจอซากโบราณวัตถุเช่นนั้น แต่ของเหล่านั้นคืออดีตของโลกใบนี้ ในตอนนี้โลกใบนี้มีเพียงพลังปราณเท่านั้น ] เสียงพระเจ้าดังแทรกเข้ามาในหัว
เหม่ยเสี้ยวซื้อของสามชิ้นนั้นเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะเดินแทรกออกมาจากวงล้อม
[ช่วยอธิบายมากกว่านั้นได้มั้ยคะพระเจ้า]