''ค่อยๆกินกันก็ได้เดี๋ยวก็ติดคอพวกเจ้าหรอก'' อ้ายเสินพลางเอ่ยดุลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้ ส่วนลูกศิษย์คนโตๆตอนนี้ไป๋อิงสหายของเขาได้พาเข้าไปในตัวเมืองไปสอบอีกไม่นานก็คงกลับ
''พี่สาววันนี้อาหารของพี่สาวนั้นอร่อยอีกแล้วขอรับ'' ตงตงลูกศิษย์ตัวน้อยเอ่ยชมเนี่ยเฟยออกมาจนเด็กๆทั้งหลายต่างเห็นด้วยพากันพยักหน้า
ทำให้นางนั้นถึงกลับยิ้มออกมาในความเอ็นดูในท่าทางของเด็กๆทั้งหลาย
''ถ้าอร่อยวันหลังให้พี่สาวทำให้พวกเจ้าทานอีกดีหรือไม่''
''ดีขอรับ!/เจ้าค่ะ!'' ก่อนที่จะพวกกันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขกับอาหารตรงหน้าในมือนี้ทำให้เสียงหัวเราะนั้นดังลอดออกมาจากห้องทำให้คนที่พึ่งกลับมาจากในเมืองพากันหยุดชะงักลง
''เจ้าได้กลิ่นหรือไม่''
''ข้าได้กลิ่น เป็นกลิ่นที่หอมมากๆ!''
''ข้าๆ ก็ได้กลิ่น!'' ก่อนที่จะผลักประตูกันเข้าไป
แอ๊ด...!
''พวกเจ้ากลับมากันแล้วรึ มาๆมากินข้าวกินปลาด้วยกันก่อน'' อ้ายเสินเอ่ยเรียกเหล่าลูกศิษย์ที่กลับมาจากในเมืองก่อนที่จะพากันนั่งลงประจำที่
''ว้าว อาจารย์ขอรับนี้มันอร่อยมากๆ ท่านเป็นคนทำอย่างนั้นหรือขอรับ''
''ใช่ๆขอรับอร่อยมากๆ''
''ใช่ๆๆ''
ลูกศิษย์คนโตที่ได้พากันคีบเนื้อหมูเข้าปากอย่าง เอร็ดอร่อย ก่อนที่จะเอ่ยชมออกมาไม่หยุดทำให้หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับอมยิ้มออกมา
''ไม่ใช่หรอกข้าไม่ได้เป็นคนทำ แม่นางเนี่ยเฟยเป็นคนทำน่ะ'' ทำให้ทุกคนนั้นได้พากันหันหน้าไปมองที่หญิงสาวก่อนที่จะทำหน้าตาไม่เชื่อออกมา
เหล่าลูกศิษย์ตัวน้อยที่ได้เห็นการกระทำของศิษย์พี่พวกเขาเช่นนั้นก็รีบพากันตะโกนออกมาปกป้องพี่สาวของพวกเขา
''นี่! พวกท่านไม่เชื่อว่าพี่สาวคนสวยเป็นคนทำก็ไม่ต้องกินเจ้าค่ะ!'' จือจือเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ
''ใช่ๆ ไม่ต้องกินเลยขอรับพวกข้าจะกินกันเอง!'' ตงตงลูกศิษย์ตัวน้อยก็ไม่พอใจเหมือนกัน เหตุใดถึงได้มาทำหน้าตาแบบนี้กับพี่สาวคนสวยของพวกเขากันด้วย!
ก่อนที่เหล่าลูกศิษย์ตัวน้อยจะเริ่มประท้วง ศิษย์พี่ของพวกเขานั้นก็ได้รีบเอ่ยขอโทษเนี่ยเฟยก่อนที่จะหันหน้ามาเอ่ยขอโทษเด็กๆตัวน้อยทั้งหลาย ก่อนที่พวกเขานั้นจะไม่ได้กิน
เลยทำให้เกิดเสียงหัวเราะออกมา นานเท่าไหร่แล้วนะที่สำนักบุปผานั้นไม่ได้มีเสียงหัวเราะคึกคักเช่นนี้
ไป๋อิงที่ลอบมองไปที่หญิงสาวตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะเอ่ยคุยกับนางเพราะว่าเขานั้นต้องพาเหล่าลูกศิษย์ไปสอบในตัวเมืองเกือบเดือนได้
แต่พอเขากลับมาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังลอดออกมาจากในห้องก่อนที่จะได้เห็นบรรยากาศภายในนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในห้องนั้น และรอยยิ้มของนาง
เนี่ยเฟยที่สังเกตว่ามีคนมองมาที่นางก็ได้หันหน้าไปมอง ก็พบเข้ากับดวงตาคู่คมที่จ้องมองมาที่นาง ทำให้หญิงสาวนั้นทำตัวไม่ถูกจึงขอตัวกลับบ้านก่อน จึงรีบลุกออกมา
แต่ก็ได้ยินเสียงทุ่มเอ่ยเรียกชื่อของนางดังมาจากด้านหลัง ''แม่นางเนี่ยเฟยหยุดก่อนเถิด''
หญิงสาวจึงได้หันไปตามเสียงที่เรียกมาจากด้านหลัง ''มีอะไรหรือเจ้าคะ''
''เอ่อ...'' ชายหนุ่มนั้นเริ่มที่กระอักกระอ่วนออกมาอย่างเห็นได้ชัดทำให้หญิงสาวนั้นไม่ค่อยเข้าใจกับการกระทำของเขาเท่าใดนัก
''ถ้าหากว่าไม่มีธุระอันใดกับข้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ''
''ดะ...เดี๋ยวสิข้าแค่จะมอบสิ่งนี้ให้เจ้า'' ไป๋อิงนั้นได้ยื่นปิ่นปักผมหยกให้หญิงสาวก่อนที่จะหันหน้าไปอีกทาง เขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเหตุใด จิตใจของเขานั้นปั่นป่วนยิ่งนัก
เนี่ยเฟยลอบมองไปที่ชายหนุ่มก่อนที่จะหยิบปิ่นปักผมหยกนั้นมาไว้ที่มือ ''แล้วเหตุใดท่านจึงซื้อปิ่นชิ้นนี้มาให้ข้างั้นหรือเจ้าคะ''
ไป๋อิงได้ยินที่นางนั้นเอ่ยเช่นนี้ออกมาก็รู้สึกไปไม่ถูกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด ในตอนนั้นเขากำลังที่จะกลับสำนักบุปผาก็ได้เดินผ่านร้านขายปิ่นปักผมแล้วใบหน้าของนางก็ลอยขึ้นมา รู้ตัวอีกทีเขาก็ซื้อมันเอาไว้เสียแล้ว จะให้เขาบอกนางแบบนี้ได้อย่างไรกัน
''ข้าซื้อมาเป็นของขวัญขอโทษเจ้าในวันนั้นแล้วมันก็เข้ากับเจ้าดีข้าก็เลยซื้อมาให้'' ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบเดินหันหลังแล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยเฟยที่ได้เห็นการกระทำของเขาที่ไม่เคยเห็นมันมาก่อนก็รู้สึกหัวเราะออกมาไม่ได้
''อีตาพ่อหนุ่มหน้าซึน!''
ก่อนที่หญิงสาวจะเดินตรงกลับไปที่บ้านโดยไม่รู้ว่า ชายหนุ่มที่รีบเดินหันหลังหนีนางออกมานั้น ในยามนี้เขานั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบินที่ท้องเขาเขาก็ไม่รู้