ช่วงเที่ยงของอีกวัน รถกระบะสี่ประตูสีดำก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก ๆ ของสายรุ้งโดยมีไอหมอกเป็นคนขับ เขามาตรงเวลาเป๊ะตามที่ได้บอกหญิงสาวไว้เมื่อคืนตอนอยู่ในวัด ชายหนุ่มเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านในราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเองเพราะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่รออยู่ในห้องรับแขก
“พร้อมหรือยังสายรุ้ง”
“พร้อมค่ะพี่หมอก”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ให้ชายหนุ่ม หลังจากที่ขนสัมภาระขึ้นหลังรถเรียบร้อย เธอก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้เมื่อต้องจากบ้านหลังนี้ไป บ้านหลังเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของตนเองกับพ่อ น้ำตาที่พยายามเก็บไว้จึงไหลออกมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะย้ายไปอยู่ไร่ข้าง ๆ ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ในใจก็ยังรู้สึกโหวง ๆ อยู่ดี
“อย่าร้องไห้ไปเลยค่ะ คุณหนูสายรุ้ง เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยกลับมา” ป้าบัวพูดปลอบพร้อมกับยื่นทิชชูให้ซับน้ำตา
“ใช่ค่ะ คุณสายรุ้งไม่ได้ไปไหนไกลเลย บ้านคุณหมอกก็อยู่แค่นี้ วันไหนคิดถึงก็กลับมา” สายใจปลอบด้วยคน
“ค่ะ หนูจะพยายามไม่เศร้า หนูจะพยายามเข้มแข็ง ขอบคุณนะคะป้าบัว พี่สายใจ”
หญิงสาวยกมือขึ้นมาไหว้ทั้งสองคนด้วยความซาบซึ้งใจที่พวกเขาคอยให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด หลังจากบิดาเสียชีวิต นอกจากไอหมอกที่คอยช่วยเหลือแล้วหล่อนก็ยังมีป้าบัวกับสายใจนี่แหละที่คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยราวกับเป็นคนในครอบครัว
“ไม่ต้องห่วงนะสายรุ้ง พี่จะให้คนมาดูแลบ้านให้ในระหว่างที่เธอไปอยู่กับพี่”
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยหนู”
“ไม่เป็นไร ถ้าทุกคนโอเคแล้วก็ขึ้นรถกันเถอะครับ จะได้กลับไปกินข้าวเที่ยงที่ไร่”
สามสาวต่างวัยจึงรีบขึ้นไปนั่งประจำที่ของตนเองโดยมีสายรุ้งนั่งข้างหน้าคู่กับคนขับ ป้าบัวกับสายใจนั่งอยู่ข้างหลัง เมื่อรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป หญิงสาวก็หันไปมองตัวบ้านอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและมีลางสังหรณ์ว่าตนเองจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอาศัยที่บ้านหลังนี้อีกตลอดไป
เมื่อรถกระบะคันงามเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตของไร่ชา ความสวยงามและความร่มรื่นทำให้สายรุ้งรู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก หล่อนมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่มาก็ไม่ได้สนใจดูวิวทิวทัศน์สักเท่าไรนักเพราะมัวแต่เก็บข้อมูลของไอหมอกและสอดส่องพฤติกรรมของเขา
“ไร่ชาของพี่หมอกบรรยากาศดีมากเลยนะคะ ไม่แปลกใจ ทำไมถึงได้รางวัลบ่อย”
สายรุ้งไล่สายตามองไปตามทางเห็นยอดใบชาเขียวขจีก็อดจะชื่นชมเจ้าของไร่ไม่ได้ ไร่ชาของไอหมอกได้รับรางวัลมากมายและได้รางวัลชนะเลิศในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องของบรรยากาศที่ใคร ๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยและบรรยากาศดีมาก ติดหนึ่งในสิบสถานที่น่าเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอีกต่างหาก
“หึ ๆ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย พ่อกับแม่ต่างหากที่ทำ พี่แค่มาดูแลต่อเท่านั้นเอง”
“แล้วตอนนี้พ่อแม่พี่ไปไหน หนูไม่เห็นตั้งหลายวัน”
“ไปเที่ยวรอบโลก อีกนานเลยกว่าจะกลับ ท่านทั้งสองฝากแสดงความเสียใจด้วยนะ ท่านอยากกลับมางานศพของลุงสมบูรณ์เหมือนกันแต่กลับมาไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝากบอกท่านทั้งสองด้วยว่าหนูขอบคุณมาก แต่พี่รับหนูมาอยู่ด้วยแบบนี้ คุณลุงคุณป้าไม่ว่าเหรอ[KR1] คะ”
“ไม่ว่า พี่บอกท่านแล้ว ท่านดีใจด้วยซ้ำที่จะมีลูกสาวเพิ่ม”
“คุณลุงคุณป้าน่ารักจังเลย”
“แน่นอน พ่อแม่พี่ก็เหมือนพี่ น่ารักเหมือนกัน”
“ชมตัวเองก็ได้ด้วยคนเรา หมั่นไส้ได้ไหมเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ๆ เอาที่สบายใจเลย พี่โอเค”
“ชิ”
หล่อนย่นจมูกใส่ชายหนุ่มอย่างน่ารักพร้อมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ไอหมอกเห็นแบบนั้นก็รู้สึกมันเขี้ยวขึ้นมาจึงเอื้อมมือไปลูบที่หัวของสายรุ้งเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่การกระทำของเขากลับทำให้หญิงสาวเขินอายหนักมาก แก้มทั้งสองข้างแดงซ่านาราวกับคนเป็นไข้ หล่อนไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาจึงเบี่ยงสายตาไปมองบรรยากาศข้างทางแทน
ส่วนป้าบัวกับสายใจซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างหลังก็หันมายิ้มให้แก่กันเมื่อได้เห็นความน่ารักของทั้งสองคน โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ดูออกเลยว่าคิดเกินเลยกับเจ้าของไร่ชาอย่างแน่นอน
บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวตะลึงตาค้างกันเลยทีเดียว เพราะไม่เคยได้เข้ามาบริเวณที่พักอาศัยของไอหมอกเลยสักครั้ง เนื่องจากชายหนุ่มกันพื้นที่เป็นสัดส่วนไว้ชัดเจนว่าตรงไหนนักท่องเที่ยวเข้าไปได้และตรงไหนที่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปเพื่อความเป็นส่วนตัว หล่อนจึงไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อน หญิงสาวรู้สึกว่าบ้านที่ตนเองอาศัยอยู่กับบิดาเล็กกระจิดเดียวเมื่อเทียบกับบ้านของเขา
“ไร่ก็สวย บ้านก็สวย โอ๊ย ชอบ” หล่อนกรี๊ดกร๊าดด้วยความชอบใจ มองบ้านใหม่อย่างไม่วางตา
“อย่ามัวแต่ตะลึง รีบไปเข้าบ้านเถอะ ส่วนพวกสัมภาระเดี๋ยวพี่ให้คนงานเอาเข้าไปเอง”
“พี่หมอกให้หนูขนไปเองก็ได้ หนูไม่อยากรบกวน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณหนูสายรุ้ง เดี๋ยวของเหล่านี้ป้ากับนังสายใจจัดการเอง”
“ใช่จ้า คุณสายรุ้งเข้าไปกินข้าวกับคุณหมอกดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ ป้าบัว พี่สายใจ”
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ไอหมอกพาสายรุ้งทัวร์บ้านพร้อมกับชี้แจงว่าห้องไหนเป็นห้องอะไรทั้งข้างบนและข้างล่างเพราะมีสองชั้น บ้านหลังนี้เขาอยู่กับพ่อแม่เพียงสามคนเท่านั้น ส่วนป้าบัว สายใจ ดินแดนที่เป็นผู้จัดการไร่ และคนขับรถอยู่บ้านหลังถัดไปซึ่งมีไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
หลังจากที่ทัวร์บ้านหลังใหม่เสร็จ เจ้าของบ้านก็เชิญสมาชิกใหม่ไปกินข้าวที่ห้องอาหารซึ่งตั้งอยู่ฝั่งของนักท่องเที่ยว เธอกินไปยิ้มไปด้วยความอารมณ์ดีที่มีไอหมอกคอยเอาอกเอาใจ ตักนั่นตักนี่ให้กินตลอด ทำให้ความเศร้าหมองจากการที่ต้องสูญเสียบิดาลดลงไปเยอะเลยทีเดียว
“อาหารอร่อยมากเลย คะแนนสิบเต็มสิบ”
“ขนาดนั้นเชียว อร่อยก็ดีแล้วจะได้กินเยอะ ๆ เราน่ะ ไม่กินข้าวกินปลามากี่วันแล้วตั้งแต่ลุงสมบูรณ์เสีย รู้บ้างไหม”
“โธ่ ก็คนมันเศร้า จะกินอะไรได้ แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว อย่างที่พระท่านว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต มันอยู่ที่ใครจะไปก่อนกัน แต่คนที่ทำให้พ่อต้องตาย หนูจะต้องจัดการมันให้ได้” หญิงสาวคิดอย่างเคียดแค้น
“สายรุ้ง พี่สั่งห้ามไม่ให้เธอยุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด พี่กับตำรวจจะจัดการเอง” เขาเอ่ยเสียงเครียด
“ได้ยังไง คนที่ตายคือพ่อหนูนะ พี่หมอกจะให้หนูอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ เรื่องนี้มันเสี่ยงเกินไป เธอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ๆ พี่จัดการเอง”
“อืม ก็ได้ เรื่องคนร้ายหนูจะให้พี่จัดการ แต่เรื่องดูแลไร่หนูจะทำเอง” เธอรับปากส่ง ๆ แต่ดูเหมือนไอหมอกจะรู้และอ่านความคิดของหล่อนออก จึงพูดดักคอไม่ให้คนในปกครองไปทำอะไรที่มันเสี่ยงต่อชีวิต
“รับปากจริง ๆ ใช่ไหม อย่าให้พี่รู้ทีหลังนะว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่”
“เฮ้อ รับปากจริง ๆ ก็ได้ รู้ทันอีก” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดแล้วหยุดการสนทนาลงเมื่อพนักงานเอาของมาหวานมาเสิร์ฟเพิ่มหลังจบมื้ออาหารคาว สายรุ้งจึงตักของหวานใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย หาได้สนใจสายตาดุ ๆ ของผู้ปกครองคนใหม่แม้แต่น้อย
ไอหมอกจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ เห็นทีเขาต้องคอยจับตาดูหญิงสาวตรงหน้าไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่เพราะดูจากท่าทางแล้วหล่อนดื้อและเอาแต่ใจพอสมควร
เขารับปากลุงสมบูรณ์ไว้แล้วว่าจะดูแลลูกสาวของท่านให้ดีเพราะฉะนั้นจะไม่ยอมเสียคำพูดเด็ดขาด ไม่ว่าหล่อนจะดื้อสักเพียงใดเขานี่แหละจะเป็นคนปราบพยศเอง ไอหมอกคิดอย่างมาดมั่นแล้วยิ้มตรงมุมปากราวกับตนเองกำลังได้ชัยชนะ
ต่างจากอีกคนที่ทำหน้ามีความสุขกับของกิน แต่ในความเป็นจริงหล่อนกำลังคิดหาวิธีแก้แค้นให้บิดาต่างหาก ไม่ได้กลัวคำขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย แค้นนี้ต้องชำระ ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหล่อนมาตลอดหลังจากที่บิดาหมดลมหายใจ