EP.2 HATE YOUR LOVE แค้นร้ายพ่ายรัก
“อีแพร!” เสียงอีลิปและอีเอมเรียกชื่อฉันดังขึ้นพร้อมกัน
“พอเลยนะ ถ้าตบสนั่นเมืองแบบนี้ มึงโดนพักการเรียนยาว ๆ แน่” นังเอม ตุ๊ดผู้รักความสงบรีบส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยทันที
“ก็จริงอีแพร ครั้งที่แล้วมึงก็ไปมีเรื่องกับยายบีบีคณะสังคมแย่งโต๊ะลานกิจกรรม วันนี้จะตบเพราะหวงพีท คณบดีเรียกมึงไม่พักแน่” ยายลิปดายิ้มแห้ง ๆ ให้ฉัน
“เออ ๆ กูจะพยายามทำตัวเป็นเด็กดีของพวกมึงละกัน โอเคนะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างจริงใจให้เพื่อนรักทั้งสอง
“อย่ายิ้มเลย กูไม่ชิน” ยายลิปดารีบหันหน้าหนีทันที
นี่ถ้าไม่นับว่าพวกมันเป็นเพื่อน ฉันก็คงตบไปด้วยละ กวนทีนเหลือเกิน
ฉันเรียนเสร็จเร็วกว่าพีทประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็เลยแวะมานั่งรอที่ร้านกาแฟใต้คณะเขา
ก็มีโต๊ะของนิสิตวิศวะการบินนั่งกันอยู่สองสามคน แต่พวกนั้นเหลือบมองทางฉันตลอด
“ที่ไอ้พีทไม่ยอมเป็นประธานรุ่นก็เพราะคนนี้แหละ” แถมยังคงกระซิบเรื่องของฉัน
ฉันก็พยายามจะไม่ใส่ใจแล้วนะ เพราะไม่อยากจะดังในเรื่องแย่ ๆ ไปมากกว่านี้
“สวยสัส แต่ดูหยิ่งและนิสัย...” อีกคนก็พูดเสริมทันที แต่จู่ ๆ กลับหยุดไปเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้ามาใกล้
“มองทำไมหรอ หน้าเหมือนแม่ (มึง) รึไง” ฉันพูดขึ้นลอย ๆ ขณะเดินกลับจากสั่งกาแฟและหยุดตรงโต๊ะนั้นเล็กน้อย
ฉันหยุดตรงโต๊ะนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปแบะปากใส่แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองนิ่ง ๆ พวกมันทุกคนเลยเงียบกริบและหยุดนินทาฉันทันที แต่เอาเหอะ ถึงอยากจะมีปัญหาเอามาก ๆ ก็ต้องนึกถึงคำเตือนของยายลิปดากับอีเอมไว้ก่อน พักการเรียน ๆๆ ท่องไว้ ๆ
สักพักก็มีกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงปีหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มียายเด็กสายรหัสขี้อ่อยรวมอยู่ด้วย
“น้องซิน น้องพลอย น้องแก้ว” เสียงพวกผู้ชายที่นินทาฉันเมื่อกี้เอ่ยทักรุ่นน้องตัวเองอย่างเป็นมิตรปนหื่น ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ ๆ” แล้วพวกนั้นก็ไหว้กันอย่างมีมารยาท
จนกระทั่งทั้งสามคนหันมาเจอฉันที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอยู่ด้วยใบหน้าจิก ๆ ซึ่งนั่นคือหน้าปกติอยู่แล้วน่ะนะ
“นั่นมัน...” เพื่อนคนหนึ่งของยายเด็กนั่นสะกิดเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทันที
ส่วนเจ้าตัวก็ดูจะหลบสายตาและกล้าๆ กลัว ๆ หน่อย ๆ
แล้วพวกนางเลยรีบมาสั่งกาแฟและเลือกเป็นแบบ take home แทน ไม่ยอมนั่งดื่มที่นี่เพราะอะไรไม่ทราบได้ แต่ฉันก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“น้องซิน หน้าหวานแบบนี้แต่กินกาแฟเข้มจังนะครับ” เสียงไอ้พวกผู้ชายนั้นเอ่ยถาม
“ออ... คือ... ค่ะ” ยายนั่นก็พยักหน้ายิ้มแหย ฉันซึ่งเงยหน้าจิบกาแฟพอดีเลยมองไปที่แก้วเซรามิกลายหงส์นั้นพลาง ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร สักพักพวกนางจึงรีบเดินกันออกไป
ผ่านไปแค่ห้านาที พีทและนาทีก็เดินมาด้วยกัน
“เรียนเป็นไงบ้าง แพร” พีทถามฉันขณะที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ได้
แต่ยังไม่ทันที่จะยิ้มออกมา ฉันก็สะดุดเข้ากับแก้วกาแฟเซรามิกลายหงส์ที่ยังอุ่น ๆ อยู่
ขณะที่พีทกำลังจะดื่ม
“นี่มันอะไรอะ” ฉันตวาดขึ้นและ…
ฟุบบบ!! กระชากมือของพีททันที
“โอ๊ยย!! แพร มันร้อนนะ” น้ำร้อนกระฉอกโดนริมฝีปากของพีทเล็กน้อย
“ใครให้มา” ฉันถามพีทอย่างพยายามข่มอารมณ์
“แพร มันร้อนนะ” พีทที่ริมฝีปากแดง ๆ เพราะโดนกาแฟร้อน ๆ นั่นเล็กน้อยเรียกชื่อฉันราวกับไม่พอใจ
“ใครให้พีทมา!” ฉันตวาดลั่นร้าน
พีทกำหมัดแน่น ฉันก็แอบตกใจเหมือนกันที่กาแฟร้อนนั่นโดนริมฝีปากของเขาจนแดงไปหมด
“แพรใจเย็นก่อนดิ แค่กาแฟเอง” นาทีรีบเดินกลับมาจากเคาน์เตอร์แล้วดึงตัวฉันออกห่างทันที
“อีเด็กนั่นมันให้มาใช่ไหม” ฉันมองไปที่กาแฟแก้วนั้น
ก่อนหยิบมันขึ้นมาและมองหน้าพีท
“อย่าทำนะแพร” พีทพูดขึ้นนิ่ง ๆ เพราะรู้ทันว่าเวลาโกรธฉันชอบทำอะไร ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ ร้านที่มีทั้งพนักงานและลูกค้าต่างมองมาทางเรา
แต่ฉันไม่สนใจ!!
เพล้ง!! ฉันปาแก้วนั้นลงพื้นให้แตกละเอียด
พีทหลับตาสนิท ก่อนจะกำหมัดแน่นและเดินออกไปจากร้านทันที
“กลับมานะ พีท!!” ฉันตะโกนตามหลังพีท แต่พอจะวิ่งตามไปก็ถูกนาทีเดินมาขวางไว้ก่อน
“แพร มีสติหน่อยได้ไหม” นาทีจับต้นแขนของฉันเอาไว้
ฉันก็มองเพื่อนอย่างไม่พอใจ
“วันนี้ไอ้พีทมีพรีเซนต์งานโปรเจกต์ มันเครียดมาตั้งแต่เมื่อคืนเพราะกลัวว่าจะไม่ผ่าน อาจารย์กดดันเรามาก แพรเคยรู้ไหม?” อีกฝ่ายพูดเชิงเตือนสติฉัน
“ไม่รู้” ฉันขึ้นเสียงกลับ แต่ก็คิดตามที่นาทีพูด
“ไม่รู้ แล้วดูน้องซินสิ เป็นแค่หลานรหัสยังมีน้ำใจซื้อกาแฟร้อนมาให้เพราะเห็นว่าเครียดจนไม่ยอมกินอะไรเลย แพรล่ะ เป็นแฟนมันแท้ๆ เคยทำอะไรดี ๆ ให้ไหม เคยใส่ใจมันไหม พีทก็อายเป็นนะ โดนแพรหักหน้ากลางสาธารณะกี่ครั้งแล้ว มันก็มีหัวใจนะแพร ทีขอเตือนในฐานะเพื่อนกันเพราะไม่มีใครสามารถพูดตรง ๆ กับแพรได้เลย แพรไม่ฟังใครเลย” นาทีเขย่าแขนของฉันอย่างเรียกสติ
ขณะที่พนักงานในร้านก็เดินเข้ามากวาดแก้วกาแฟที่แตกอยู่ตรงพื้น
“ผมขอโทษด้วยนะครับ” เขาพูดกับพนักงานอย่างใจเย็น ก่อนจะยื่นเงินให้เธอตอบแทน
นาทีหันมามองฉันเล็กน้อย จากนั้นจึงดึงแขนฉันให้เดินออกจากร้านและกลับพร้อมกับมันแทน
เพราะพีทขับรถกลับไปตั้งนานแล้ว ทำให้นาทีต้องพาฉันมาส่งคอนโดเอง
“พีทรักเธอ แล้วจะระแวงมันทำไมอีก” ไอ้นาทีหันมาถอนหายใจพลางพูดกับฉัน
“ขับรถไปเถอะ พูดมาก” ฉันปัดใบหน้าของนาทีให้หันไปมองถนน
“ทำตัวให้มันดี ๆ น่ารัก ๆ หน่อย มีโหมดหวาน ๆ บ้างสิ นี่เตือนเพราะเป็นห่วงนะเว้ย” ไอ้นาทียังคงพูดบ่นจนมาถึงคอนโดนั่นแหละ
“ฉันรู้หรอกน่า” ฉันยักคิ้วเล็กน้อย
และฉันกับมันก็เดินแยกกันไปตามห้องของตัวเอง
แต่ฉันเลือกที่จะเดินไป... ง้อพีทก่อนน่ะสิ ถึงจะร้ายแต่ก็แคร์เขามากนะ
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่องง ๆๆๆๆๆ ฉันกดออดประตูรัว ๆ เพราะกดดี ๆ แล้วพีทไม่ยอมเปิดหนิ
แอ๊ด...
ก่อนแทรกตัวเข้ามาในห้องทันที
ทว่าพีทก็ยังคงนิ่ง
ฟุ่บบบ ฉันเลยพุ่งเข้ากอดเขาเอาไว้
“หายโกรธได้แล้วน้าพีท แพรขอโทษ” ฉันพูดจาอ้อน ๆ
แต่พีทกลับนิ่ง ฉันก็ค่อย ๆ คลายอ้อมกอดและเงยหน้ามองตาแป๋ว
ส่วนพีทไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่เงียบ
“อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวแพรไปซื้อมาให้” ฉันถามพีท และทำปากจู๋ ๆ เล็กน้อยอย่างอ้อน ๆ
“ไม่อะ พีทส่ายหน้าเบา ๆ
“ทำไม อิ่มกาแฟนั่นแล้วรึไง” ฉันชักสีหน้าทันที เพราะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จริง ๆ
“เจ็บปาก” พีทพูดพลางมองฉันอย่างตำหนิ และลูบกลีบปากที่แดงขึ้นเล็กน้อยของตัวเอง
“จริงด้วย ปากนายแดงหมดเลย” ฉันค่อย ๆ ลูบริมฝีปากพีทด้วยความรู้สึกผิด
“แพร ขอโทษนะพีท แพร…” จากนั้นจึงพูดเบา ๆ พลางก้มหน้า
เฮ้ออออ พีทถอนหายใจ ก่อนจะดันหลังฉันเข้ามาในห้องและดึงประตูห้องปิดลง
“ทำโจ๊กให้กินก็พอ” พีทลูบหลังของฉันอย่างไม่ถือสา
ฉันก็พยักหน้ารับ และรีบเดินเข้าครัวไปทันที
แฟนฉันเนี่ยนะ เขาเป็นคนโกรธยากแต่หายเร็ว ฉันค่อย ๆ เป่าโจ๊กจนมันเย็นแล้วป้อนช้า ๆ พีทยิ้มชมในฝีมือการทำเล็กน้อย
“แค่ฉีกซองและเทน้ำร้อนก็อร่อยแล้วเหรอ” ฉันมองพีทอย่างทักท้วง แต่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ก่อนยื่นแก้วน้ำเปล่าให้หลังจากที่เขากินมันจนหมดถ้วยจริง ๆ
หลังจากนั้นเราเลยนั่งดูหนังกันไปเรื่อย ๆ
โดยโทรศัพท์ของพีทก็ยังคงมีแจ้งเตือนตลอด
ซึ่งฉันรีบหยิบมาเปิดดูทันที พีทไม่เคยหวงเรื่องโทรศัพท์กับฉันและสามารถเช็กได้ทุกอย่าง
ในมหาลัยของฉันเนี่ย คณะของพีทนับถือเรื่องสายรหัสและความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมากที่สุด เพราะไม่ค่อยมีคนเรียน เรียกว่าน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้