One Night One Love ❤️ดวงใจรามสูร <4>ความสุขของเจ้าหญิงตัวน้อย

2264 คำ
เช้าวันต่อมา โรงพยาบาล N แววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย “ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย “วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ” เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปาก ในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ผิดสัญญาจนได้เมื่อหม่อนไหมก้มหน้าลงปล่อยให้หยดน้ำตาไหลร่วงลงมาอย่างไม่อาจหักห้าม แกรก แอด เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้หม่อนไหมที่กำลังก้มหน้าร้องไห้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนทันทีขนตายาวราวกับปีกผีเสื้อขยับเบาๆไล่หยดน้ำตาให้กลิ้งหล่นบนแก้มเนียน แววตาที่หม่นเศร้าก่อนหน้านี้สุกใสเป็นประกายด้วยความดีใจเมื่อคนที่หม่อนไหมเฝ้ารอคอยยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว “พี่ชาย” เพียงแค่ได้เห็นหน้ารามสูรหม่อนไหมก็ดีใจจนยิ้มกว้างออกมาทันทีร่างเล็กบอบบางกระโดดลงจากเตียงคนไข้ท่ามกลางความตกใจของช่อแก้ว ก่อนที่หม่อนไหมจะวิ่งเข้าไปหารามสูรที่ย่อตัวลงรับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้างในยามนี้หม่อนไหมรู้สึกเบิกบานใจราวกับในที่สุดเธอก็ค้นพบความสุขที่เข้ามาแทนที่ความเศร้าเสียใจของเธอแล้วนั่นก็คือพี่ชายที่แสนดีคนนี้ “ร้องไห้ทำไมคะเด็กขี้แยไหนหนูหม่อนสัญญากับพี่ชายแล้วว่าจะไม่ร้องไห้” สองมือยกขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางของเด็กสาวอย่างปลอบโยนปากก็เอ่ยถามเด็กสาวที่เอาแต่ซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ก่อนที่สองมือเล็กที่โอบรอบคอของรามสูรอยู่จะรีบยกขึ้นเช็ดหยดน้ำตาอุ่นๆออกจากใบหน้าของเธอจนหมดจด “หนูหม่อนเปล่าร้องไห้สักหน่อย” เมื่อเช็ดน้ำตาจนไม่หลงเหลือคราบแล้วหม่อนไหมก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับรามสูรอย่างสดใสราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ รามสูรซ่อนแววยิ้มในดวงตาแสร้งทำท่าจนใจเมื่อดวงตาคู่งามของหม่อนไหมเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ใสซื่อไร้เดียงสาปกปิดหยดน้ำตาที่รินไหลก่อนหน้านี้ “ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ ว่าแต่ทำไมตาหนูหม่อนถึงแดงแบบนั้นล่ะคะ” รามสูรเอ่ยถามเด็กสาวด้วยใบหน้าที่จริงจังทว่าน้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นอ่อนโยนจนเธอใจสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าแอบร้องไห้ “พี่ชาย หนูหม่อนไม่ได้ร้องไห้จริงๆนะคะ” เด็กสาวไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยปฏิเสธเขาอย่างแข็งขันไม่สามารถปกปิดดวงตาคู่งามของเธอที่ปรากฏแววบวมช้ำเล็กน้อยเอาไว้ได้เลย “โอเคค่ะ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง” รามสูรไม่เซ้าซี้สาวน้อยแก้มแดงให้รู้สึกอึดอัดใจอีกต่อไปเขาอุ้มเด็กสาวขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะเดินไปที่เตียงคนไข้และปล่อยให้เธอนั่งลงบนเตียงพร้อมกับเหลือบมองข้าวต้มหมูที่เหลืออยู่เต็มถ้วยเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เจไดลูกน้องของวายุที่คอยดูแลรามสูรจะเดินถือกล่องอาหารเข้ามาส่งให้ช่อแก้วที่รีบรับไปจัดเตรียมมื้อเช้าให้หม่อนไหมทันที “วันนี้พี่ชายทำมื้อเช้ามาฝากหนูหม่อนด้วยนะคะ” “จริงเหรอคะ เย่ เย่ เย่ หนูหม่อนไม่ต้องกินข้าวต้มหมูแล้ว” หม่อนไหมร้องขึ้นด้วยความดีใจเมื่อช่อแก้วเข็นโต๊ะกินข้าวสำหรับผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทานมาตรงหน้าของเด็กสาวที่แววตาสดใสเป็นประกายชวนให้หัวใจของรามสูรพลันอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด “มื้อเช้าของหนูหม่อนวันนี้มีไข่ต้มยัดไส้ กับข้าวผัดกุ้งค่ะ ถึงพี่ชายจะทำกับข้าวไม่เก่งแต่พี่ชายตั้งใจทำมื้อเช้าให้หนูหม่อนสุดฝีมือเลยนะคะ” รามสูรบอกเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแววตาที่กำลังมองสบกับหม่อนไหมเต็มไปด้วยความจริงใจทำให้หม่อนไหมค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนที่มือเล็กดูบอบบางจะหยิบช้อนขึ้นมาและตักข้าวผัดคำโตส่งเข้าปากทำเอารามสูรได้แต่ยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดู “กับข้าวฝีมือพี่ชายอร่อยที่สุดเลยคะ” หม่อนไหมเอ่ยชมฝีมือของรามสูรทั้ง ๆ ที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆด้วยความเอร็ดอร่อยก่อนที่รามสูรจะวางแก้วน้ำส้มคั้นที่เขาลงมื้อคั้นเองกับมือข้างๆจานข้าวของหม่อนไหม “ค่อยๆทานนะคะเดี๋ยวจะสำลัก” เด็กสาวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงสร้างรอยยิ้มให้แก่ช่อแก้วที่ดีใจเป็นอย่างมากที่หม่อนไหมทานมื้อเช้าได้มากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ถึงแม้เธอจะเพิ่งมารับหน้าที่ดูแลเด็กสาวในช่วงที่พ่อเลี้ยงแสงหล้ากับแม่เลี้ยงเอื้องคำกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ แต่ท่านทั้งสองได้บอกกับเธอแล้วว่าหม่อนไหมไม่ค่อยทานอาหารฝากให้เธอดูแลและซื้อมื้อเช้าที่เป็นของโปรดของหม่อนไหมมาให้ด้วยซึ่งช่อแก้วก็รับปากท่านทั้งสองว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนว่าดีที่สุดของเธอคงจะดีไม่เท่าคุณหนูรามสูรที่ทั้งเอาใจและใส่ใจเด็กสาวทุกอย่างทำให้ช่อแก้วรู้สึกดีใจมากที่ใบหน้าหมองเศร้าของเด็กสาวในวันแรกที่ได้พบกันค่อยๆแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่สดใส “ทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพาหนูหม่อนออกไปเดินเล่นย่อยอาหารกันแล้วค่ะ” หม่อนไหมยิ้มรับด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก “วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนหนูหม่อนทั้งวันใช่ไหมคะ” เด็กสาวมองหน้าพี่ชายอย่างรอคอยคำตอบหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นรามสูรเงียบไปนานก่อนที่มือเล็กของหม่อนไหมจะยื่นมาจับมือของรามสูรเอาไว้พร้อมกับสบสายตาคมของพี่ชายอย่างออดอ้อน การกระทำของหม่อนไหมทำให้กระแสคลื่นบางอย่างไหลวนกระทบกลางใจของรามสูรอย่างไร้สุ้มเสียงบรรยากาศรอบข้างพลันเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจของรามสูรอุ่นอวลตามไปด้วย “ใช่แล้วค่ะ วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นกับหนูหม่อนทั้งวันจนกว่าหนูหม่อนจะเข้านอนเลยดีไหมคะ” “เย่ เย่ ขอบคุณค่ะพี่ชาย หนูหม่อนดีใจที่สุดเลย” หม่อนไหมขอบคุณรามสูรด้วยความตื้นตันใจหัวใจดวงน้อยๆของเด็กสาวอัดแน่นไปด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นอกจากคำว่าเธอดีใจมากเหลือเกินที่มีเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นเคียงข้างกันในวันที่เธอกำลังเศร้าโศกเสียใจ “ไปค่ะ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า” เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็รีบชูแขนขึ้นทันทีก่อนที่รามสูรจะอุ้มเธอลงนั่งบนรถเข็นและเข็นรถพาเธอเดินออกไปยังด้านนอกโรงพยาบาลที่อากาศยังคงสดใสเหมือนเดิม เมื่อรามสูรเข็นรถพาหม่อนไหมเข้ามาที่สนามเด็กเล่นอยู่ ๆ ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งกลับค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นก่อนที่หยาดฝนจะโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้รามสูรรีบมองหาที่หลบฝนทันที ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นบ้านสายรุ้งที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามเด็กเล่นรามสูรก็รีบอุ้มหม่อนไหมไว้ในอ้อมแขนและวิ่งพาเธอขึ้นไปหลบฝนข้างบนบ้านของเล่นหลังน้อยทันที “พี่ชายหนูหม่อนกลัว กรี๊ดดด” เสียงฟ้าที่ผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่นานสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักหม่อนไหมได้แต่ยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัว วงแขนแกร่งของรามสูรวาดออกไปโอบรั้งร่างเล็กบอบบางให้เข้ามาแนบชิดพร้อมกับลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของเด็กน้อยไปมาเบาๆอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องกลัวนะคะเด็กดีพี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว” คำพูดปลอบประโลมที่แสนอ่อนโยนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อยของหม่อนไหมให้รู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งดวงก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆคลายความหวาดกลัวและเอียงศีรษะเล็กซบไหล่รามสูรในที่สุด “ระหว่างที่รอฝนพี่ชายเล่านิทานให้หนูหม่อนฟังดีไหมคะ” คำพูดของรามสูรทำให้หม่อนไหมที่กำลังหลับตาเพราะความกลัวค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนที่เด็กสาวจะเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมคายของรามสูรที่หันมาสบตากับเธอเข้าพอดี “ไม่เอานิทานเรื่องเมื่อวานนะคะ พี่ชายเล่าสามรอบจนหนูหม่อนจำได้หมดแล้วค่ะ” รอยยิ้มของรามสูรค่อยๆหุบลงทันทีเมื่อถูกเด็กสาวว่าเข้าให้เรื่องที่เขาเล่านิทานเรื่องเดิมให้เธอฟังก่อนนอนถึงสามรอบซึ่งตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ นิทานที่เคยเล่าให้กอหญ้าฟังก่อนนอนตอนเด็กเขาก็ลืมไปหมดแล้วเพราะเขาไม่ได้สนใจที่จะจำมากนัก เขาจำได้เพียงเรื่องเดียวที่แม่แก้มใสชอบเล่าให้ฟังก่อนนอนเท่านั้นเหตุผลที่เขาจำได้ขึ้นใจก็คงเป็นเพราะว่าแม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิมให้พวกเขาฟังแทบทุกวัน แต่เขาก็มารู้ทีหลังว่าเหตุผลที่แม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิม ๆ ให้เขากับน้องสาวฝาแฝดฟังทุกวันเป็นเพราะว่าช่วงนั้นเขาสองพี่น้องกำลังทะเลาะกันอยู่แถมยังหยุมหัวกันจนแทบหลุดเลยล่ะ “ไม่ใช่เรื่องเดิมแน่นอนค่ะ เรื่องนี้เรื่องใหม่ล่าสุดเลยหนูหม่อนยังไม่เคยได้ฟังแน่นอนค่ะ” แววตาของเด็กสาวฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อรามสูรบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ล่าสุดซึ่งใหม่ที่ว่านี้ก็เพราะรามสูรคิดขึ้นมาเองและกำลังเรียบเรียงเนื้อเรื่องอยู่ในหัวตอนนี้อย่างไรล่ะ “เรื่องนี้ชื่อว่า คำอธิษฐานของเจ้าหญิงตัวน้อย” กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..... รามสูรเริ่มต้นเล่านิทานที่ตัวเขาเองเป็นคนแต่งขึ้นมาอย่างไหลลื่นเพราะในหัวของเขาเรียบเรียงเนื้อหาเสร็จสรรพตั้งแต่ตอนที่เขาบอกหม่อนไหมแล้วว่าจะเล่านิทานให้เธอฟัง เสียงที่ไพเราะรื่นหูของรามสูรราวกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ดวงตากลมโตของสาวน้อยค่อย ๆ ปิดลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด ซึ่งก่อนที่เธอจะหลับหม่อนไหมจำได้เพียงแค่รามสูรหันมาถามเธอว่าถ้าเธอเป็นเจ้าหญิงเธอจะอธิษฐานขอพรสิ่งใดจากดวงดาว ถึงแม้เธอจะไม่ได้เปล่งเสียงตอบออกไปแต่ในใจของเธอตอนนั้นอธิษฐานต่อดวงดาวว่า “ขอให้พี่ชายอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป” “อ้าว หลับซะแล้วหรือนิทานที่เราแต่งมันไม่สนุกวะ” รามสูรพึมพำเสียงเบาเมื่อเขาเล่านิทานจบก็พบว่าหม่อนไหมหลับไปแล้วมือใหญ่พลันยกขึ้นลูบผมนุ่มของเด็กสาวเบาๆด้วยความเอ็นดูพร้อมกับนึกถึงนิทานที่เขาเพิ่งเล่าจบไป ถ้าหากเขาเป็นเจ้าชายในนิทานเขาคงอธิษฐานขอพรต่อดวงดาวให้เจ้าหญิงน้อยของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีรอยยิ้มในทุกวัน รอยยิ้มละมุนละไมพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยก่อนที่รามสูรจะเหม่อมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วยหัวใจที่อบอุ่นกรุ่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าความรู้สึกนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม