หลิงเวยที่กำลังหลับใหลอยู่เริ่มสะลึมสะลือปรือตาขึ้นมาด้วยกำลังรู้สึกร้อนแบบแปลกๆ
ก่อนหลับไปนางจำได้ว่าอากาศช่างหนาวเย็น แต่เหตุใดยามนี้ช่างร้อนยิ่งนัก ผ้าห่มที่ควรให้ความอบอุ่นเมื่อร่างกายเหน็บหนาวกลับเกะกะหนาหนักจนนางต้องผลักออกไป
อืม...ร้อน...
หลิงเวยเริ่มเอื้อมมือขึ้นปัดป่ายไปมาเบาๆ ตามใบหน้าตามเนื้อตัว นางลูบคลำเลื่อนไล้ไปตามลำตัวของตนเองอย่างเหม่อลอยด้วยอารมณ์บางอย่างที่ไม่คุ้ยเคย
นางไม่เคยรู้สึกร้อนแบบแปลกๆ เช่นนี้มาก่อน
มันคืออันใด?
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะสรรหาคำตอบให้กับคำถามบางเบาภายใต้จิตสำนักอันน้อยนิดของตน นางเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร้อนจนต้องพยายามปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของตนเองให้ออกไป เพื่อที่ว่ามันจะสามารถคลายความร้อนแบบแปลกๆ นี้ให้เจือจางลงได้
นางเคลื่อนฝ่ามือน้อยๆ ลงต่ำมาที่ผ้าผูกเอวแล้วปลดมันออกในขณะที่นัยน์ตายังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นมองไม่เห็นสิ่งใด นางเปิดสาบเสื้อของตนออกเพียงนิดเพื่อคลายความร้อน
นางมั่นใจว่าเปิดเผยอสาบเสื้อของตนเองแค่เพียงเล็กน้อยก็เท่านั้นแต่ทว่าทำไมถึงได้คล้ายกับว่ามันถูกเปิดออกกว้างมากกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งยังคล้ายกับถูกกระชากให้ออกไปกระนั้น
ไยสาบเสื้อของนางถึงเคลื่อนตัวออกกว้างจนเนินอกของนางล้นออกมาได้กัน
แต่ที่แปลกมากกว่านั้นก็คือสัมผัสบางอย่าง
สัมผัสบางอย่างที่ว่าคือความร้อนชื้นแบบแปลกๆ ความร้อนชื้นที่อยู่กับเนินอกของนาง ทั้งยังมีความร้อนกรุ่นมากมายเนิบนาบอยู่ตามลำตัวของนาง ร่างทั้งร่างของนางคล้ายกับถูกทาบทับด้วยความร้อนผ่าวบางอย่าง
“อืม...” หญิงสาวส่งเสียงผ่านลำคอระหงออกมาเบาๆ ความรู้สึกแปลกใหม่เริ่มเด่นชัด มันร้อนแต่ทว่ารู้สึกดี ก่อเกิดความรู้สึกวาบหวามเกินรำพัน
และเพียงไม่นานความร้อนชื้นตรงเนินอกพลันหายไป ความกรุ่นร้อนที่เลื่อนวนไปมาตามลำตัวของนางเริ่มหนักหน่วง เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่คล้ายกับมิได้ห่อหุ้มเนื้อตัวของนางอีกต่อไป
คำถามบางเบาเกิดขึ้นภายในจิตใต้สำนึกอันน้อยนิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สิ่งที่ทดแทนคำตอบของนางมิใช่เพียงความร้อนที่เกิดจากตัวนางแต่กลับเป็นความร้อนจากภายนอกที่กำลังครอบคลุมนาง
ความร้อนที่ว่าโอบล้อมนางทั้งเรือนกาย ทั้งยังมีความร้อนคล้ายกับลมพ่นเป่าออกมาใส่ใบหน้านาง
และเพียงอึดใจความร้อนผ่าวคล้ายกับก้อนไฟก็นาบลงมาที่กลางลำตัว และเสียดแทงเข้าร่างกายนาง
“อ๊ะ!” หลิงเวยถึงกับหลุดอุทาน
“อ๊ะ!” หญิงสาวร้องออกมาอีกครา ลูกไฟแท่งนั้นสอดแทรกเข้าร่างมาแล้วถอยออกไป
นางรู้สึกเจ็บเสียดช่วงกลางลำตัว
เจ็บแปลบแต่...
“อืม...” เสียงทุ้มต่ำคำรามออกมา เสียงนั้นดังอยู่ใกล้ใบหน้านางพร้อมลมหายใจร้อนกรุ่นพ่นเป่าลงมาแรงๆ
“อ๊ะ!” หลิงเวยร้องออกมาอีกครั้งและครั้งนี้ความรู้สึกแปลกใหม่พลันปรากฏ
คราแรกนางเจ็บ คราที่สองนางก็ยังเจ็บ คราต่อมานางก็ยังเจ็บแต่ทว่าครั้งต่อๆ มาสิ่งที่ร้อนผ่าวคล้ายกับแท่งไฟตรงกลางลำตัวกลับเพิ่มความรู้สึกแปลกประหลาด
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ว่ามันมาพร้อมกับความเจ็บแปลบเสียดสีและความเจ็บหน่วงเสียดเสียว
“อา...” ครานี้เสียงของหลิงเวยพลันเปลี่ยนไปตามความรู้สึกแปลกประหลาดนั้น
ความรู้สึกรุ่มร้อน ความรู้สึกร้อนเร่าที่กำลังโลดเล่นโอบล้อมเรือนกายคล้ายกับจะเผานางให้มอดไหม้ ความรู้สึกเสียดเสียวเมื่อกลางลำตัวถูกเสียดสี จังหวะบางอย่างที่กำลังถาโถมอยู่กลางลำตัว ความรู้สึกเจ็บปวดแต่สร้างความเสียวซ่านมากมาย
นี่นางกำลังเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับนาง
หลิงเวยแหงนหงายใบหน้าร้องครางออกมาตามจังหวะแปลกประหลาดจนร่างบางโยกโยน
หญิงสาวพยายามเรียกสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่มีเพื่อลืมตาถึงแม้ว่าริมฝีปากจะกำลังอ้าเผยอเปล่งเสียงน่าอาย
นางพยายามเหลือเกินที่จะลืมตาขึ้นมา แต่ทุกจังหวะที่กระชับตรงกลางลำตัวทำให้นางต้องหลับตาแน่นแต่อ้าปากออกเพื่อส่งเสียงครวญคราง
เมื่อลืมตามิได้ดังใจนางจึงเอื้อมฝ่ามือขึ้นมาปัดป่ายจนเจอเข้ากับสิ่งหนึ่ง คล้ายกับผิวหนังของบุคคลแต่แข็งขึงตึงแน่น
นางพยายามลืมตาขึ้นมองอย่างสุดชีวิตถึงแม้จะกำลังร้องออกมาตามจังหวะที่ถูกกดดันอยู่กลางแก่นกายจนร่างทั้งร่างโยกโยนขึ้นลงไปมา
และแล้วนางก็ลืมตาได้สำเร็จ ทันใดนั้นดวงตาที่หรี่ปรือครึ่งหลับครึ่งตื่นคล้ายเคลิบเคลิ้มเมื่อครู่พลันเบิกโพลง แสงเทียนที่ถูกจุดเมื่อไหร่มิทราบได้สาดประกายสีเหลืองนวลส่องมา
และนางก็ได้เห็น
เงาร่างบึกบึนใหญ่โตกำลังทอดตัวอยู่เหนือร่างของนาง เงาร่างล่ำสันกำลังขยับอยู่บนเรือนร่างของนาง
เงาร่างที่ว่ากำลังพ่นลมร้อนๆ ใส่ใบหน้านาง เงาร่างที่ว่ากำลังกระทำการบางอย่างกับเรือนกายของนาง
เงาร่างที่ว่ากำลังขยับเรือนกายขึ้นลงแต่กำลังกดกระชับเสียดแทงตรงกลางลำตัวของนาง เงาร่างที่ว่ากำลังมอบความรู้สึกแปลกประหลาดให้ตรงกลางลำตัว
จนนางต้องร้องครวญคราง
อา...นี่คืออันใด!?