ตอนที่ 30 นายท่านกับแผนการก่อนงานประชุม

3660 คำ
หลังจากทานอาหารฝีมือคุณย่าจนอิ่มหนำ เอย์จิก็ไม่คิดจะพักผ่อนอย่างที่ร่างกายต้องการ เขากอดคุณย่าพร้อมหอมแก้มให้ชื่นใจก่อนจะขอตัวออกไปทำธุระที่นัดไว้ต่อ ร่างสูงก้าวขาขึ้นรถหรูคันสีดำเงาที่จอดแน่นิ่งบนลานจอดรถมานานหลายปี นับตั้งแต่ที่เขากลับไทยก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเว้นแต่โดนผู้นำสั่งให้ทำความสะอาดในทุกๆ สัปดาห์ เหล่าคนใช้จึงมีความกล้าแตะต้องสิ่งของของทายาทผู้สืบชื่อตระกูล เอย์จิขับรถออกมาคนเดียวไร้ผู้ติดตามคนสนิทอย่างริวกะ เพราะธุระที่ว่าคือการไปเจอเพื่อนสนิทที่กำลังหัวหมุนอยู่ที่ทำงาน เพื่อหารือเรื่องราวบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในร้านคาเฟ่บรรยากาศดีแห่งหนึ่งในโตเกียวที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านเดินสวนกันไปมาชวนให้ตาลาย อาจด้วยช่วงนี้เพิ่งย่างเข้าสู่เดือนของเทศกาลฮานามิ[1]มาหมาดๆ ผู้คนจึงคับคั่งมากกว่าปกติ ทำให้คาเฟ่หรือร้านอาหารในละแวกนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พนักงานในร้านจึงแทบนั่งไม่ติดพื้น “เอย์จิ! ทางนี้” อาโอะเจ้าของร้านสุดสวยในชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มพร้อมถาดที่แนบข้างลำตัวกำลังเดินไปที่ห้องครัวเพื่อนำเครื่องดื่มและอาหารชุดต่อไปมาเสิร์ฟลูกค้า แต่ทว่าดันเห็นชายอัลฟ่าที่คุ้นเคยกำลังเกาหัวแกรกๆ สับสนไม่รู้จะไปทางไหนจึงเข้าไปสะกิดไหล่ทักเข้า ชายหนุ่มหันไปตามเสียงแล้วจึงใจชื้นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผู้ที่สะกิดตนคือเพื่อนสนิท หาใช่ผู้คนที่ตนเผลอเดินชนไม่ “โทษทีนะ วันนี้ที่ร้านยุ่งมากเลย เธอขึ้นไปรอฉันข้างบนก่อนนะ” ว่าจบโอเมก้าหนุ่มก็ไม่รีรอให้เพื่อนตอบกลับหรือพยักหน้ารับ เขาก็เดินกลับเข้าไปในครัวอย่างไว ทำให้เอย์จิถอนหายใจแล้วเดินขึ้นไปรอบนห้องผู้จัดการที่อยู่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นสูงสุดแทน ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงกว่า ประตูบานหนาจะถูกเปิดออกพร้อมร่างอรชรที่รีบทิ้งกายลงบนโซฟาทันทีอย่างเหนื่อยล้าพลางหอบหายใจถี่ หลังจากที่เดินว่อนบริการลูกค้ามาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าๆ แล้วเพิ่งจะได้พัก “ผมบอกแล้วไงให้จ้างลูกน้องเพิ่ม” ร่างหนาที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟาอีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกล่าวแนะนำพลางยกมุมปากขึ้นหนึ่งข้างอย่างสงสาร “ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งวุ่นวาย ถึงยังไงก็เหนื่อยแค่ช่วงเทศกาล ..แล้วนี่เธอกลับมาวันไหน ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย” ว่าพร้อมผละแผ่นหลังที่อิงกับโซฟาออกกลับมานั่งหลังตรงแล้วใช้มือทุบหลังคอตัวเองเบาๆ “ผมพึ่งมาถึงเมื่อช่วงเช้า พอดีมากะทันหันไปหน่อยเลยไม่ได้บอกใครล่วงหน้า” อาโอะได้ฟังเช่นนั้นก็ยกยิ้มอย่างรู้ทัน “รีบกลับมาขนาดนี้คงไม่พ้นเรื่องงานหมั้นสิท่า” “คุณเองก็เหมือนกันนิ” รอยยิ้มปรากฏออกมาในหน้าแสดงความถึงเท่าทันในความคิดของอีกฝ่ายเช่นกัน “นั่นก็ไม่ผิด” อาโอะหยักไหล่ยอมรับ เพราะเขาเองก็เพิ่งกลับมาจากประเทศไทยก่อนหน้าเอย์จิเพียงหนึ่งเดือน หลังจากที่ได้รับข่าวลับเรื่องการเลื่อนวันหมั้นหมาย เมื่อกลับมาถึงจึงรีบเร่งให้คนสนิทที่ไว้ใจได้สืบเสาะหาแหล่งที่มาและตัวต้นเหตุที่ก่อเรื่องให้วุ่น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอตัวเพียงแต่ได้บุคคลที่ต้องสงสัยมาแล้ว จนกระทั่งเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ผู้นำตระกูลชิราซากิหรือบิดาก็ได้ประกาศกำหนดงานหมั้นของลูกชายสุดที่รักให้คนในตระกูลทราบล่วงหน้า โดยไม่ได้ขอรับการยินยอมจากตัวผู้จะเข้าพิธี ก่อนที่ข่าวนี้จะแล่นออกสู่แวดวงสังคมและหูของนักข่าวในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า อาโอะจึงต้องรีบกลับมาสะสางให้ทันท่วงที และด้วยเหตุนี้อาโอะจึงไม่ขัดข้องเมื่อเพื่อนสนิทโทรนัดปรึกษาเรื่องงานหมั้นหมาย เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็รักกันฉันมิตรแท้ไม่เคยเลยเทิดไปไกลกว่านี้แน่นอน ร่างเล็กถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อ “ก็นะ เรื่องมันวุ่นวายซะขนาดนี้ฉันก็ต้องรีบกลับมาเคลียร์ให้เสร็จๆ ไป ยิ่งพวกแก่หงำเหงือกยิ่งเรื่องมากอยู่ด้วย... แล้วเธอคิดไว้หรือยังว่าจะเอายังไง” ดวงตาคมใสกรอกมองบนอย่างน่ารำคาญแล้วหันกลับมาสนใจเพื่อนต่อ “ไม่มีอะไรยากหรอก ขอแค่ได้เสียงข้างมากจากพวกผู้เฒ่าในตระกูลมาก็พอแล้วหรือไม่ก็ทำให้พวกมันอยู่เงียบๆ ก็พอ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงปกติสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรยาก ทำให้โอเมก้าหน้าใสขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อถือ “ขอให้พวกนั้นเห็นด้วย มันง่ายเหมือนที่เธอพูดที่ไหนกัน” “ผมก็ไม่ได้คิดจะขอตั้งแต่แรกเสียหน่อย” มุมปากหยักยกขึ้นอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม เพียงเท่านั้นก็ทำให้เพื่อนสนิทอย่างอาโอะกระตุกยิ้มตามเพราะรู้ทันว่าเพื่อนจะทำสิ่งใดต่อ “หัวรุนแรงจังนะเธอ” หลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ หลายต่อหลายชั่วโมง ผลัดเปลี่ยนแลกความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายไปมา และเปิดเผยหลักฐานบางส่วนที่ต่างคนต่างเก็บกำไว้ในมือ ตกค่ำเอย์จิกลับมาเอนพักกายบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน แต่กระนั้นงานที่คอยท่าให้ไปทำก็มีมากเสียเหลือเกิน จนแทบแบ่งเวลามาพักสายตาไม่ได้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นติดต่อกันสามสี่ครั้ง เนื่องจากประตูห้องของเอย์จิเป็นประตูบานไม้ ด้วยคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีเฉพาะโครงสร้างแบบแปลนแบบสมัยก่อนทั้งหมด มีหลายจุดที่ตกแต่งแบบร่วมสมัย ซึ่งห้องของเอย์จิเองก็เป็นหนึ่งในนั้น “เข้ามา” เอย์จิพักสายตาได้ไม่ได้นานก็ต้องฝืนลืมตากลับมาทำงานต่อ เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าอนุญาตมือขวาที่อยู่หน้าประตู ก่อนอีกฝ่ายจะเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาลหลายซองในมือ ริวกะรีบสาวเท้าเข้ามายืนทะมึนอยู่เบื้องหน้าเจ้านายก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะหน้าโซฟา แล้วประสานมือไว้ด้านหลังอธิบายข้อมูลที่หามาได้ในระหว่างที่เจ้านายเปิดดูเอกสารด้านในไปด้วย “ตอนนี้คนของเรารวบรวมข้อมูลสำคัญมาได้บางส่วนครับ เพราะข้อมูลที่เป็นเอกสารส่วนมากถูกทำลายทิ้งเกือบหมด” “หึ คงกลัวหัวหดกันอยู่สิท่า” มุมปากกระตุกยิ้มพร้อมไล่สายตาอ่านเอกสารของพวกผู้เฒ่าที่ระบุถึงการทำธุรกิจผิดกฎหมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งค้ามนุษย์ เป็นพ่อค้ากลางในการซื้อขายอาวุธเถื่อน หรือบ้างก็ลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศ ในบางรายแม้ไม่ได้กระทำอันใดที่ผิดกฎหมาย แต่กลับลอบขายข้อมูลของตระกูลใหญ่แก่ตระกูลอื่นๆ หรือแม้แต่เป็นเรื่องราวในครอบครัวเช่นนอกใจภรรยาก็มีเช่นกัน “พวกมึงนี่มันเน่าเฟะกันดีจริงๆ” ว่าพลางส่ายหน้าระอาใจแทน ชายหนุ่มไล่อ่านรายละเอียดในเอกสารแผ่นสีขาวอย่างคร่าวๆ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ แล้วช้อนสายตาคมดุมองลูกน้องหมายจะออกคำสั่ง “ไปหาข้อมูลมาอีก กูต้องการเร็วที่สุด หากอะไรผิดปกติให้รีบกลับมารายงาน” “ครับนาย” แววตาดุดันดุจปีศาจและน้ำเสียงเด็ดขาดน่าสะพรึง ทำให้คนที่มีบุคลิกนิ่งๆ อย่างริวกะลอบกลืนน้ำลายลงคอแล้วตอบรับด้วยเสียงเบาทว่าฟังดูหนักแน่น ก่อนจะค้อมตัวเคารพและถอยหลังเดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านายสู่ลูกน้องในสังกัดอีกที เสียงกรอกแกรกสงบลงตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ดังออกมา แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาเพียงแผ่แผ่นหลังกว้างอิงกับพนักพิงโซฟาเท่านั้น เขายกเรียวนิ้วนวดคลึงสันจมูกเบาๆ พร้อมปิดดวงตาเพื่อลดความล้าแม้จะไม่ได้ช่วยอะไรมาก ปล่อยให้ความคิดอ่านไหลไปตามธรรมชาติก่อนที่จู่ๆ มันจะตกผลึกความคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงขยับมือข้างถนัดงมหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้วหยิบมันออกมา พลันเปิดเปลือกตาที่มัวพร่าดูเวลาในตอนนี้ 17.19 น. “ยังไม่เลิกงานสินะ” เสียงแหบเอ่ยเบาอย่างมีหวัง เมื่อเห็นเวลาของที่นี่ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศไทยราวสองชั่วโมง นั่นก็แสดงว่าตอนนี้คนสวนผู้ห้าวเป้งยังคงไม่กลับบ้าน มือแกร่งมีเส้นเลือดนูนนั่งจับโทรศัพท์ดวงใจโตเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คิดหนักว่าจะโทรกลับไปที่คฤหาสน์ดีหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็อยากได้ยินเสียงของหยดเทียนขึ้นมา หากตัดสินใจโทรไปแล้วจะอ้างพ่อบ้านฮันที่คอยรับสายโทรศัพท์บ้านอย่างไรดีว่าตนต้องการคุยสายกับคนสวน และจะดูไม่มีพิรุธหรือหากให้พ่อบ้านเรียกคนสวนมารับสายเพียงเพราะต้องการสั่งให้ดูแลดอกไม้ดีๆ ห้ามให้มีแมลงมากัดกิน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเพียงการกล่าวอ้างเพื่ออยากได้ยินเสียงก็เท่านั้น “เฮ้อ.. ปวดหัว” ท้ายที่สุดก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงอย่างวุ่นวายใจ เพราะตัดสินใจว่าตนจะไม่โทรไปแล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตาต่อ ทว่าในขณะที่กำลังเคลิ้มเข้าสู่ห่วงนิทรา สมองอันเหนื่อยล้ากก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้งว่าตนนั้นพกสิ่งสำคัญมาด้วย ร่างสูงใหญ่จึงรีบยันกายลุกขึ้นอย่างไวปานมันจะวิ่งหนีจนหน้ามืดเสียหลักเล็กน้อย ทำให้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่จนอาการค่อยๆ ทุเลาลง แล้วจึงเร่งฝ่าเท้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำเหลื่อมราคาแพงที่วางอยู่บนหัวเตียง แล้วรีบคลี่ผ้าผืนบางออก เรียวมือหยิบดอกไม้ขนาดเล็กที่แม้จะเริ่มเหี่ยวเฉา แต่กลิ่นหอมหวนก็ยังกรุ่นจมูกไม่จาง ดอกกันเกราสีเหลืองเข้มตามกาลเวลาที่ถูกใครบางคนทำหล่นใส่หน้าเมื่อครั้งยังไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ เขาแอบเก็บมันเอาไว้อย่างดี ประคบประหงมบนผ้าผืนบาง ไม่ให้ใครแตะต้องและไม่ให้ใครเห็นเว้นแต่ตนคนเดียว ยามยกขึ้นสูดดมกลิ่นหอมคราใดมักเชิญชวนให้หวนระลึกถึงร่างบางร่างที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังนั่งเหงาคุยกับดอกไม้แทนเขาอยู่หรือเปล่า เปลือกตาอันหนักอึ้งเริ่มกระเพื่อมพริ้มขึ้นลงอย่างเชื่องช้า กลิ่นหอมอ่อนเฉกเช่นกลิ่นกายและสัมผัสตักอันนุ่มนิ่มที่ติดตรึงในใจ ทำให้ชายหนุ่มคล้อยหลับเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างสบายใจพร้อมกับดอกไม้ที่ส่งกลิ่นอวลวางอยู่บนอก ... หลังจากนั้นราวหนึ่งอาทิตย์ แผนสำรองของเอย์จิที่เร่งให้พรรคพวกใต้บัญชารวบรวมข้อมูลสำคัญก็นับว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสั่งให้หยุดค้นหา แม้จะผิดหวังที่ได้หลักฐานมาไม่ครบจบตามที่ต้องการ แต่กระนั้นเอย์จิก็พอเข้าใจได้ เพราะเป็นข้อมูลลับที่ทรงผลต่ออนาคตของตระกูลตนจึงถูกเก็บงำมันไว้อย่างดีบ้างก็ทำลายไปแล้วก็มี แต่ทว่าถึงแม้จะมีไม่ครบถ้วน แต่ก็มีประสิทธิผลมากพอที่จะสามารถควบคุมพวกผู้เฒ่าไม่ให้เข้ามาพันแขนพันขาในงานประชุมครั้งนี้ได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาเหล่านี้เป็นเหตุให้วันนี้เอย์จิและริวกะมือขวา ออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนเหล่าผู้เฒ่าในตระกูลตามแผนการที่วางไว้พร้อมกับนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากตามฉบับทายาทผู้อ่อนน้อม (?) ซึ่งตระกูลแรกที่โดนโชคใหญ่หล่นทับหลังคาก็คือ ตระกูลอิซาโอะ ซึ่งมีผู้นำเป็นหนึ่งในท่านผู้เฒ่าที่ออกแรงสนับสนุนให้เลื่อนงานหมั้นเข้ามาอย่างออกหน้าออกตา อีกทั้งยังเห็นว่าเขาเป็นผู้นำแสนขี้ขลาด โลเลและชอบประจบสอพลอผู้มีอิทธิพลในตระกูลใหญ่ เอย์จิจึงเล็งเห็นว่าผู้เฒ่าหงำเหงือกคนนี้เหมาะสมแก่การเปิดฤกษ์ยามใส่กุญแจมือควบคุมผู้ร้ายมากที่สุดแล้ว “ท่านทายาทจะมาเยี่ยมเยียนกัน ทำไมถึงไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าก่อนล่ะครับ ..ผมจะได้ให้คนตระเตรียมห้องรับรองที่ดีกว่านี้ให้” อิซาโอะ โรคุ ผู้นำตระกูลอิซาโอะในชุดผ้าคลุมยิ้มเจื่อน เมื่อเห็นว่าแขกที่คนใช้ขึ้นไปเคาะประตูรายงานขัดจังหวะการเสพสมกามกับโอเมก้าร่างหอมคือผู้ใดก็ยืนนิ่งเหงือกสั่น แต่เพราะรู้มาว่าท่านทายาทคือผู้นอบน้อมนัก หลายครั้งที่เออออตามผู้ใหญ่คนตระกูลจึงคิดว่า ท่านทายาทผู้นี้อาจไม่อันตรายอย่างที่หวาดกลัวหรอกกระมัง.. ริวกะยืนนิ่งคอยจ้องมองลูกน้องของอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ พร้อมกับเอย์จิยิ้มตาปิดพลางวางมือที่สอดประสานกันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยตอบ “ต้องขออภัยท่านอิซาโอะจริงๆ ครับที่มากะทันหัน แต่พอดีผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องการปรึกษากับท่านผู้เฒ่าน่ะครับเลยรีบไปหน่อย หวังว่าคงไม่ถือสากัน” “ฮะๆ ไม่เป็นไรเลยครับ” หัวเราะฝืดก่อนตอบ “นั่งก่อนสิครับ ยืนคุยกันคงไม่สะดวกเท่าไหร่” น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้อัลฟ่าเฒ่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนผู้นี้ควบคุมได้ง่ายอย่างที่เขาเล่าลือมาจริงๆ หรือเปล่า? โรคุลอบถอนหายใจก่อนค่อยๆ นั่งลงตามคำสั่งประจันหน้ากับท่านทายาทกันตรงๆ ทั้งที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของตระกูลอิซาโอะแท้ๆ แต่ผู้นำเช่นเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย “เข้าเรื่องกันเลยนะครับ อย่างที่ท่านทราบดีว่างานหมั้นของผมถูกเลื่อนเข้ามากะทันหันและจะถูกจัดในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า ตามการเห็นชอบของทั้งสองตระกูล แต่...” เสียงเข้มลากตัวเอื่อยพลางโน้มตัวมาด้านหน้าเพื่อเหลือบมองดวงตาสั่นระริกแล้วยกมุมปากยิ้ม “ท่านก็ทราบดีเช่นกันใช่ไหมครับว่าการเลื่อนงานครั้งนี้ไม่ได้รับการความยินยอมจากผม ซึ่งว่ากันง่ายๆ คือเหล่าผู้เฒ่าพยายามปิดบังเรื่องนี้เอาไว้แล้วคลุมถุงชน ผมพูดถูกไหมครับ?” “มะ ไม่ได้ปกปิดหรอกครับ เพียงแต่..ท่านผู้เฒ่ามีความเห็นตรงต้องกันว่ายังไม่ถึงฤกษ์แจ้งให้ท่านทายาททราบ กะ ก็เท่านั้น...” ‘ทั้งที่อีกสามอาทิตย์ข้างหน้างานจะเริ่มแล้วเนี่ยนะ? ’ เอย์จิคิดในใจ ใบหน้าถอดสีและเสียงสั่นคลอนต่อให้เขาอุดหูแล้วมองก็รู้ดีว่า นี่เป็นเพียงคำโป้ปดที่แต่งเติมให้สวยหรูก็เท่านั้น หาได้มีความจริงอะไรทั้งสิ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านอิซาโอะก็เห็นด้วยหรือครับ” “...” คราวนี้โรคุนั่งนิ่งเงียบกลอกตาไปมาหาทางออก ซึ่งนี่ก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของเอย์จิเช่นกัน “เอาเถอะครับ ถึงยังไงท่านก็เพิ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในสิบสองผู้เฒ่าได้ไม่นาน ย่อมไม่มีสิทธิคัดค้านพวกมากอำนาจที่อยู่มาก่อนอยู่แล้ว” “เป็นอย่างที่ท่านเอย์จิว่าครับ!” ชายวัยกลางคนยิ้มแหยพร้อมกับเอามือถูกันคลายความกดดัน “ถ้าอย่างนั้นท่านอิซาโอะช่วยอะไรผมสักอย่างหน่อยได้ไหมครับ” รอยยิ้มอันเป็นมิตรผิดกับดวงตาอันน่าสะพรึงบ่งบอกคู่สนทนาให้รู้ซึ้งว่า นี่ไม่ใช่การขออย่างประนีประนอมแต่อย่างใด กลับกันมันคือการเตือนอย่างหนึ่งก่อนมัดมือชกต่างหาก “ผมเต็มใจช่วยท่านเอย์จิเสมอครับ..” ยามมองลึกเข้าไปในดวงตาคมดุก็ไม่กล้าเอ่ยคำใดๆ เว้นแต่คำว่ายอมรับ ทั้งที่ในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหรือได้ยินว่า ชายหนุ่มผู้นี้กระทำการอุกอาจสังหารผู้อื่นได้ง่ายๆ เฉกเช่นบิดาและท่านผู้นำที่มีศักดิ์เป็นลุง แต่ทว่ากลับให้ความรู้สึกหวาดหวั่นไม่ต่างกันหรือความโหดร้ายดั่งปีศาจเหล่านี้สามารถสืบทอดกันผ่านพันธุกรรมได้กันนะ “อีกสามวันข้างหน้าจะมีการจัดการประชุมครั้งใหญ่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลัก ท่านอิซาโซะได้โปรดเข้าร่วมแล้วอยู่เคียงข้างผมด้วยนะครับ” การเคียงข้างที่ดีที่สุดสำหรับเอย์จิก็คือการสงบถ้อยคำ ไม่อ้าปากถามหรือออกความเห็นใดๆ เพียงนั่งนิ่งๆ เป็นสุนัขแสนเชื่องเชื่อฟังในสิ่งที่เขาสั่งก็แค่นั้น “ดะ ได้อยู่แล้วครับ...ท่านเอย์จิ” “ขอบคุณมากครับ” ศีรษะกดก้มลงต่ำแสดงท่าทีขอบคุณเล็กน้อยอย่างเย้าอารมณ์พร้อมมุมปากที่ยังคงยกยิ้มอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มือหนึ่งข้างที่ประสานวางอยู่บนโต๊ะจะคลายออกจากกันแลยกเอี้ยวไปด้านหลัง พอให้มือขวาส่งซองเอกสารที่เตรียมมาใส่ไว้ในมือ “นี่คือสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผม หวังว่าท่านจะพอใจนะครับ” มือแกร่งเลื่อนซองเอกสารไปกลางโต๊ะก่อนจะยันกายขึ้น “หมดธุระแล้วผมคงต้องขอตัวก่อน อ้อ! ท่านอิซาโอะได้โปรดเก็บความลับระหว่างเราเอาไว้ด้วยนะครับ” “นะ แน่นอนครับ! เดินทางปลอดภัยนะครับท่าน!” โรคุรีบรุดลุกขึ้นน้อมศีรษะส่งชายที่มีศักดิ์ในตระกูลสูงกว่าตนอย่างนอบน้อม ครั้นเมื่อรถของท่านทายาทแล่นออกจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์อิซาโอะออกไปไกล เขาจึงปาดเหงื่อถอนหายใจอย่างโล่งอกและทิ้งกายลงบนเก้าอี้ดังเดิม “ไม่ใช่ผู้นำแท้ๆ แต่ปีกกล้าขาแข็งมาจองหองกับเหล่าผู้เฒ่า! ถึงคราวสืบทอดตำแหน่งเมื่อไหร่อย่าหวังว่าแกจะได้นั่งแท่นผู้นำได้ง่ายๆ” เสียงแหบแห้งเอ่ยด้วยความเจ็บใจเพราะโดนชายที่อายุน้อยกว่าถอนหงอก ก่อนสายตาที่เต็มตลบไปด้วยความหลงใหลในอำนาจจะเปรยเห็นซองกระดาษที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้เป็นสินน้ำใจ มือเหี่ยวย่นจึงหยิบซองใส่เอกสารสีน้ำตาลดังกล่าวขึ้นมาหวังลึกๆ จะเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าแล้วเปิดผนึกออก ก่อนจะขมวดคิ้วแทบอยากจะทิ้งมันลงถังขยะเพราะเห็นมันเป็นเพียงแผ่นกระดาษ แต่กระนั้นโรคุก็ยังหวังโลภคิดว่าอาจจะเป็นโฉนดที่ดินบริเวณไหนสักที่จึงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!!” ความรู้สึกที่เพิ่งโล่งอกไปหมาดๆ ผันเปลี่ยนเป็นความโมโหจนเลือดขึ้นหน้าในเพียงไม่กี่เสี้ยววิ เมื่อเอกสารที่ทิ้งไว้ให้ ระบุถึงการทำธุรกิจดำมืดที่อยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลอิซาโอะ และภาพถ่ายลามกในขณะที่ตนกำลังนัวเนียกับคนอื่น เขารีบขย้ำภาพดังกล่าวแล้วสั่งให้คนรับใช้นำไฟแช็กมาเผาทิ้ง เพราะเกรงกลัวภรรยาจะกลับมาเห็นเข้าและอาละวาดจนบ้านแตก ไม่น่าล่ะ! ถึงได้กล้าเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาในบ้านคนอื่นและเปล่งวาจาบังคับให้ผู้เฒ่าอย่างตนกระทำสิ่งใดตามอำเภอใจ มิหนำซ้ำยังเหยียดหยามเกียรติผู้นำตระกูลอย่างไร้ค่า นั่นเพราะมีสิ่งต่อรองนี่เอง และเมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือคนขี้ขลาดเช่นโรคุจะกล้าขัดคำสั่งให้ท่านทายาทขัดเคืองใจ แล้วเปิดโปงความอันชั่วร้ายแสนเลวทรามของตนให้ผู้นำตระกูลสูงสุดรู้ หากเป็นเช่นนั้นวิญญาณตนคงได้ร่ำไห้อยู่ข้างโลงไม้เป็นแน่! หลังจากนั้นเอย์จิและมือขวาคนสนิทข้างกาย ต่างตระเวนเข้าไปยื่นข้อเสนอให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลสูงสุดในตระกูลหลักหรือกลุ่มคนที่เรียกกันหนาหูว่าสิบสองผู้เฒ่า แต่ถึงแม้จะขนานนามกันว่าเช่นนั้นกลับยังมีคนหนุ่มแน่นอายุอานามราวสามสิบปลายๆ รวมอยู่ด้วย โชคดีที่เป้าหมายในการเจรจาครั้งนี้มีเพียงผู้เฒ่าทั้งเจ็ดตระกูลเท่านั้น เพราะอีกสี่ตระกูลที่เหลือคือผู้ที่หนุนหลังเอย์จิมาเนิ่นนานจึงไม่ต้องคะยั้นคะยอให้เสียแรง ส่วนตระกูลคุรุคากิที่เป็นเสี้ยนหนามตำเท้าอยู่ในตอนนี้ เอย์จิกลับเลือกที่จะละเว้นเอาไว้ก่อน เพราะหลักฐานที่มีอยู่ในมือตอนนี้น้อยนักและไม่รัดกุมมากพอจะจำกัดอำนาจของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจว่าแผนการหลักและแผนการสำรองของตนแน่นหนา ทั้งยังรอบคอบมากพอที่จะเข้าควบคุมการประชุมครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ได้ และที่สำคัญเขาสามารถเปลี่ยนกำหนดการหมั้นหมายให้กลับออกไปเป็นเช่นเดิมได้อย่างแน่นอน ​ เชิงอรรถ ^ เทศกาลฮานามิ คือเทศกาลชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม