“ถามจริง ๆ นะนาย” สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่งก่อนค่อย ๆ พรูออกมา “ที่ทำอยู่เนี่ย สรุปคืออยากจีบใช่ไหม?”
บอกตามตรงฉันว่าสับสน ตลอดครึ่งค่อนชีวิตที่ผ่านมา แม้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเพียงสองคน แต่เพราะเจอการเข้าหาจากเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันมาก็ไม่น้อย ฉันจึงมองออกตั้งแต่นาทีแรกแล้วว่าพวกเขาเหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไร
แต่กับสี่ แรกเริ่มเป็นเพียงคู่นอนที่กะว่าเสร็จสมแล้วคงทางใครทางมัน ฉันคิดว่าเขาเข้าใจถึงได้เปลื้องผ้ามีอะไรด้วย
ทว่าสามวันนับจากนั้น...เขากลับแสดงออกว่าสนใจในตัวฉันมากเป็นพิเศษด้วยเหตุผลที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ถึงขนาดถูกเบี้ยวค่าตัวไปทั้งหลายพันก็ยังไม่ว่าอะไร ซ้ำเงินหนึ่งพันที่ฉันจ่ายไป เขายังเอามาเป็นเหตุเป็นผลได้อย่างน่าอัศจรรย์...
หากจะบอกว่าประโยคละเมอเพ้อพกในคืนนั้นทำให้สี่เกิดสงสารก็คงไม่ใช่ เพราะมันคงไม่มากพอที่เขาจะยอมเอาตัวเองเข้ามาพัวพันทั้งที่ฉันยืนกรานชัดเจนแล้วว่าคำพูดนั้นหมายถึงแฟนเก่า
“ใช่” สี่พยักหน้ายอมรับโดยไม่ผ่านกระบวนการคิด ตรงไปตรงมาซะจนน่าตกใจ
“เหตุผลล่ะ?”
เมื่อได้คำตอบแล้วว่าสิ่งที่เขาทำคือการจีบ สิ่งที่ฉันอยากรู้เป็นลำดับถัดมาคือเหตุผล
นอกจากคืนนั้น นี่นับเป็นครั้งที่สองที่เราเจอกันไม่ใช่เหรอ หรือเขาเคยเจอฉันมาก่อนหน้านั้น?
“เธอสวย”
อุ๊ย...
“ขอบคุณ ข้อนี้เรารู้ดีค่ะ” ส่องกระจกทุกวันยังหลุดอุทานอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไมถึงเกิดมาสวยจนน่าโมโหขนาดนี้ “แต่หวังว่านี่จะไม่ใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้นายสนใจเราหรอกนะ”
“จริง ๆ ก็เยอะมาก จะให้ร่ายตรงนี้คงไม่ไหว” ดวงตาของคนตรงหน้าแม้จะหม่นแสงทว่าระยิบระยับเป็นพิเศษ “ไปหาที่ที่เหมาะกว่านี้ดีไหม? เช่น...คอนโดฯ ฉัน”
ฉันยกมือผลักแผงอกหนาภายใต้เสื้อยืดสีดำทันที แม้ออกแรงไม่มากนักทว่าสี่ก็ไม่ได้ดื้อด้านเสียทีเดียว ยอมขยับห่าง เว้นระยะให้ฉันได้หายใจหายคอ
ตลกดี เพิ่งช่วยฉันจากไอ้โรคจิตไปหมาด ๆ แต่ตอนนี้กลับมาทำตัวคุกคามเสียเอง
เห็นคุยด้วยหน่อยก็ใช่ว่าจะทำอะไรตามอำเภอใจได้นะ
“เบา ๆ หน่อยนะคุณผู้ชาย ไม่มีใครเขาจีบผู้หญิงแบบนี้หรอก ละลาบละล้วงเกินไปมีแต่จะวิ่งหนี”
ฉันเตือนเขา แต่ลึก ๆ ในใจยังสลัดอาการหวาดหวั่นออกไปไม่หมด
หวั่น...เพราะเห็นการแสดงออกทางแววตาของคนตรงหน้าแล้วค่อนข้างแน่ใจเลยว่าสี่ต้องเป็นประเภท ‘ชอบพุ่งชน’ แน่ แล้วคนประเภทนี้ก็ดื้อดึง แน่วแน่ในอุดมการณ์อย่าบอกใคร
คนถูกเตือนหัวเราะเบา ๆ ก่อนกลับไปยืนข้าง ๆ กันเช่นก่อนหน้านี้ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนดวงตาสีรัตติกาลมองตรงไปข้างหน้า ที่ที่สายฝนยังคงเทกระหน่ำไม่ขาดสาย
ตอนนั้นเอง บรรยากาศแปลก ๆ เมื่อครู่ก็กลับคืนสู่ความผ่อนคลาย
“คงต้องขอโทษล่วงหน้าถ้าทำให้รู้สึกว่าการจีบของฉันมันน่ากลัวหรือแปลกสำหรับเธอ”
“...”
“ทำไงได้ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันจีบนี่”
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย”
ฉันสวนกลับเพราะมั่นใจว่าคนที่มีรูปร่างหน้าตาอย่างเขาต้องผ่านประสบการณ์ด้านความรักมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ไม่มีทางหรอกที่จะจีบฉันเป็นคนแรก
ขี้โม้ไม่ไหว อยากได้คะแนนพิศวาสจากฉันหรือไงเลยใช้ไม้นี้
“จะโกหกเพื่อไร?” สี่หันกลับมา เลิกคิ้วขึ้น
“เพื่อให้เราหวั่นไหวไง” แต่เสียใจด้วยนะคะ ฉันไม่ใช่ประเภทที่จะมาหวั่นไหวด้วยเหตุผลพวกนั้น
“หึ”
ท้ายที่สุดแล้ว...สิ่งที่สี่ให้กลับมาคือเสียงหัวเราะในลำคอ เหมือนจะบอกกันกลาย ๆ ว่าฉันนั้นช่างไม่รู้อะไรเลย
แล้วเขาล่ะ รู้จักฉันดีระดับไหน...ถึงได้อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันขนาดนี้
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสี่เป็นเพื่อนกับฉันในเฟซบุ๊ก กระทั่งเขาส่งข้อความเข้ามาทางช่องแชตในสิบสี่ชั่วโมงหลังจากนั้น
Sie Siratee : ส่งรูปภาพ**
Sie Siratee : แมวฉันน่ารักมั้ย?
และข้อความแรกหลังจากออกตัวว่าจะจีบกันคือการส่งรูปแมวมาให้ดู
เป็นแมวพันธุ์สกอตติชโฟลด์สีเทาเข้ม ตัวอ้วนพุงห้อย ดวงตาสีฟ้า หูเล็กจิ๋วหลิว กำลังนอนซุกซบอยู่บนท่อนแขนเปล่าเปลือยอันเต็มไปด้วยรอยสักของเขา ท่าทางขี้อ้อนไม่เบา
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นหน้าน้องแมวราคาแพงตัวนั้น
เพราะเช้าวันนั้นหลังตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันกับสี่ น้องตาแป๋วก็มานั่งจับจ้องฉันที่ปลายเตียงก่อนแล้ว
ฉันเผลอจกพุงน้องไปแล้วทีหนึ่งก่อนออกมา โชคดีมากที่น้องไม่กลัวคนแปลกหน้าเลย ดูจะเฟรนด์ลีจนเกินเหตุด้วยซ้ำ
Namzom Sueysa : น่ารักดี
ฉันพิมพ์ตอบไปตามมารยาท แม้ใจจริงไม่อยากโต้ตอบเขาสักเท่าไหร่
ฉันเพิ่งเลิกกับแฟน สภาพจิตใจยังมีรอยร้าว บาดแผลที่ได้รับจากการถูกแฟนนอกใจไปมีคนอื่นทั้งยังได้เห็นภาพบาดตาบาดใจชัดระดับเอชดียังสดใหม่ ฉันเข็ดแล้วกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใครคนไหน
เมื่อวานตอนค่ำเราสองคนยืนรอฝนซานานเป็นชั่วโมง ฉันใช้โอกาสนั้นบอกเขาหลายต่อหลายครั้งว่ายังไม่พร้อมเปิดรับใคร และโอกาสที่ฉันจะชอบผู้ชายคนใหม่ก็มีน้อยมาก เพราะหัวใจอันบอบช้ำของฉันยังจมปรักอยู่กับรักครั้งเก่า...
ฉันเลิกเสียน้ำตาให้ไอ้เวรนั่นแล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกที่ถูกขโมยไป ฉันเอากลับคืนมาได้เพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นเอง
สี่ยักไหล่ ไม่มีรีแอ็กชันทางลบกับสิ่งที่ได้ยิน ประหนึ่งว่าใช้ชีวิตอยู่กับความผิดหวังและรอคอยอะไรบางอย่างมานานเกินกว่าจะรู้สึกแบบนั้นแล้ว
ซึ่งฉันไม่ได้ถามต่อหรอกนะว่าเพราะอะไร
ก็ไม่คิดสานสัมพันธ์นี่นา จะต่อบทสนทนาให้ยาวยืดไปทำไมกัน
Sie Siratee : ถ้าอยากมาดูแมวที่ห้องฉันก็บอกได้นะ มันน่ารัก น่าจะเข้ากับเธอได้ดี
จ้า ดูก็รู้ว่าจงใจอ่อย
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับความพยายามของเขาที่หากเป็นคนอื่นคงมีหวั่นไหวกันบ้าง
เรียบร้อยแล้วจึงกดออกจากช่องแชต จงใจอ่านแล้วไม่ตอบเพื่อให้ฝ่ายนั้นเห็นว่าฉันไม่มีความพร้อมที่จะสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวจริง ๆ
แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจ อยากเป็นเพื่อนกัน อันนี้น่าเก็บไว้พิจารณา
ติ๊ง!
ระหว่างนอนซุกอยู่ในผ้าห่มเนื่องจากโดนฝนเมื่อวานแล้วมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เสียงแจ้งเตือนจากแชตดังขึ้นอีกระลอก ด้วยมั่นใจเต็มร้อยว่าต้องเป็นสี่จึงกะจะกดอ่านแล้วไม่ตอบเหมือนเดิม ทว่าเมื่อก้มมองหน้าจอมือถือ คิ้วทั้งสองข้างจำต้องขมวดยุ่ง
ไม่ใช่สี่
แต่เป็นใครก็ไม่รู้...
XXTP bell : ส่งรูปภาพ**
เพราะทนอยู่กับความสงสัยต่อไปไม่ไหว ฉันจึงกดเข้าไปในช่องแชตของบุคคลปริศนาที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นหัวกะโหลก ก่อนจะหลุดอุทาน ‘อิเหี้ย!’ แบบเต็มปากเต็มคำเพราะตกใจกับภาพที่เห็น
ไม่เคยคุยกันสักคำ อยู่ดี ๆ เล่นส่งภาพ ‘กะปู๋’ มาทักทายด้วยความชัดระดับ HD เห็นตั้งแต่ปลายยันโคน รวมถึงจำนวนเส้นขนสีดำหยิกหย็อยเป็นพุ่ม ๆ นั่น อยากถามเหลือเกินว่าคิดอะไรอยู่!
คนใส ๆ อย่างน้ำส้มรับไม่ได้
นั่งผะอืดพะอมอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจว่าจะกดบล็อกให้จบ ๆ ไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเอาแอคหลุมแบบไม่เปิดเผยตัวตนทักมาสร้างความอึดอัดรำคาญใจ บางคนถึงขนาดส่งคลิปช่วยตัวเองมาให้ฉันดูเลยทีเดียว แถมยังเชิญชวนอย่างหน้าไม่อายว่าถ้าเหงาให้ทักไปได้ทุกเมื่อ
ทั้งตอนที่ยังโสด มีแฟนเป็นตัวเป็นตน กระทั่งกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง ไอ้คนพวกนี้ก็ยังไม่หมดไปจากโลกสักที
สงสัย...จู๋คงเป็นความภาคภูมิใจเพียงอย่างที่มีอยู่มั้ง ถึงได้ควักออกมาโชว์บ่อย ๆ
เฮ้อ รู้สึกเวทนาแทนจริง ๆ นะคะ