เมื่อหลินหลินพาหลี่หงจินหยางเดินทางมาจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง
"ที่นี่เรียกว่าทะเลเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งซึ่งมีแผ่นดินคาบเกี่ยวกับจังหวัดที่เราจากมา ที่นี่จะไม่ได้เรียกว่าแคว้นเหมือนที่ที่ท่านจากมา"
หลินหลินบอกกล่าวและอธิบายขยายความเรื่อยๆเกี่ยวกับภูมิประเทศและเรื่องราวต่างๆของเมืองที่เธอพามาให้แก่หยางหยางได้รับฟังเรื่อยๆ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์อะไรบ้างไม่มากก็น้อย
สถานที่แห่งนี้เป็นทะเลในต่างจังหวัดซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ใช้เวลาขับรถออกมาเพียงสองชั่วโมง
"มานั่งตรงนี้ก่อน" หญิงสาวพูดขึ้นพลางเดินนำทางให้ร่างสูงโปร่งของหยางหยางได้เดินตามร่างระหงของเธอมาตามทางอย่างใจเย็น
เธอเลือกที่จะหาที่นั่งให้ห่างไกลจากผู้คนพลุกพล่านในระดับหนึ่ง แม้จะไม่ปลอดคนเสียทีเดียว แต่ก็แค่มีผู้คนเพียงบางตาเดินไปเดินมาแค่เท่านั้นและที่สำคัญยังคงใกล้กับร้านรวงร้านค้าแถบชายทะเลเพื่อที่จะได้หาซื้ออาหารมานั่งกินพร้อมชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย
หยางหยางยังคงปฏิบัติตัวเป็นเด็กดีในความคิดของหลินหลินอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ในขณะที่หลินหลินชี้ชวนให้มองไปรอบทิศทางพลางอธิบายไปเรื่อยๆ
อืม...
เป็นเด็กที่ตัวโตมากๆ
มาดอย่างกับเจ้าพ่อปลอมตัวมา
หลินหลินคิดในใจขณะมองชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มน้อยๆอย่างเป็นธรรมชาติ
ทั้งสองนั่งทอดอารมณ์สร้างความคุ้นเคยและเพิ่มความสบายใจในเวลาเดียวกันอยู่ริมชายทะเลแห่งนี้
นักท่องเที่ยวหลายคนที่เดินผ่านมา แม้จะมีไม่กี่คน แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องหันมามองสองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ผ้าใบใต้ร่มคันใหญ่อย่างอดใจไม่ได้
ถึงแม้ว่าหลินหลินจะแต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาวยาวคลุมทับด้วยผ้าโปร่งปิดไหล่ลงมาถึงท่อนแขนอย่างมิดชิดแถมใส่แว่นกันแดดอันใหญ่เว่อร์ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสวยของเค้าโครงหน้าตาและรูปร่างสมส่วนอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
แต่คิดไปคิดมา
ถ้าเธอถอดแว่นออกคนคงเลิกมองมั้งนั่น!
แต่ช่างเถอะ!
อยากมองก็มอง
วันนี้ให้มองฟรี
ไม่คิดตังค์!
หลินหลินคิดในใจ
และนอกจากหลินหลินที่ตกเป็นเป้าสายตาแล้ว
หยางหยางเองก็ไม่แพ้กัน
ด้วยรูปร่างสูงโปร่งงามสง่าผิดแผกจากผู้คนทั่วไป อกผายไหล่ผึ่ง บุคลิกลักษณะโดดเด่นสง่างาม หน้าตางดงามหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมกริบโฉบเฉี่ยวฉายแววน่าหวาดหวั่นเวลาปรายตามอง จมูกเป็นสันตั้งตรง ริมฝีปากแดงสด ผิวพรรณเนียนละเอียดลออสะอาดสอ้านงามตา ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ออร่าเปล่งประกายเมื่อต้องแสงแดดริมทะเลพร้อมสายลมพัดโบกเผยให้เห็นแผงอกบึกบึนภายใต้เสื้อยืดยามลู่ลม
เอิ่ม...
นี่คนหรือเทพมาจุดติกันล่ะนี่
หลินหลินเองยังอดที่จะมองตามสายตาของบรรดาสาวๆที่มองมาทางหยางหยางของเธอไม่ได้
คิดตังค์ดีมั้ย!
คนนี้ของฉันนะยะ!
หลินหลินคิดในใจพลางขยับแว่นตาลงก่อนจะเหล่ตาจ้องมองอย่างเอาเรื่องออกไปยังบรรดาสาวๆที่บังเอิญเดินผ่านมาแล้วเหม่อมองมาทางหยางหยางของเธอ
และเหมือนกับว่าสาวๆพวกนั้นจะเข้าใจความหมายทางสายตาของหลินหลินได้เป็นอย่างดี
พวกเธอจึงทำท่าเบ้ปากกลอกตามองบนออกอาการอิจฉาไม่ปกปิดก่อนจะรีบเดินจากไป
ชิ!
แน่จริงเดินเข้ามาใกล้ๆสิยะ
หลินหลินนึกหมั่นไส้ในใจพลางเบ้ปากถลึงตาจิกกัดมองตามสาวๆเมื่อครู่
ซักพักอาหารที่หลินหลินสั่งเอาไว้กับร้านค้าไม่ใกล้ไม่ไกลก็นำเอามาเสิร์ฟให้ถึงที่ ชายหนุ่มหญิงสาวจึงหันเหไปสนใจในอาหารตรงหน้าในทันที
หญิงสาวเลือกสั่งอาหารทะเลผสมกับอาหารทั่วไปที่มีรสชาติหลากหลาย เพราะไม่รู้ได้ว่าท้องไส้ของพ่อเทพบุตรสุดหล่อของเธอจะรับอาหารแบบไหนได้บ้าง
เธอพอจะเข้าใจดีถึงอาการหลังกินอาหารแปลกถิ่น
เพราะเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กเธอนั้น เธอได้ย้ายมาจากประเทศจีนมาอยู่เมืองไทย และเมื่อเธอได้กินอาหารไทยที่ผิดแผกออกไป เธอถึงกับปวดท้องอาหารเป็นพิษต้องไปนอนโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปซักพัก...หลินหลินเพียงชักชวนหยางหยางให้กินอาหารพร้อมกับแนะนำวิธีการกินแต่ละอย่างด้วยความเข้าอกเข้าใจของคนต่างถิ่นที่ต้องมาเจอกับบรรยากาศและอาหารแปลกใหม่อย่างเช่นขณะนี้
ชายหนุ่มที่แม้จะยังคงไว้ซึ่งบุคลิกเรียบนิ่งเฉยชากับทุกสรรพสิ่งแต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับหลินหลินเป็นอย่างดี
สายตาของเขาคล้ายอ่อนโยนลงอยู่มากจากเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน
จนหลินหลินยังอดที่จะนึกชื่นชมตัวเองไม่ได้
นี่ถ้าให้ไปหลอกลวงนักธุรกิจพันล้านเธอก็คงจะทำได้ดีอย่างนี้เหมือนกัน หึหึ!
หญิงสาวคิดไปพลางจ้องมองชายหนุ่มลึกลับของเธอไปอย่างคิดวิเคราะห์
นี่ถ้าเธอพาเขาให้เข้าวงการนะ
แน่นอนว่าด้วยรูปร่างลักษณะหน้าตาทุกสิ่งอย่างที่เป็นตัวเขาคงเข้าวงการได้ไม่ยาก
ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นละครไม่ได้ แสดงแอ็คติ้งไม่ได้ ก็ให้เขาไปเป็นนายแบบก็ยังได้ เป็นนายแบบน่าจะรุ่ง
แต่...เอ...
ความไม่ธรรมดาของเขาอาจจะทำให้เขาโดนจองตัวไปแสดงงานวัดรึเปล่า
อันนี้น่ากลัว
ถ้าเขาพลั้งเผลอแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรออกมาล่ะก็
อา...ไม่ได้ ไม่ได้
เธอเก็บเขาเอาไว้ข้างตัวอย่างนี้น่าจะดีกว่า
น่าจะดีกว่าการที่จะนำเขาออกสู่สาธารณชน
พลังและอิทธิฤทธิ์ของเขาเอาไว้สำหรับเธอคนเดียวก็พอ
หึหึ!
หลินหลินคิดในใจด้วยความเห็นแก่ตัวที่พุ่งสูงปรี๊ดยากแก่การควบคุม
เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่
หลินหลินและหลี่หงจินหยางยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบตัวเดิมจนเวลาล่วงเลย
แสงแดดและสายลมเริ่มอ่อนลง
บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติต่างทยอยพาลูกน้อยมาลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
หลินหลินและหลี่หงจินหยางยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างสบายอารมณ์
อาการตึงเครียดที่สะสมคล้ายกับว่าจะมลายหายไปด้วยบรรยากาศของชายทะเลแห่งนี้เปรียบเสมือนชีวจิตชนิดหนึ่ง
ชายหนุ่มเพียงนั่งนิ่งๆด้วยมาดเคร่งขรึมตามแบบฉบับของเขาดังเดิม ที่เพิ่มเติมคือดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมา ความกังวลและตระหนกหวาดระแวงต่างๆลดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินหลินเองก็ไม่ต่างกัน
เธอเพียงนั่งทอดอารมณ์นิ่งๆมองไปเรื่อยๆแบบรอบทิศทางด้วยกิริยาเป็นธรรมชาติ
เธอเห็นภาพของเด็กๆกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานจึงนึกสนใจขึ้นมา
หญิงสาวเพียงปรายสายตามองออกไปอย่างเหม่อลอย พลันคิดถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาอย่างอดใจเอาไว้ไม่ได้
ครั้งนั้นเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก พ่อของเธอกับแม่ใหญ่และแม่แท้ๆของเธอพร้อมกับพี่ๆฝาแฝดพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่พากันมาจากประเทศจีนเพื่อมาเที่ยวยังประเทศไทย
พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจชาวจีนหน้าตาหล่อเหลามาพบเจอกับแม่ที่เป็นผู้หญิงสวยโดดเด่นที่เมืองไทยเมื่อครั้งที่มาติดต่อธุรกิจ ทั้งสองจึงเกิดการปิ๊งปั๊งรักกันขึ้นมา
ต่อมา เมื่อแม่ตกลงปลงใจกับพ่อจึงตัดสินใจตามพ่อไปอยู่เมืองจีนด้วยกัน และที่นั่นแม่จึงได้รับรู้ว่าพ่อมีเมียหลวงอยู่แล้วซึ่งก็คือแม่ใหญ่ ครอบครัวของหลินหลินจึงเป็นครอบครัวใหญ่ไปโดยปริยาย
หลินหลินมีแม่สองคนซึ่งก็คือเมียหลวงของพ่อที่เธอจะต้องเรียกว่าแม่ใหญ่และเมียรองซึ่งก็คือแม่แท้จริงของเธอ
ต่อหน้าพ่อแล้ว แม่ใหญ่และพี่ๆฝาแฝดต่างแม่ของเธอมักจะทำดีกับแม่และตัวเธอเสมอ
แต่พอลับหลังพ่อ ก็จะทำตัวอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งแม่ของเธอกับตัวเธอก็ต้องยอมรับสภาพเป็นอย่างดี
เมียน้อยกับลูกเมียน้อยจะทำอะไรได้ นอกจากยอมรับสภาพอย่างจำนน
ต่อมา เมื่อพ่อพาครอบครัวมาเที่ยวที่ประเทศไทยและมีโอกาสพากันมาเที่ยวทะเล
วันนั้นเธอกับพี่ๆต่างแม่ของเธอได้ลงเล่นน้ำทะเลด้วยกัน
สองคนนั้นแกล้งเธอ จับเธอกดน้ำทะเล จนเธอสำลักน้ำและเกิดกลัวจมน้ำตายขึ้นมา
เธอจึงคิดต่อสู้
ความชุลมุนของเด็กทั้งสามจึงเกิดขึ้นฉับพลัน
เธอสู้จนยิบตาจับจังหวะได้ก็ถีบหน้าท้องพี่อีกคนจนจุกแล้วล้มคะมำจมน้ำไป
และจับพี่อีกคนที่กดเธอก่อนหน้าด้วยเล็บแหลมคมของเธอแล้วกดพี่คนนั้นให้คว่ำหน้าอยู่กับน้ำทะเลจนหน้าของพี่คนนั้นจมมิดอยู่กับผืนทรายใต้ทะเลจนทรายละเอียดเข้าตาเข้าจมูกและเข้าปากของพี่คนนั้น
และภาพนั้นพ่อกับแม่ใหญ่ก็เข้ามาเห็นเข้าพอดี
พี่ๆต่างแม่พากันฟ้องว่าถูกเธอทำร้ายต่างๆนานา
และยังแต่งเสริมเข้าไปอีกว่า เวลาที่เธออยู่กับพี่ๆลับหลังพ่อก็จะทำอย่างนี้สม่ำเสมอ แม่ใหญ่จึงลำเลิกว่าพ่อมีเมียน้อยก็ร้ายพอตัวแล้ว แต่นี่ยังปล่อยให้ลูกของเมียน้อยมาทำร้ายลูกๆของเธออีก
วันนั้นพ่อของเธอจึงโกรธเธอมาก
เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็เพราะว่าพี่ของเธอคนหนึ่งมันสำออย
พอมันฟ้องพ่อเสร็จมันก็สลบไสลหมดสติไป พ่อจึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลกะทันหัน
และเหตุการณ์วันนั้นพ่อของเธอจึงทิ้งเธอกับแม่ไว้ที่ประเทศไทย
เพราะว่าพ่อโกรธเธอมากแล้วพาลโกรธแม่ของเธอด้วย
แม่ของเธอก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญจนเธอต้องนั่งปลอบใจอยู่ทั้งวันทั้งคืนอย่างหงุดหงิดไม่ได้หลับไม่ได้นอน
กว่าแม่จะตั้งตัวได้ก็กินเวลานานเป็นเดือนๆ
ต่อมาไม่นานแม่ได้เจอคนรักคนใหม่
แม่รักผู้ชายคนนั้นมาก
ผู้ชายของแม่ก็รักแม่มาก
รักมากจนเผื่อแผ่มาถึงเธอ
ด้วยหน้าตาและรูปร่างของเธอที่สวยโดดเด่นตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว จึงทำให้พ่อเลี้ยงของเธอมักจะมองเธอด้วยความรักแบบแปลกๆ
เธอจึงเริ่มระแวงและระแวดระวัง
แล้ววันหนึ่งสิ่งที่เธอหวาดกลัวก็เกิดขึ้น
เมื่อพ่อเลี้ยงของเธอพยายามจะเข้าหาเธอ
โชคดีที่เธอระวังตัวเอาไว้อยู่แล้วเป็นอย่างดีจึงไหวตัวทันและหนีออกจากบ้านมาได้
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
เธอก็ไม่กลับบ้านอีกเลย
เมื่อแม่รู้ความจริงแม่จึงให้เธอเช่าห้องอยู่เองข้างนอกใกล้ๆกับโรงเรียน
และต่อมาไม่นาน
เธอก็ได้ข่าวว่าแม่ของเธอกับพ่อเลี้ยงได้มีลูกด้วยกันและรักกันมากยิ่งขึ้น
เธอจึงปล่อยให้แม่อยู่กับพ่อเลี้ยงไป
ส่วนเธอก็ทำตัวสวยๆเข้าวงการ
ด้วยหน้าตาและรูปร่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และอาศัยเข้าหาคนที่มีเส้นสายมันจึงไม่ใช่เรื่องยาก
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะนึกถึงเพื่อนของเธอขึ้นมาไม่ได้
เพื่อนของเธอที่ทรยศเธอนั้น
เธอได้รู้จักกันตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาลตอนเรียนอยู่ที่ประเทศจีน
ต่อมาเมื่อเธอเกิดเหตุให้ต้องมาอยู่ประเทศไทยเพื่อนของเธอคนนี้ก็มีเหตุให้ต้องย้ายมาเรียนที่ประเทศไทยด้วยเหมือนกัน
โลกช่างกลมเสียจริง
และการที่เธอได้เข้าวงการส่วนหนึ่งก็มาจากเพื่อนของเธอคนนี้
เพื่อนของเธอมีญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักกับผู้ใหญ่อีกคนที่อยู่วงในอีกทีหนึ่งจึงเป็นอะไรที่ตรงประเด็นสำหรับเธอ
การเป็นดาราก็สนุกดี ได้เงินดีมากๆ
แต่เสียอย่างเดียว
เสือสิงห์เยอะไปหน่อย
ไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครดี
หลินหลินนั่งจมอยู่กับอดีตของเธอมาพักใหญ่
ดวงตากลมโตเป็นประกายของเธอเวลานี้ดูเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เธอก็ปรับสีหน้าและแววตาให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะหันหน้ามาทางหยางหยางของเธอ
เธอพบว่าหยางหยางนั่งมองเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มีอะไรหรือ" หลินหลินถามออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องมองมาทางเธอนิ่งงันด้วยสายตาคมกริบพราวเสน่ห์
"เจ้าเป็นอะไร" เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยถามขึ้นจนหลินหลินต้องกระพริบตาปริบๆ
"เปล่านี่" หลินหลินตีหน้ามึนตอบกลับไปเบาๆก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอื้อมมือส่งให้ไปทางหยางหยางพลางเอ่ย
"กลับกันเถอะ"
ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใดอีก เขาเพียงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะจ้องมองมือเรียวขาวของหญิงสาวนิ่งๆ
คิ้วคมเข้มคล้ายกระบี่ของเขาขมวดเข้าหากันน้อยๆคล้ายกับว่าไม่แน่ใจในการจับมือกันระหว่างเขากับเธอ
หลินหลินเห็นอย่างนั้นจึงยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์
"เป็นอะไร" เธอพูดออกไปขณะยื่นมือเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกนิดก่อนจะเป็นฝ่ายงัดฝ่ามือของเขาเข้ามากุมเอาไว้ และเป็นฝ่ายจับจูงฝ่ามือเรียวยาวของเขาให้เดินไปตามทาง
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงจะรีบมาคว้ามือของเธอแถมด้วยโอบเอวล่ะมั้ง
ผู้ชายคนนี้ทำเธอเป็นปลื้มจริงๆ
ปลื้มตลอด...
หลินหลินคิดอย่างกรุ้มกริ่มอยู่ในใจ