หนึ่งเดือนต่อมา
"วันนี้ผมจะแวะไปซื้อของ คุณนิตจะไปด้วยกันมั้ยครับ?"
แดนดินเอ่ยชวนฉันชนิตเมื่อยกแขนซ้ายขึ้นมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลาที่จะเลิกงานแล้ว
"อืม ก็ดีค่ะ ห้างก็อยู่ใกล้ๆคอนโดด้วย เดินไปด้วยกันใช่มั้ยคะ?"
"งั้นเก็บของเถอะครับ"
แดนดินพยักหน้าบ่งบอกให้ฉันชนิตรู้ว่าควรไปกันได้แล้ว
"ทำไมคุณแดนทำตัวราวกับว่าเป็นคนธรรมดาๆ ง่ายๆ สบายๆจังคะ"
ฉันชนิตอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาในขณะที่ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย สายตาของเธอปรายไปมองเขาเล็กน้อย มือเรียวกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายขนาดกะทัดรัด
"อืม ผมน่าจะชินกับชีวิตธรรมดา ๆ อันที่จริงผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะดูแตกต่างจากคนอื่นยังไง ก็แค่เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยหน่อย แต่ให้ผมต้องเกิดมาแย่กว่านี้ ผมก็อยู่ได้ครับ ผมไม่เคยตัดสินคนจากภายนอก ฐานะ หน้าตา สังคม หรือว่า..."
เมื่อมาถึงตอนนี้ฉันชนิตกลับจ้องเขานิ่ง อย่างตั้งใจฟังคำสุดท้ายที่เขาหยุดพูดไป
"หรือว่าอะไรคะ?"
"หรือว่า..อดีตครับ"
ฉันชนิตจ้องหน้าหล่อนั้นนิ่งงัน ไม่ต่างกับเขาที่สู้สายตาเธอเหมือนกัน สายตาประสานสายตาพาให้ใจสั่นระรัวหวั่นไหวมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมา เมื่อต่างคนต่างก็ยังคงเว้นระยะห่างกันไว้
"ปะ ไปกันเถอะค่ะ"
ฉันชนิตต้องกลายเป็นฝ่ายยอมแพ้หลบสายตาคู่นั้นเสียเองเพราะมันคมกล้าเสียจนเธอไม่อาจจะต้านทานไหว
"ครับ"
ยิ่งได้รู้จักแดนดินมากขึ้นเท่าไหร่ฉันชนิตรู้สึกว่าเขายิ่งมีอิทธิพลกับหัวใจเธอมากขึ้น สายตาของเขาที่มองมานั้นมีความหมายบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้เสมอ หญิงสาวเดินตามร่างสูงโปร่งไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่อยากเดินออกจากห้องไปพร้อมกันในเวลาเลิกงาน เกรงว่าจะมีคนเอาเธอกับเขาไปตีความเป็นอย่างอื่น
เพียงแค่นี้คนในออฟฟิศต่างก็ยกให้ฉันชนิตและท่านประธานเป็นคู่จิ้นไปเสียแล้ว ทุกคนต่างก็เชียร์ให้ท่านประธานกับผู้ช่วยสาวคบกัน ฉันชนิตค่อนข้างจะชอบสังคมการทำงานที่ปรีดาโสภณกรุ๊ปมาก เพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเอง เสมือนว่าที่นี่คัดเลือกพนักงานมาจากนิสัยล้วนๆ เธอจึงทำงานด้วยความสุขท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ดีจากทุกคน
และยิ่งนับวันเธอก็ยิ่งศรัทธาแดนดินมากขึ้นทุกที เปรียบเสมือนเขาคือผู้ที่ให้ชีวิตใหม่กับเธออีกครั้ง คนหนึ่งพรากมันไปแต่อีกคนมาช่วยชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
ห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่ง
"ซื้ออะไรเยอะแยะคะคุณแดน คิกๆ"
ฉันชนิตหัวเราะออกมาคิกคักที่แดนดินหยิบของเต็มรถเข็นราวกับว่าไปอดอยากมาจากไหน
"ก็พรุ่งนี้วันหยุด อยากจะให้คุณนิตทำเค้กให้กินหน่อยครับ"
"อืม..แต่ที่หยิบมานิตว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับส่วนผสมของเค้กเลยนะคะ "
"อ้าว เหรอครับ แฮ่ ๆ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้"
กลายเป็นว่าฉันชนิตต้องทะยอยเอาของที่แดนดินหยิบมาไปคืนที่เดิม ต่างก็ยิ้มหัวเราะร่าเริงราวกับว่าคู่รักที่มาจ่ายตลาดด้วยกัน
"นิต!"
อยู่ๆเสียงที่ฉันชนิตจำได้ดีว่าเป็นใครก็ดังขึ้นมา เธอเอี้ยวตัวหันไปมองที่มาของเสียง
"คุณธันว์"
ธันว์เดินมาประชันหน้ากับเธอ สายตาของเขามีแววของความคิดถึงโหยหา แต่ว่าฉันชนิตมีแต่สายตาที่ว่างเปล่าตอบกลับไป
"สบายดีมั้ย?"
"ขอตัวก่อนนะคะ"
ฉันชนิตไม่ตอบคำถามแต่กำลังจะเดินออกมาจากตรงนั้น
"มีอะไรกันครับคุณนิต?"
แดนดินที่เอาผลไม้ไปชั่งเดินกลับมาหาเธอ
"นายแดน!"
"คุณแดน!"
พร้อมกับที่เขมจิราเดินมาที่ธันว์พอดี ทั้งสี่คนยืนประชันหน้ากันนิ่ง
"ไม่ยักจะรู้ว่านายกับคุณนิตรู้จักกันและสนิทสนมกันขนาดนี้"
ธันว์พูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันภายในใจนั้นกำลังเดือดมาก หึงหวงฉันชนิตจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แดนดินเมื่อได้ยินธันว์พูดแบบนั้น เขายื่นมือไปกุมมือของฉันชนิตไว้ทันที
เขมจิราจ้องมือแดนดินที่กุมมือของฉันชนิตนิ่งอย่างรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ภายในใจเหมือนกัน แต่ยังคงเก็บอาการนิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา กลัวธันว์จะรู้ว่ารู้จักกับแดนดินมาก่อน
"เรากำลังคบกันครับ"
แดนดินยิ้มกริ่มใส่ธันว์และเขมจิรา
"คุณแดน"
เมื่อฉันชนิตเรียกชื่อเขาออกมาแดนดินบีบมือเธอเบาๆ เป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าอยู่เฉยๆนิ่งๆ
"ดีจริง คุณแดนดิน ปรีดาโสภณหลังจากที่เปิดตัวเป็นทายาทธุรกิจหมื่นล้าน อยู่ๆก็เปิดตัวแฟนสาวพร้อมๆกัน ยินดีด้วยนะนิต คุณกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารถังใหญ่ซะแล้วล่ะ"
ฉันชนิตนิ่งไม่ตอบโต้อะไร
"เรื่องอะไรคะ ทายาทอะไร?"
เขมจิราหันไปถามธันว์เพราะเธอไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
"ก็ผู้ช่วยเก่าของผมน่ะสิ อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นหนุ่มยาจกอยู่ตั้งนาน ความจริงแล้วคือทายาทคนเดียวของคุณกรองทอง ปรีดาโสภณ หลอกผมมาได้นมนาน อืม แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่หลอกผู้หญิงของคุณนะคุณแดน"
"อะไรนะเรื่องจริงเหรอ?"
เขมจิราถามย้ำอีกที ก้อนแข็งๆจุกขึ้นมาทำให้น้ำตาเธอค่อยๆเอ่อล้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ็บปวดเมื่อรู้ความจริงเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่ายังคงมีเยื่อใยให้แดนดินอยู่มาก
ถ้าเป็นแบบธันว์บอกจริงๆเธอไม่น่าทิ้งแดนดินมาคบธันว์เลยมันพลาดแท้ๆ พลาดไปหมด
'เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?'
เขมจิราหันไปมองฉันชนิต ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอต้องไม่ถูกชะตาฉันชนิตแน่นอน เพราะตอนนี้ฉันชนิตเหมือนเป็นคนที่เข้ามาแทรกกลางเรื่องระหว่างเธอกับแดนดิน โดยไม่คำนึงถึงอดีตว่าเป็นฝ่ายทิ้งแดนดินไปแต่งงานกับธันว์เอง
"อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะคุณธันว์ คุณแดนเป็นคนดีกว่าที่คุณคิด เขาไม่ใช่คนเลวทรามที่จะหลอกผู้หญิงให้เจ็บช้ำใจ เหมือนผู้ชายเลวๆบางคนหรอกนะคะ คุณแดนคะ ไปกันเถอะค่ะ"คำพูดของฉันชนิตเล่นเอาธันว์ถึงกับสะอึกไม่กล้าตอบโต้อะไรออกมาอีก
ฉันชนิตรู้สึกอดรนทนไม่ใหวกับคำพูดจาถากถางเยาะหยันของธันว์จึงต้องพูดออกมาบ้าง
เธอควงแขนของแดนดินแล้วเดินผละออกมาจากตรงนั้น ณ วินาทีนี้ ตอนนี้ เธอรู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนั้นเสียเต็มประดา ท่าทาง คำพูด การกระทำของธันว์บ่งบอกให้ฉันชนิตรู้ว่าเธอนั้นโง่แค่ไหน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
เมื่อเดินออกห่างมาพอสมควรแล้ว ฉันชนิตจึงเริ่มปล่อยมือของแดนดิน
"ขอโทษนะคะ"
แต่ทว่า แดนดินกลับคว้ามือของเธอไปกุมไว้เหมือนเดิมไม่ยอมปล่อย
"อย่าปล่อยมือสิครับ ถ้าเกิดนายธันว์เดินมาอีกจะไม่เนียนนะ"
"เอ่อ ก็ได้ค่ะ"
ฉันชนิตแก้มแดงปลั่งเมื่อเจอกับสายตากับรอยยิ้มมีความหมายนั้นอีกแล้ว เธอมองมือของเขาที่กุมมือเธอไว้แน่นด้วยหัวใจที่อบอุ่นแปลกๆ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแสดงก็ละครก็ตาม
'ทำไมรู้สึกมีความสุขจัง'
หญิงสาวเผลอยิ้มหวานออกมา แดนดินแอบเห็นปฏิกิริยาของเธอทุกอย่างซึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกับเธอแม้แต่นิด
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของคนติดตามของคุณกรองทองผู้เป็นย่าของแดนดินทั้งหมด ทุกเรื่องได้ถูกรายงานไปที่คุณกรองทองหมดสิ้น เพราะผู้ที่จะมาเป็นภรรยาทายาทของตระกูลปรีดาโสภณนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร