-งานประมูลเพื่อการกุศลถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูชื่อดังแห่งหนึ่ง-
เหล่านักธุรกิจชื่อดังต่างก็หลั่งไหลมาร่วมงานนี้กันเกือบค่อนประเทศก็ว่าได้ เพราะจะได้หาแสงจากนักข่าวอวดยอดบริจาคให้มูลนิธิด้วยจำนวนเงินที่สูงลิบลิ่ว
เหตุผลคือจะได้เอาไปต่อยอดภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจของตัวเอง และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือแข่งกันรวยนั่นเอง
ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลปรีดาโสภณ วันนี้แดนดินและฉันชนิตมาร่วมการประมูลการกุศลตามคำเชิญของมูลนิธิด้วย
ซึ่งแดนดินนั้นมาแทนท่านประธานคนเก่า นั่นก็คือคุณกรองทองผู้เป็นย่าของเขา ซึ่งกว่างานจะดำเนินไปจนจบลงก็ปาเข้าไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว
"เหนื่อยมั้ยครับคุณนิต?"
สุ้มเสียงที่ห่วงใยถามไถ่ขึ้นอย่างแผ่วเบา
"ไม่เลยค่ะ"
ฉันชนิตยิ้มตอบแดนดิน แววตาของเธอยังมีแววเก้อเขินเขาอยู่ไม่น้อย เนื่องจากความรู้สึกที่มีให้เขานั้นมันเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวันจนเธอรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ได้สบตากับเขา
"กลับกันเลยดีกว่าครับ ไม่มีอะไรแล้ว"
แดนดินมองไปรอบๆเขาไม่ได้ประมูลอะไรมาเลยสักอย่าง แต่ว่า ก็ได้บริจาคให้กับทางมูลนิธิโดยไม่เอ่ยนามไปจำนวนมากโขอยู่
เพราะแดนดินไม่อยากทำตัวให้เป็นจุดเด่นของสังคม เนื่องจากนิสัยเดิมของแดนดินเขาไม่ชอบให้ใครมาก้าวล้ำชีวิตความเป็นส่วนตัวมากเกินไป
"งั้นเดี๋ยวนิตขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
"ได้..งั้นเดี๋ยวผมไปเอารถก่อนนะครับ"
"โอเคค่ะ"
ฉันชนิตรีบพาร่างที่ใส่ชุดเดรสสีครีมยาวกรุยกรายหรูหรารุ่มร่ามแต่สวยงาม หญิงสาวเดินไปอีกทางเพื่อจะไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
วันนี้ฉันชนิตแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเพราะให้เกียรติงานและผู้เป็นเจ้านายของเธอด้วย แดนดินเมื่อแยกกับฉันชนิตแล้วเขาก็รีบเดินออกมาเพื่อจะไปเอารถมารอรับเธอด้านหน้าของโรงแรม
"แดน"
เสียงเรียกที่แดนดินคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังเขา แดนดินหยุดชะงักหันมาตามเสียงเรียกของเขมจิรา
"เขม.."
"เขมเห็นแดนนานแล้วแต่ว่าไม่กล้าเข้าไปทัก"
เขมจิราเดินมายืนประชันหน้ากับเขา เขมจิรามองเขาด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นคลอเบ้า รู้ตัวเองแล้วว่ายังรักแดนดินอยู่เต็มหัวใจ ถึงแม้ว่าสถานะตอนนี้ไม่สมควรที่จะคิดอะไรกับแดนดินอีก แต่หัวใจของเธอก็เรียกร้องมากเกินกว่าที่จะหักห้ามใจไว้ได้
"เอ่อเขมมีอะไรหรือเปล่าครับ?"
แดนดินมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เย็นชา ต่างกับที่มองฉันชนิตราวกับคนล่ะคน
"คุณคบกับผู้หญิงคนนั้นที่เคยเป็นเมียเก็บของธันว์จริงๆเหรอคะ?"
เอ่ยถามอย่างคาดคั้น
"แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?"
"เขมรู้นะคะแดน ว่าคุณคบกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่จะประชดเขม และเพื่อที่จะเอาคืนเขม เรื่องที่เขมทิ้งคุณไปแต่งงานกับธันว์ คุณเข้าหาเธอเพื่อแก้แค้นเขมและธันว์ใช่มั้ยคะ?"
เขมจิราเอ่ยออกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหยดลงบนแก้มนวล แต่แดนดินกลับมองว่าเธอเหมือนกำลังซ้อมบทละครที่เธอกำลังแสดงอยู่เสียมากกว่า
"คุณหยุดพูดเรื่องนี้เถอะถ้าไม่อยากให้นักข่าวมาเจอ"
แดนดินจะเดินผละออกมาแต่ทว่า เขมจิรากลับเข้ามากอดเขาแน่นจากข้างหลัง
"แดน เขมรู้ตัวแล้วว่าเขมยังรักแดนอยู่ เขมจะเลิกกับธันว์นะคะ"
พลั่ก!
เสียงของประตูที่ปิดอย่างแรง ทำให้แดนดินหันไปมองอย่างอัตโนมัติ ภาพที่สะท้อนกลับมาคือเขาเห็นร่างของฉันชนิตที่วิ่งออกไปอย่างเร็วไวปานลมพัด คล้ายกับว่าเธอจะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เขมจิราพูดเมื่อสักครู่
"ปล่อยผม! เขม แล้วเลิกคิดเพ้อเจ้อ ผมไม่ได้รักคุณแล้ว ผมรักฉันชนิต"
เขาแกะมือของเขมจิราออก แล้ววิ่งตามร่างเพรียวของฉันชนิตไป แต่ว่าไม่ทัน เพราะเหมือนกับเจ้าหล่อนจะโบกแท็กซี่กลับไปแล้ว
แดนดินรีบขึ้นรถขับตามแท็กซี่มาจนถึงคอนโดอย่างรวดเร็ว ตามแรงปรารถนาของหัวใจ ที่กลัวเหลือเกิน กลัวเจ้าหล่อนจะเข้าใจผิดเขาในเรื่องที่เขมจิราพูดออกมาทั้งหมด
คอนโด
แดนดินรีบจ้ำอ้าวขึ้นลิฟท์ไปด้วยท่าทางที่ร้อนรนกระวนกระวายใจ กายอยู่ตรงนี้แต่ใจของเขาล่วงหน้าหายไปถึงคนที่อยู่บนชั้นที่สามสิบแล้ว
ก๊อก ! ๆ ๆ
"คุณนิต! เปิดประตูหน่อยครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"
แดนดินเคาะประตูพรางเรียกชื่อเธอไปด้วยเสียงดังกังวาน แต่คนที่อยู่ข้างในไม่ยอมเปิดให้ เพราะตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังนั่งจมกองน้ำตาอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ไม่อยากพบเจอหน้าเขาอีก
"เอ้ย! คุณอย่าเสียงดังรบกวนห้องคนอื่นสิ"
เสียงเปิดประตูของห้องตรงข้ามพร้อมเสียงตะโกนดังออกมา ทำให้ฉันชนิตต้องตัดสินใจไปเปิดประตูให้เขา เพราะไม่อยากให้รบกวนห้องคนอื่นไปมากกว่านี้
แอด!
ทันทีที่ประตูเปิดออก แดนดินก็ดันตัวเองเข้าไปในห้องของเธอทันที
"คุณ จะมาหลอกอะไรนิตอีก?"
พูดพรางน้ำตาใสๆก็หลั่งไหลลงมาเป็นทาง แดนดินเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้เธอ แต่ หญิงสาวหลบมือของเขาพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเสียใจขนาดไหน
"ผมไม่เคยหลอกอะไรคุณเลย"
"ไม่หลอกอย่างนั้นหรือ?"
"สิ่งที่คุณได้ยิน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขมพูดทุกเรื่องหรอกนะ"
"แต่เรื่องที่คุณกับเธอเป็นแฟนกัน มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย?..ทำไมต้องปิดบังเรื่องนี้ด้วย?"
"เรื่องจริงครับ..แต่ที่ไม่บอก ผมเห็นว่ามันไม่มีอะไรที่สำคัญกับผมอีกแล้ว"
ฉันชนิตรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนผู้หญิงคนนั้น แย่งดวงใจไปเป็นครั้งที่สอง ถ้าแดนดินยังคงรักเขมจิราอยู่เธอก็คงจะเสียใจอีกครั้ง
"ออกไปเถอะค่ะ อย่าดึงนิตเข้าไปในเกมส์แก้แค้นของคุณเลย นิตไม่อยากเป็นเครื่องมือแก้แค้นใคร"
บอกเขาด้วยน้ำตาอาบแก้ม แดนดินมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่เคยคิดว่าจะมาทำให้เธอต้องเสียใจขนาดนี้
"ผมไม่เคยอยากจะแก้แค้นใครทั้งนั้น ผมไม่เคยอยากจะเข้าหาคุณเพราะเรื่องแก้แค้นหรือเอาคืนใคร"
แดนดินยืนยันกับฉันชนิตด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งมั่นคงจริงจัง บอกให้เธอรู้ว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด อยากให้เธอเชื่อใจเขา
"งั้นคุณทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร ในเมื่อนิตก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณแดน"
"ใช่! ผมไม่บริสุทธิ์ใจกับคุณ เพราะทั้งแต่วันที่คุณร้องไห้เจ็บปวดต่อหน้าผมท่ามกลางสายฝนในคืนนั้น หัวใจของผมมันก็ไปอยู่ที่คุณแล้ว"
"คุณแดน คุณพูดอะไรออกมา"
ฉันชนิตตะลึงกับสิ่งที่เขาบอกมา เธอเบิกตาจ้องเขานิ่งไม่เคยคาดคิดแม้แต่นิดว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ร่างแกร่งดึงร่างบางเข้าไปในอ้อมกอดของเขา น้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่รู้สึกมาตลอด มันหมายความว่า เขารักเธอ
"ผมชอบคุณ ชอบมาก ชอบมาตลอด เวลาที่เราได้อยู่ใกล้กัน ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ฉันชนิต"
มือใหญ่ของเขาเอื้อมมือไปปาดน้ำตาบนใบหน้านวลอย่างอ่อนโยน พอๆกับน้ำตาของเขาที่มันไหลหยดออกมาเหมือนกัน แน่ใจเหลือเกินว่าหมดใจนี้ มีแค่ฉันชนิตเท่านั้น
"คุณแดน..."
ฉันชนิตกอดตอบเขาแน่น รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาดังๆ อยากจะระบายความรู้สึกตอนนี้ออกมา ใช่ว่าจะปวดใจ แต่มันรู้สึกซึ้งใจ รู้สึกมีความสุข ปะปนกันไป
"คุณไม่ได้รักเธอแล้วใช่มั้ย?"
"ทั้งแต่รักคุณ ผมก็ไม่เคยรักใครอีก"
ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเหมือนเดิม
"ฉันชนิต"
"คะ.."
หญิงสาวผละออกมาจากอ้อมกอดอุ่นนั้น เพื่อจะฟังที่เขาพูด
"รักผมบ้างมั้ยครับ?"
"คุณแดน.."
ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไรออกมา ริมฝีปากหยักนั้นทาบทับลงมาเสียก่อนอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ก็ไม่ขัดขืน ตอบรับจูบอ่อนหวานนั้นอย่างเต็มใจ คงไม่ต้องตอบว่ารู้สึกเหมือนเขาหรือไม่ ในเมื่อยอมเขาขนาดนี้แล้ว