“แค่ครึ่งวันก็จะตายเลยเหรอคะ เวอร์ไปหรือเปล่าเนี่ย” ปรือตาหวานฉ่ำขึ้นแล้วย้อนเสียงกระเง้ากระงอด ใบหน้างามยุ่งเหยิงเพราะยังนอนกลางวันไม่เต็มอิ่ม
“จริงจ้ะ แค่วินาทีเดียวที่ไม่ได้ยินเสียงหวานๆ ของเมียจ๋า ผัวก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้วทูนหัว” พูดไม่ทันขาดคำคนติดเมียเสียยิ่งกว่าอะไรดีก็ก้มลงพรมจุมพิตสะเปะสะปะไปทั่วซีกหน้าสวยพริ้ง
“ปากหวานนัก อย่าให้จับได้เชียวว่าแอบมีอีหนู จะเฉือนหนอนน้อยให้เป็ดกินจริงๆ ด้วย” ขยับตัวมานอนหงาย แล้วแสร้งตีหน้าขรึมทำเสียงเขียวข่มขู่สามี พลางดึงแก้มสากเบาๆ
“ไม่มีจ้า ไม่มี” คนตัวโตรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธพัลวัน ก่อนจะแสร้งตีหน้าและทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมได้อย่างน่าหมั่นไส้
“แหม…รีบออกตัวเชียวนะ” ลักษณ์ณาราค้อนควัก แล้วเอ่ยกระแนะกระแหน แต่แทนที่เจ้าพ่อหนุ่มจะนึกโกรธเคืองกลับระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมา เห็นเมียทำตาเขียวใส่ก็ยิ่งพอใจ ก้มลงฉกจมูกคมสันเข้าที่พวงแก้มนวลปลั่งด้วยความมันเขี้ยว
“ได้ทีทำเป็นขู่เชียวนะ ยายตัวแสบ เดี๋ยวเจ้าพ่อก็พิสูจน์ให้รู้ซะเลยว่า ‘ไอ้เนี่ย’ ไม่ใช่หนอนน้อย แต่มันคือพญามังกรยักษ์ที่ทำให้เมียจ๋าร้องครางเสียงหวานๆ ได้ทุกครั้งที่เรารักกัน” คนที่ไม่ได้โตแต่ตัวไม่พูดเปล่า หากแต่แกล้งถูไถสัดส่วนอันสุดแสนอลังการที่กำลังตื่นตัวเพียงแค่ได้เข้าใกล้เมียรักเข้าที่สะโพกกลมกลึง
“บ้า เซี้ยวจริงเชียว!” ตีต้นแขนล่ำดังเผียะ พลางย่นจมูกใส่ ทำเป็นขึงขังเหมือนเคืองขุ่น แต่ใบหน้างามยังไม่วายแต่งแต้มไปด้วยรอยแดงระเรื่ออย่างน่ามอง
“ที่รักลองทายดูสิจ๊ะว่าวันนี้ผมไปเจอใครมา” หลังจากพยุงร่างอวบอิ่มของภรรยามานั่งพิงพนักหัวเตียง เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างก็เอ่ยถามไถ่ด้วยน้ำเสียงและท่าทางเปี่ยมสุขจนคนมองชักจะหมั่นไส้
“ไม่รู้สิ กิ๊กเก่ามั้งคะ” ว่าที่คุณแม่ลูกสามที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองท้องได้สองเดือนเมื่อไม่นานมานี้ตอบเสียงสะบัด ใบหน้างดงามบึ้งตึง ดวงตาสีนิลเขียวปั้ด
“โธ่คนดี อย่าเพิ่งรวนสิจ๊ะ” ตามไปประคองใบหน้างามให้หันมาสบตา แล้วส่งเสียงหวานไปออดอ้อนแม่คนขี้งอนและเจ้าอารมณ์ หากแต่ในส่วนลึกเขากลับรู้สึกอบอุ่นที่ภรรยาแสดงท่าทีหึงหวง
“งั้นอยากพูดอะไรก็พูดมาสิคะ” จับมือสามีออกจากข้างแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยเปิดทางคนที่ยังทำหน้าระรื่นเสียงกระเง้ากระงอด
“น้ำจำแม่ทูนหัวของไอ้ตัวแสบได้ไหมจ๊ะ” ได้ยินสามีพาดพิงถึงลูกชายในวาจาแสลงหู คุณแม่ยังสาวก็ย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้
“คุณมัลลิกาที่คุณให้เป็นแม่ทูนหัวของน้องมิคกี้น่ะเหรอคะ” ร่างบางหันขวับกลับมามองหน้าหล่อระเบิดของสามีด้วยความกระตือรือร้น
“ใช่จ้ะ” พยักหน้าหงึกหงัก พร้อมระบายยิ้มละไมเต็มใบหน้า เขาเองก็ยินดีที่ได้พบผู้มีพระคุณไม่ต่างจากภรรยา ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เรียกร้องอะไร เขาก็อยากจะเสนอขึ้นเงินเดือนให้ด้วยความเต็มใจ เมื่อเธอผ่านช่วงเวลาทดลองงานสามเดือนไปแล้ว
“แล้วทำไมจู่ๆ คุณถึงพูดถึงเธอล่ะคะ ทั้งที่มันผ่านมาตั้งสามปีแล้ว” หลังจากทำแก้มป่องและเอียงคอครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ เสียงหวานก็เอ่ยตอบโต้สามีด้วยท่าทางแปลกใจแกมใคร่รู้
“ก็เพราะว่าผมไปเจอเธอมาน่ะสิจ๊ะ” คนตัวโตยืดอกล่ำสันขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงทุ้มบอกกับภรรยาสุดที่รักด้วยท่าทางภาคภูมิใจ เพราะรู้ดีว่าแม่คุณทูนหัวจะต้องทำท่าตื่นเต้นดีใจอย่างที่เขากำลังเป็นอยู่
“จริงเหรอคะ!” เสียงหวานอุทานลั่น ดวงตากลมโตลุกวาวด้วยความตื่นเต้นระคนยินดี ตาสีนิลจ้องใบหน้าของสามีเพื่อรอเอาคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“จริงสิจ๊ะ” พยักหน้าบอก ก่อนจะจรดจมูกคมสันลงไปฉกฉวยความหอมกรุ่นจากพวงแก้มที่อุดมไปด้วยเลือดฝาด
“แล้วคุณไปเจอเธอที่ไหนคะ” ลักษณ์ณาราซักไซ้สามี เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันจะกลมได้มากถึงเพียงนี้
“บริษัทของเราจ้ะ” ตอบพลางยกร่างผุดผาดมานั่งเกยบนตักแกร่ง ความต้องการที่กำลังประกาศชัดทำให้คนท้องอ่อนๆ ถึงกับหน้าร้อนวาบ จำต้องนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติง
“เธอทำงานที่บริษัทของเราเหรอคะ” คำตอบที่ได้รับทำให้หญิงสาวมีความตื่นเต้นเป็นเท่าทวี เพราะถ้ามัลลิกาทำงานอยู่กับสามีของเธอจริงๆ ก็ง่ายต่อการที่เธอจะหาโอกาสไปขอบคุณและตอบแทนในบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่อีกฝ่ายได้เคยทำให้เมื่อสามปีที่แล้ว
“ใช่จ้ะ ทูนหัว ฝ่ายบุคคลเพิ่งรับเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่งมัณฑนากร” ชายหนุ่มบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน และนั่นก็เรียกรอยยิ้มกว้างให้ปรากฏบนดวงหน้างาม
“ดีจังเลยค่ะ น้ำจะได้หาโอกาสไปเจอเธอ” เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้นัยน์ตาสีนิลก็เปล่งประกายพราวระยับด้วยความยินดี
“น้ำจะไปบริษัทกับผมพรุ่งนี้เลยไหมล่ะ ผมจะได้เรียกเธอขึ้นมาพบบนห้องทำงาน” ได้ทีเจ้าพ่อหนุ่มก็หลอกล่อให้แม่ยอดรักไปที่ทำงานกับตัวเอง เพราะเขาจะได้ไม่ต้องทิ้งงานในตอนบ่าย แล้วแจ้นมาซบอกเมียที่บ้านให้คนทั้งบริษัทได้เอาไปนินทาอย่างสนุกปาก แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนมันเป็นโรคติดเมียนี่หว่า
“ไม่เอาดีกว่า ชวนเธอมากินข้าวที่บ้านเข้าท่ากว่ากันเยอะ” คนรู้เท่าทันความคิดของคนเจ้าเล่ห์รีบส่ายหัวไปมาเป็นการปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตนอยากจะให้เป็น
“เอางั้นหรือ ทูนหัว” มาร์โบโลถามพลางเลิกคิ้วดกขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าภรรยาต้องการอย่างที่ได้ลั่นวาจาออกมาจริงๆ หรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วแม่คุณไม่ชอบเชิญใครมาบ้านง่ายๆ
“ค่ะ ถ้าคุณทำให้เธอยอมมาที่บ้านเราได้ น้ำมีรางวัลให้…ชุดใหญ่เลยนะคะ” ไม่พูดเปล่าแต่แม่ดาวยั่วจอมซนค่อยๆ ลุกขึ้นจากตักกว้าง ขยับเท้าถอยห่างจากสามี แล้วแสร้งถลกกระโปรงมาถึงโคนขาขาวผ่องเป็นยองใย ส่ายสะโพกน้อยๆ พร้อมทำเสียงครางเซ็กซี่ยั่วเย้าในลำคอ มือใหญ่พยายามตามตะครุบแต่ไม่ทัน ทำเอาคนเป็นสามีต้องครางระโหยด้วยความแสนเสียดาย
“งั้นตอนนี้ขอน้ำจิ้มก่อนก็แล้วกันนะ ทูนหัว” ขาดคำร่างทรงพลังก็กระโจนเข้าปลุกปล้ำเมียรัก ไม่นำพาเสียงกรีดร้องห้ามปราม และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าพ่อหนุ่มก็เปลี่ยนเสียงคัดค้านเป็นเว้าวอนอ่อนหวาน กว่าบทรักของทั้งสองจะสิ้นสุดลงก็เกือบเลยเวลาอาหารเย็น
“ฮัดเช้ย!” การจามติดกันหลายๆ ครั้งในเวลาพลบค่ำ ทำให้ร่างสวยสะพรั่งของคุณแม่ยังสาวสะดุ้งสะเทือนไปตามแรงจาม หากแต่การจามในครั้งนี้กลับไม่มีอาการคัดจมูกเข้าร่วมด้วย ทำให้มัลลิกาอดที่จะย่นคิ้วเรียวทำท่าฉงนไม่ได้
‘เอ๊ะ…หรือว่าจะมีใครแอบนินทาเรา’ หญิงสาวได้แต่คิดอย่างติดตลก
แต่ก็น่าแปลกอยู่เหมือนกันที่หัวตาข้างซ้ายกระตุกยิกๆ โบราณท่านว่าขวาร้ายซ้ายดี หรือว่าเธอจะเจอเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตกับเขาบ้าง หลังจากที่พานพบแต่กับมรสุมที่รุมกระหน่ำจนทุกข์ระทมในจิตใจมาเกือบตลอดชีวิต แต่จะเจอกับเรื่องดีๆ ได้อย่างไรกัน ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังประสบกับปัญหาภาวะการเงินล้มเหลวขั้นรุนแรง ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกชาย อีกทั้งยังกลัดกลุ้มเพราะคิดเรื่องนี้ไม่ตก ทางออกที่พอจะคิดได้ตอนนี้คือเธอต้องไปทำงานกลางคืนตามที่เพื่อนแนะนำ เพราะงานกลางคืนได้เงินดี ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงอันตรายอยู่ไม่น้อยก็เถอะ
“แม่ลิก้าไม่สบายหรือเปล่าครับ” คนป่วยตัวน้อยที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้หนึ่งอาทิตย์ส่งเสียงงัวเงียถามผู้เป็นแม่เบาๆ แล้วจึงพยุงร่างของตัวเองขึ้นบิดขี้เกียจไปมา
“ไม่จ้ะลูก แม่ไม่ได้เป็นอะไร แม่แค่จามเฉยๆ ครับคนดี” ปฏิเสธเจ้าตัวน้อยที่ส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้อย่างเอ็นดูระคนตื้นตันใจ หากขาดแดนไทยไปสักคนก็ไม่รู้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอรักและผูกพันกับหลานชายผู้เปรียบประดุจดั่งลูกในไส้เหลือเกิน
“เอ๋…แม่ทำให้เจ้าจอมซนของแม่ตื่นหรือเปล่าจ๊ะ แม่ขอโทษนะลูก ที่จามดังไปหน่อย” ก้มลงจุมพิตกระหม่อมบางอย่างแสนรัก ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยถามลูกชายอย่างเป็นห่วง ด้วยเกรงว่าเจ้าตัวน้อยจะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่หลังจากแดนไทยหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนต้องนอนผวาและสะดุ้งตื่นมาร้องไห้ในตอนกลางดึก
“ไม่ครับ แดนตื่นเพราะว่าปวดฉี่ครับ แม่ลิก้า” เด็กชายแดนไทยตอบเสียงใส พลางชูมือให้ผู้เป็นแม่พาลงจากเตียง เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นมัลลิกายังยืนนิ่งเฉย พ่อหนุ่มน้อยก็ส่งตากลมโตมาออดอ้อนออเซาะ จนหญิงสาวอดที่จะหัวเราะขบขันด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“งั้นมาครับ แม่จะพาไปเข้าห้องน้ำ” พอได้ยินคุณแม่ใจดีจะพาไปเข้าห้องน้ำพ่อหนุ่มน้อยก็เผลอยกแขนทั้งสองข้างขึ้นด้วยความลืมตัว เมื่อความเจ็บเข้าจู่โจมที่หัวไหล่ซ้าย แดนไทยถึงได้ค่อยๆ ลดแขนลง พร้อมเบ้ปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“เจ็บไหล่เหรอครับ คนดี” มัลลิการีบถามไถ่ลูกชายด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาแล้วลูบไล้เบาๆ อย่างปลอบประโลม การที่ลูกชายถูกลอบทำร้ายในครั้งนี้ทำให้มัลลิกาต้องระทมทุกข์เป็นเท่าตัว เพราะไม่เพียงแค่แผลเก่าที่นิ้วเท้าข้างขวาจะกลับมาเหวอะหวะ แต่หัวไหล่ซ้ายของแดนไทยยังเกือบหลุดอีกด้วย
“ครับ แม่ลิก้า มันเหมือนไหล่จะหลุดเลยครับ ฮือๆๆ” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าให้ผู้เป็นแม่แรงๆ แล้วร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“ชูว์…นิ่งเสียนะ ไม่เอาไม่ร้องครับ คนดีของแม่ ลูกผู้ชายต้องไม่ขี้แยนะครับ” เสียงหวานเจือไปด้วยความอาทรเอ่ยปลอบประโลม พลางยกมือเรียวขึ้นลูบหัวน้อยเบาๆ
“ฮึก…ครับ ต่อไปนี้แดนจะเข้มแข็ง จะได้ปกป้องแม่ลิก้าได้” พ่อสุดหล่อวัยกระเตาะยกมือขึ้นสองนิ้วทำสัญลักษณ์สัญญากับผู้เป็นแม่ทั้งที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น จนมัลลิกาเผยรอยยิ้มแห่งความเอ็นดูระคนรักใคร่ ความไร้เดียงสาของลูกชายทำให้เธอหัวเราะและยิ้มได้เสมอมา
ฟอด!
“เก่งมากครับ เจ้าชายน้อยของแม่” คุณแม่คนสวยก้มลงห้อมแก้มแดงระเรื่อของลูกชายฟอดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยชมเสียงหวานละมุน
จากนั้นมัลลิกาก็ประคองร่างน้อยของคนที่บ่นว่าปวดฉี่ลงจากเตียง มือทั้งสองข้างค่อยๆ พยุงลูกชายสุดที่รักมานั่งบนรถเข็น แล้วออกแรงเข็นไปยังห้องน้ำ เพราะหากจะใช้ไม้ค้ำยันไหล่ซ้ายของแดนไทยก็ยังเจ็บ และไม่พร้อมที่จะใช้งาน ทุกการกระทำของคนเป็นแม่เปี่ยมไปด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าการเคลื่อนไหวของตนจะกระเทือนไปถึงแขนของลูกชาย
“ขอบคุณครับ แม่ลิก้า” มือเรียวของแม่ดึงกางเกงขึ้นใส่ให้เสร็จ เด็กชายแดนไทยก็พนมมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ตามที่แม่สอนมาทุกกระเบียดนิ้ว