ตอนที่ 1

1913 คำ
1 เดรสเกาะอกระบายลูกไม้บนเรือนร่างงามสง่า ชายลากยาวไปตามพื้นพรมแดง ในถุงมือเข้าคู่กันกับชุดสวย เจ้าสาวกำดอกกุหลาบสีขาวช่อโตก้าวผ่านกลีบดอกไม้หลากสีด้วยรองเท้าแก้วราคาแพง ควงคล้องแขนเจ้าบ่าวด้วยหน้าตาหวานชื่น ห้องบอลลูมของโรงแรมห้าดาวถูกเนรมิตให้เป็นสรวงสวรรค์ของดอกไม้นานาพรรณ สถานที่ในฝันสมฐานะของคนทั้งคู่ ด้วยฝีมือของเจ้าภาพงานแต่ง ทางฝ่ายชายนั้นประกอบธุรกิจโรงงานผลิตอาหารแห้งส่งออกบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ ฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวเจ้าสัวบูรพากรณ์ เจ้าของธุรกิจสินค้าอาหารแปรรูป เณศรามาร่วมยินดีทั้งงานแต่งเช้าและเย็น ด้วยความที่เธอต้องจัดอาหารว่าง นำขนมปังเบเกอรี่มาส่ง ช่วงหัวค่ำยังต้องจัดเค้กงานแต่งสูงเจ็ดชั้น ด้านบนเป็นซุ้มดอกไม้รูปหัวใจทำจากน้ำตาลไอซิ่ง มีสองหนุ่มสาวกอดคอเต้นรำเหมือนเจ้าชายเจ้าหญิงในนิทาน ตามคำขอของเจ้าสาวที่บอกผ่านทางแม่เจ้าบ่าว เจ็บ! แต่ต้องทำตัวเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไร กระทั่งสิ้นสุดงานแล้วเธอยังไม่ได้ยินคำขอโทษหรือคำแก้ตัวดี ๆ จากปากเขาเลย ร่างบางในเดรสสีขาวแขนยาวเผยผิวขาวเนียนละเอียดทั่วแผ่นหลัง กระโปรงเอวสูงฟูฟ่องความยาวประเข่า หนุ่มบางคนเคยบอกกับเธอว่าแต่งตัวได้น่ารัก เณศราไม่รู้สึกชื่นชมชื่นใจมันอย่างเคย แววตาคู่คมปลาบเอ่อคลอบอกว่าเขารู้สึกผิดยามสบประสานสายตาเธอในฐานะคนอื่น ไม่ใช่คนรู้ใจ เธอทำได้แค่ฝืนทนอดกลั้นความขมขื่น ทั้งที่อยากยืนจิกทึ้งหัวตัวเอง ส่งเสียงกรี๊ดยืนดิ้นพล่านเป็นนางร้ายในละครหลังข่าว เธอไม่อยากแม้แต่จะอวยพรบ่าวสาวป้ายแดงแต่อยากใส่ชุดดำมาล่มงานวิวาห์ ในความเป็นจริงแล้วสาวเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างเธอกลับเอาแต่ยิ้ม... ยืนกินเค้กหน้าระรื่นยังกับว่ามันผสมก***า! จะให้ทำยังไงในเมื่อรับปากเขาไปแล้ว วันนี้เธอเป็นแค่ลูกจ้างที่พ่อแม่เขาจ้างวานมาในราคาพิเศษ ถูก... พิเศษ! ราคาคนกันเอง! หญิงสาวคงได้แค่คิดแค้นในใจ คอยนับเลขถอยหลัง ยกนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กกะทัดรัดหน้าปัดสีชมพูขึ้นมาดูบ่อยครั้ง เสียงปรบมือสนั่นดังในอีกไม่นานหลังจบการนำเสนอเรื่องราวผ่านจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ว่าคนทั้งคู่มาเจอกันในงานรวมรุ่นแล้วรักกันแต่แรกเห็น ภาพเคลื่อนไหวแสนหวานของคู่รักเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ! ใครก็รู้ว่าสองครอบครัวแต่งงานกันด้วยเรื่องหุ้นและธุรกิจ สองบ้านนี้ยังเก่งเรื่องงานสร้างภาพ เณศราพยายามทำตัวเป็นปกติจนจบงานแต่งอลังการงานสร้าง คล้ายกับว่าเป็นการโชว์หน้าตาทรัพย์สินความร่ำรวยของบ่าวสาว การหลอกลวงคนหมู่มากซะกว่าเป็นงานมงคล และเมื่อเค้กก้อนโตถึงเจ็ดชั้นถูกหั่นด้วยปลายมีดแหลมที่ผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีแดง สองบ่าวสาวคงไม่รู้ตัวว่าเพิ่งจะหั่นหัวใจคนทำเค้กเป็นชิ้น ๆ ซึ่งพวกเขาคงจบแค่มีดเดียว ค่อยควงแขนกันมาเยาะเย้ยพร้อมพ่อแม่พี่น้องที่รู้ว่าลูกชายของพวกเขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับเณศรามาตลอดสามปี “ขอบคุณที่มาร่วมงานแต่งพี่นะเนย ขอบคุณเรื่องเค้ก... ขนมด้วยครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ เนยชอบทำเค้กอยู่แล้ว งานสำคัญขนาดนี้ เนยยินดีกับพี่ปัดด้วยนะคะ ยังไงเนยขอกลับไวสักหน่อย ขออนุญาตนะคะคุณลุงคุณป้า...” เผ่นไว... สายฟ้าแลบ! ใต้รอยยิ้มสดใสบนดวงหน้างามที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อนพอดียังไม่เปิดเผยความรู้สึกแม้สักนิด มาร่วมแสดงความยินดี! ท่องไว้ว่าควรยินดีกับความรักของคนทั้งคู่ “สำเหนียกตัวเองดี... สมเป็นลูกสาวข้าราชการ มารยาทงามเสมอต้นเสมอปลายเนอะเพื่อนยัยวิเนี่ย” เสียงหัวเราะเยาะเป็นเสียงของคุณแม่เจ้าบ่าว เณศราจำได้ดีเพราะไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหน ทุ่มเทความจริงใจไปสักเท่าไรกลับไม่เคยถูกใจคนบ้านนี้ กระนั้นเธอยังคงยิ้มรับคำชมยกมือไหว้งามช้อยก่อนหมุนกายเดินจากไป มือเรียวบีบกระเป๋าหนังแบรนด์เนมแน่น เม้มริมฝีปากเหยียดตรงก้าวเดินอย่างว่องไว โดยมีเพื่อนสาวตามมาติด ๆ “เฮ้ย... เนย รอก่อน!” ปวิมลรีบตามเพื่อนให้ทัน ปลายส้นสูงแหลมย่ำออกมาจากงานที่เต็มไปด้วยผู้คน คว้าแขนเรียวเอาไว้ทันเจ้าตัวก็แค่ยิ้มแล้วถามมีอะไรจ๊ะ? นั่นทำให้คนเป็นเพื่อนยิ่งใจคอไม่ดี จนมาลานจอดรถโล่งกว้าง “ฉันขอโทษนะแก... ขอโทษจริง ๆ ว่ะ” น้ำเสียงสำนึกผิดมาพร้อมการปลอบประโลม มือเรียวโอบบ่าอย่างสนิทสนมด้วยความที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม “นี่แม่งความผิดฉันล้วน ๆ ฉันไม่น่าแนะนำพี่ชายให้แกรู้จักเลย แกไม่ควรต้องมาเสียใจขนาดนี้อะ” “คิดมากไปนะแก ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย” เณศรายิ้มกลบเกลื่อน หน้าฮอนด้าแจ๊ซคันโปรดที่เธอหยิบรีโมตออกมากดปุ่มเปิดประตู โอบเอวบางของเพื่อนที่อยู่ในชุดสวยเหมือนกันคงโกรธไม่ลง “แกอย่าทำหน้าตายเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวดิ ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ เลยนะ อกอีวิจะแตกตายอยู่แล้วนังเนยเอ๊ย!” “มันไม่อะไรเลยเรื่องแค่นี้ พี่ปัดเขาแค่ไม่กล้าบอกฉันเท่านั้นเอง ฉันเข้าใจพี่เขานะ เป็นฉันฉันก็คงไม่กล้าบอก” เขาก็แค่โกหกเธอ... ทรยศหักหลังกันหน้าด้าน ๆ! อันที่จริงเธอยังไม่เคยเจอผู้ชายประเภทนี้ด้วยซ้ำแต่นึกถึงคำของแม่ว่าให้มองโลกบวกเสมอ ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร ทุกคนมีสิทธิ์ในชีวิตที่จะทำอะไรก็ได้ “พี่ปัดไม่ได้อยากแต่งกับนาง เขาชอบแกมากนะเว้ยไม่งั้นไม่ตามจีบมาตั้งสามปี... สงสารสองคนเลย ทำไงดี? ช่วยไรไม่ได้...” “ไม่เป็นไรจริง ๆ นะวิ… คนเขามีความสุข พี่ชายเพื่อนมีความสุขฉันก็ดีใจด้วยจ้ะ” รอยยิ้มหวานของคนที่ไม่ขึ้นรถสักที แต่ยืนคุยกับเพื่อนอย่างน่ารักใจเย็นทำเอาปวิมลเบิกตากว้าง “อั๊ยย่ะ… ทำไมแกไม่บวชไปเลยวะ วัดแถว ๆ บ้านก็ได้นะ พ่อแม่แกได้ไปหาได้ด้วย” “เป็นความคิดที่ดี เอาไว้ฉันจะลองเก็บเรื่องนี้ไปคิดดูนะ เผื่อธรรมะจะช่วยเยียวยาใจ ช่วยธุรกิจเบเกอรี่ของฉันให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า” “แกก็ขายดีอยู่แล้วนี่นา... เอ้อ มีอะไรคุยกับฉันได้นะ วันนี้ฉันนอนเป็นเพื่อนแก” “ยินดีต้อนรับเสมอจ้ะ แต่ว่าไม่ต้องห่วงเพื่อนมากนะ ฉันโอเคไม่ทำให้ใครไม่สบายใจเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องประหลาดขนาดนี้ วันหนึ่งมันต้องกลายเป็นตลกกับฉันแน่ ๆ แหละแก” สมกับเป็นเณศรา... คนเป็นเพื่อนต้องรู้แน่แล้วว่านั่นเป็นการประชดประชันเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะขึ้นรถมาด้วยกันแล้วก็ยังไม่ได้ยินเรื่องที่ควรพูดเช่นว่าทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมเขาทิ้งฉันไป หรือผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สองมือเรียวจับพวงมาลัยมั่นคงในสีหน้าปกติสุข คนขับยังเปิดเพลงสนุก ๆ ในรถ พูดคุยกันเรื่องเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ตอนนี้ต่างคนคงกำลังร่วมสนุกกับงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน ในเมื่อตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงแล้วเธอก็จะไม่สนใจ เธอจะไม่ติดต่อเขาอีก จะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งสติ๊กเกอร์ไลน์น่ารัก ๆ ถามว่าเขาถึงบ้านหรือยัง เธอไม่มีสิทธิ์... เจอหน้าเขาทุกวันเหมือนเดิม พรุ่งนี้ไปจะไม่มีคนมาขับรถให้เธออีกแล้ว ไม่มีคนมาช่วยขนขนมปังนั่งกินเค้กส่งยิ้มหวาน หลังจากที่สาวแปลกหน้าเพิ่งมาตีทะเบียนสลักคำสำคัญว่า ‘สามี’ หล่อน สายตาริษยาอาฆาตจงใจมองหน้าอย่างรังเกียจราวกับว่าเป็นเสนียดในงาน ไม่ทักทายกันสักคำต่อให้เธอจะเป็นแขกคนหนึ่งที่มีน้ำใจใส่ซองให้บ่าวสาว ใคร ๆ ก็เห็น เธอไม่ได้ถือสา... แต่ปล่อยวางทุกอย่างลงพร้อมน้ำตามากมายที่รินไหลอยู่ภายใน สงบมันไว้ให้หยุด สุดก้นบึ้งของหัวใจในเมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ควรค่า... ใช่... เขาไม่ควรค่ากับความรักบริสุทธิ์ของเธอสักนิด! ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่ากับเพื่อนรัก หลังอาบน้ำแต่งตัว แล้วนั่งคุยกันเล็กน้อยประสาเพื่อนสนิทที่มาค้างอ้างแรมบ่อย ๆ ปวิมลคิดว่าคนสดใสใจดีมองโลกบวกเสมอคงไม่เป็นไร แต่พอปิดไฟเท่านั้น กลับต้องคอยยกมือลูบศีรษะสั่นเทาไปถึงหัวไหล่ในเดรสนอนตัวการ์ตูนน่ารักจนเจ้าตัวหมดแรง ผล็อยหลับไปในความเงียบ ไม่มีเสียงสักแอะ นั่นทำให้เธอไม่สบายใจจนถึงกับโทรไปต่อว่าพี่ชาย “ทำแบบนี้กับเพื่อนวิได้ไง? ไม่ชอบกันทำไมต้องมาให้ความหวัง พี่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเหรอ?” [พี่จำเป็นต้องแต่งให้พ่อแม่... เพื่อครอบครัวเรานะวิ... วิรู้ว่าพี่ชอบเนย] การแต่งงานของสองครอบครัวเพื่อการปรองดองกันทางธุรกิจ... ไม่ได้เกิดจากความรัก ปวิมลรู้เรื่องนี้มาก่อน แค่ไม่คิดว่าพี่ชายจะบ้าจี้แต่งตามใจผู้ใหญ่ ในเมื่อบ้านของเธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน พี่ชายเธอเองก็เป็นหนุ่มหงิม ๆ ไร้พิษภัย คบกับเพื่อนมาตั้งหลายปีไม่รุกบุกไม่อะไร มากสุดที่ใครเห็นก็แค่จับมือ กอด หอมแก้ม เท่านั้นจริง ๆ ขนาดว่าโดนลูกยุจากน้องสาว พี่ชายผู้แสนเรียบร้อยอ่อนโยนไม่มีเก็บไปคิดเรื่องใต้สะดือ ปวิมลแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้ชายแบบนี้บนโลกแต่ก็มี! อีพี่เธอนี่ไง! ในขณะที่มันไม่ควรมีใครต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้โดยเฉพาะผู้หญิงแสนดีคนหนึ่งที่แค่โชคร้าย... เจ้าสาวของพี่... พี่สะใภ้หมาด ๆ ยังเอาเรื่องใช่ย่อย รวิตามีนิสัยตรงกันข้ามกับเณศราทุกอย่าง “วิว่านางเหมือนคนบ้า เหมือนลูกคนรวยที่โดนตามใจจนเสียนิสัย วิไม่ชอบ บอกว่าเลยวิจะไม่กลับบ้านไปเจออีวินั่น วิจะเก็บของออกไปอยู่เอง ฝากบอกป๊าม๊าด้วยแล้วกัน” [ทำแบบนั้นเพื่อนเราจะยิ่งเดือดร้อน เดี๋ยวป๊าม๊าไปโวยวายใส่เนยอีก แค่ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ก็พอพี่ว่า] “ไม่ค่ะ... ตรงนี้ใกล้ที่ทำงานกว่าด้วย ใกล้รถไฟฟ้าไปทำงานสะดวก นาน ๆ กลับบ้านทีดีกว่า” ปวิมลเชิดหน้าชูคอระหว่างถกเถียงกับพี่ชาย ก่อนที่เธอจะไปหลบคุยตรงระเบียงของคอนโดมิเนียมด้วยกลัวว่าเสียงโทรศัพท์จะทำให้เจ้าของห้องตื่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม