“พี่ไวยคะ ใช่พี่ไวยรึเปล่า” เสียงของดวงใจดังขึ้น ผมจึงรีบปีนกำแพงขึ้นไปดู แล้วผมก็เห็นว่าดวงใจออกมายืนรอผมแล้ว ผมรีบโดดลงไปทันที ทำให้ผมมองเห็นหน้าของคนตัวเล็กได้ชัดขึ้น
“พี่คิดว่าดวงใจจะเบี้ยวซะอีก”
“ดวงใจแค่มาบอกพี่ว่าอย่ากดกริ่งคะเพราะไม่อย่างนั้นพี่อาจจะเจ็บตัวได้”
“ใครสน พี่แค่อยากเห็นหน้าดวงใจก็เท่านั้น”
ดวงใจอายจนหน้าแดงกล่ำเลย ผมจึงจับมือเธอเบาๆก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปที่รั้วบ้าน
“อะไรคะ”
“ปีนไง ไหวปะ”
“ไม่เอาคะ ดวงใจปีนไม่เป็น แล้วนี่ก็ดึกแล้วด้วย”
งั้นขี่คอพี่”ผมจับดวงใจขี่คอทันทีแล้วดันตัวเธอขึ้นไปที่กำแพง เธอดูตกใจมากนะเพราะเธอยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว แต่ก็สามารถจับกำแพงเอาไว้ได้ ผมให้ดวงใจนั่งรอบนกำแพงเอาไว้ก่อน ก่อนที่ผมจะรีบปีนกำแพงออกไปแล้วไปรอรับเธอจากด้านนอก
“ลงมาเลย พี่รอรับอยู่”
“มะ...ไม่เอาคะ ดวงใจกลัว มันสูงมากเลยนะคะพี่ไวย”
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่รอรับอยู่จริงๆ ลงมาเหอะ เชื่อใจพี่นะ”
ดวงใจมองหน้าผมก่อนที่เธอจะหลับตาแล้วปล่อยตัวลงมาสู่อ้อมกอดของผม จะว่าก็ใจเด้ดอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะ
“ลืมตาได้แล้วคนเก่ง”
ดวงใจค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธองี้ยิ้มหน้าบานเลยครับเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรและยังปลอดภัยดี
“พี่ไวยเก่งจังค่ะ รับดวงใจได้ด้วย
“คนที่เก่งคือดวงใจต่างหาก ไม่ใช่พี่ ไป ขึ้นรถกัน เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยว”
“ไปไหนคะ นี่มันดึกแล้ว แถมดวงใจยังแต่งชุดนอนอีกด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่หาชุดให้เปลี่ยน ไปในที่ที่สนุกกันดีกว่า”
ผมอุ้มเธอขึ้นไปนั่งคร่อมบนรถก่อนที่จะขับรถออกมาจากบ้านเธอทันทีโดยที่ดวงใจไม่สามารถขัดขืนอะไรผมได้เลย แต่ผมก็ยังรู้สึกนะว่าเธอกลัวที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ก็แน่ละครับ ลุกคุณหนูอยู่คฤหาส เธอคงไม่เคยโดดกำแพงหนีพ่อแม่เที่ยวยามดึกแน่นอน ผมพาดวงใจขับไปที่ ตลาดโต้รุ่งเพื่อเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอก่อนจะพาไปเปลี่ยนที่ปั๊ม ซึ่งดวงใจดูเขินมากๆที่ต้องใส่กางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อหนังสีดำ ดูท่าจะไม่เคยแต่งอะไรแบบนี้เลยนะ
“ชอบรึเปล่า”ผมหันไปถามคนตัวเล็กเบาๆ
“ก็พอใส่ได้คะ แต่ว่ามันรัดไปหน่อย”
“ไม่รัดหรอก กำลังสวยเลย”
ดวงใจหน้าแดงอีกครั้ง ก่อนที่จะพยายามหลบสายตาของผมที่จ้องเธอไม่วางตาเลย ผมแม่งอยากจะดึงเธอเข้ามากอดมาฟัด ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็แค่ความคิดแหละ เพราะเอาเข้าจริง ผมก็ไม่กล้าทำแบบนั้นกับเธอหรอกครับ ก็น่าทะนุถอมขนาดนี้ใครจะกล้าทำลง
“ไปกันดีกว่า เดี๋ยวเลยเวลานัดของพี่”
“ไปไหนคะ ตกลงไปไวยจะพาดวงใจไปที่ไหน”
“เอาน่า เดี๋ยวก็รู้”
ผมขับรถพาดวงใจมาที่สนามแข่งรถดวงใจดูตื่นเต้นมากๆ เรียกได้ว่าตาเป็นประกายเลยก็ว่าได้นะ
“สนามแข่งกลางคืนสวยจังเลยค่ะ ต่างจากตอนกลางวันลิบลับเลย”
“ดวงใจเคยเห็นตอนกลางวันด้วยเหรอ”
“เคยค่ะ พอดี ลุงของดวงใจก็มีสนามแข่งเหมือนกัน ดวงใจไปดูลุงแข่งบ่อยๆตอนเด็ก”
“เหรอ แล้วดวงใจอยากเห็นพี่แข่งมั้ย”
“แข่งเหรอคะ พี่ไวยก็เป็นนักแข่งเหรอคะ”
“ใช่ แข่งแลกเงินนะ นักแข่งข้างถนน แล้ววันนี้พี่ก็จะลงแข่งด้วยนะ”
“จริงเหรอ ดวงใจอยากเห็นค่ะ”
ผมชอบรอยยิ้มไร้เดียงสาของดวงใจจริงๆเลยนะ ผมจึงขยับหัวดวงใจเบาๆ เพื่อบอกให้เธอรู้ว่าผมเอ็นดูเธอมากแค่ไหน
“เอาไงไอ้ไวย ตกลงมึงจะแข่งรึเปล่าวะ” พี่เอกเดินเข้ามาถามผม แต่สายตากลับมองไปที่ดวงใจ ดูก็รู้ครับว่าพี่เอกสนใจดวงใจมากๆ และผมก็โคตรไม่โอเคเลยที่ดวงใจถูกมองด้วยสายตาหื่นกระหายแบบนั้น ผมจึงโอบดวงใจเบาๆเพื่อบอกพี่เอกเป็นนัยๆว่า เธอเป็นผู้หญิงของผม ทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย
“แข่งซิพี่”
“งั้นกูจะได้ไปคุยกับไอ้เค เห็นมันบอกว่าจะเดิมพัน 1 แสน มึงพร้อมมั้ย”
“พร้อมครับ”
“อืม งั้นก็ดี งั้นตามกูมา”
ผมจับมือดวงใจพาเดินตามพี่เอกไป ซึ่งมันจะต้องเจอกับไอ้เค ศัตรูคู่อาฆาตที่แข่งกับผมเมื่อไหร่ก็พ่ายแพ้ให้แก่ผมทุกที คราวนี้พวกมันจ้องมาที่ดวงใจกันหมด ก่อนจะเดินอวดเก่งเบ่งสาวเข้ามาหาผม
“เด็กมึงเหรอวะไอ้ไวย ผู้ดีสัสๆ”
“กูมาแข่งรถ ไม่จำเป็นไม่ต้องปากหมาใส่กูก็ได้นะไอ้เค”
“ว้าวววพอมีสาวแม่งปากดีเลย งั้นเอางี้มั้ย กูเพิ่มเดิมพันเป็น 5 แสนบาท ถ้ามึงชนะ เอา 5 แสนของกูไปเลย แต่ถ้ามึงแพ้ กูไม่เอาตัง แต่กูจะเอาเด็กมึงมาเป็นของกู ตกลงมั้ยครับ กล้ารึเปล่า”
ผมรู้ได้ทันทีว่าไอ้เคมันคิดอะไร และงานนี้มันต้องมีการโกงเกิดขึ้นแน่นอนเพื่อที่มันจะได้เอาตัวดวงใจไป
“แล้วถ้ากูปฏิเสธไม่รับคำท้าละ”
“ก็ตามใจงั้นต่อไปมึงก็ไม่มีสิทธิ์มาหากินที่สนามนี้อีก เพราะมึงมันใจตุ๊ด”
“ไอ้เค"
“อย่ามัวพูดมากดีกว่าไอ้ไวย ตกลงมึงจะเอายังไง”
ไอ้เคยิ้มกวนตีนใส่ผม พี่เอกจึงเดินมาจับไหล่พร้อมกับส่ายหัว ผมคิดว่าพี่เอกก็รู้ว่าไอ้เคมันเตรียมเล่นนอกเกมส์อย่างแน่นอน และผลที่จะตามมาก็คือผมอาจจะแพ้
“พี่ไวยคะ”ดวงใจแตะที่แขนผมเบาๆ ผมจึงรีบหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนจ้องผมอยู่ข้างกาย
“ว่าไงดวงใจ กลัวเหรอ”
“กลัวคะ แต่ดวงใจ ไม่อยากให้พี่ต้องมีปัญหา ถ้าพี่จะแข่งโดยมีดวงใจเป็นเดิมพัน ดวงใจก็ไม่ว่านะคะ”
“ดวงใจแต่…”
“เพราะดวงใจเชื่อใจพี่ไวยไงคะ เหมือนที่ดวงใจยอมออกมากับพี่ไวยวันนี้ก็เป็นเพราะดวงใจเชื่อใจพี่ไวย”
โคตรเป็นคำพูดที่ทัชใจชิบหาย สมองผม คิดได้อย่างเดียวเลยคือผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนได้แตะต้องตัวผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาดนอกจากผม
“เออ ตกลง”
ผมหันไปจ้องไอ้เคกับพรรคพวกของมันก่อนที่ผมจะพาดวงใจกับพี่เอกเดินออกมา
“เดี๋ยวกูไปเช็ครถให้ ส่วนมึงก็เตรียมตัวละกัน”
“เคพี่”
พี่เอกเดินไปที่รถของผมเพื่อเช็คความเรียบร้อย และเฝ้ามันไว้เพื่อป้องการการวางยาจากพวกไอ้เค ส่วนผมก็หันมามองคนตัวเล็กที่ใจโคตรใหญ่ที่ตอนนี้ มีสีหน้าเหมือนจะดูเครียดๆ ผมจึงก็มตัวลงไปเพื่อให้หน้าผมกับหน้าดวงใจอยู่ในระดับเดียวกัน
“เป็นอะไรเหรอ เครียดทำไม ไหนบอกเชื่อใจพี่ไง”
“ป่าวค่ะ ดวงใจก็แค่เป็นห่วงพี่ไวยเฉยๆ แต่ดวงใจก็ยังเชื่อพี่ไวยอยู่นะคะ ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก แล้วพี่ก็จะคว้าชัยชนะมาให้ได้ด้วย ดวงใจไม่ต้องห่วงพี่นะ”
ผมยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนที่จะเตรียมตัวเพื่อลงแข่ง ทุกอย่างไม่มีการเซฟตี้ เรียกได้ว่าถ้าคว่ำก็คือตาย หรือถ้าไม่ตายก็เจ็บจริง มีเพียงอย่างเดียวที่เซฟผมเอาไว้นั่นคือหมวกกันน็อค แล้วผมก็พาดวงใจมายืนรอที่ข้างสนามตรงเส้นชัย จะว่าไปผมตื่นเต้นมากกว่าปกติเลยนะ มันอาจจะเป็นเพราะ มีดวงใจมาดูด้วยละมั้ง แล้วอีกอย่างมันก็มีดวงใจเป็นเดิมพันด้วย แต่ก็นั่นแหละ มันก็แค่ช่วงแปบเดียวที่ตื่นเต้นพอผมเห็นไอ้เคเดินมาความตื่นเต้นผมก็หายไปปลิดทิ้งเลย แล้วซักพัก ผมกับไอ้เค ก็มาเตรียมตัวอยู่ที่สนามก่อนที่ผมกับมันจะออกตัวพร้อมกัน
ด้วยความเร็วของรถ มันทำให้ผมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไหนจะไอ้เคที่จะพยายามเล่นตุกติกอีก มันต้องระวังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งผมพยายามที่จะแซงมันนะ แต่มันก็เบียดผมจาเกือบจะเสียหลักก่อนที่มันจะปล่อยอะไรออกจากมือ ซึ่งสายตาผมพอจะเห็นได้ว่ามันคือตะปูเรือไบ แต่มันก็ยังโชคดีที่ผมเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว เห็นมั้ยครับ ผมบอกแล้วว่ามันจ้องจะเล่นนอกกติกา จนวินาทีที่ใกล้จะถึงเส้นชัย ไอ้เคมันพยายามจะเอารถเหวี่ยงเบียดใส่ผม มันจึงทำให้รถผมเบียดไปทางขอบสนาม จนเกือบจะคว่ำ จนมันตีรถห่างออกไปอีกครั้ง และกลับมาเบียดผมด้วยความเร็วที่ไม่สามรถเบรกได้ แต่ถ้าผมไม่เบรกงานนี้ผมตายแน่ ผมจึงตัดสินใจเบรกทีเดียวและลดคันเร่งทำให้ไอ้เค มันพุ่งตัวไปที่ข้างสนามรถเสียหลักคว่ำไปในที่สุด ส่วนผมก็เร่งเครื่องและเข้าเส้นชัยไปอย่างสง่างาม ผมจอดรถพร้อมกับมองไปยังไอ้เคที่นอนแน่นิ่งอยู่ในสนามโดยมีรถของมันไฟลุกท่วมอยู่ข้างๆ ไอ้เวรเอ้ยเดี๋ยวก็ตายห่า ผมจึงรีบวิ่งไปลากมันออกมาให้ห่างจากไฟที่ไหมลุกโชน ก่อนที่รถจะระเบิดขึ้นดังสนั่นลั่นสนามเลย
ไม่นานรถกู้ชีพก็มารับไอ้เคไปส่งโรงพยาบาล ส่วนผม ก็รับเงินจากคนของไอ้เค พร้อมกับคำขอบคุณจากลูกน้องมันที่ผมไปช่วยเจ้านายมันออกมา ผมเดินเอาเงินมายื่นให้พี่เอก ที่ยืนรอรับซซองเงินด้วยอารมณ์ที่โคตรดี
“อะ อันนี้ของมึง เอาไปเที่ยว”
พี่เอกแบ่งเงินให้ผม 5 หมื่น ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่แข่งและได้เงินเยอะขนาดนี้
“มันเยอะนะพี่”
“ก็เออไง กูบอกเลยนะ ว่าเด็กมึงคือนางฟ้านำโชค วันหลังก็พามาแข่งด้วยอีกนะเว้ย”
“คิดดูก่อนพี่”
“โถ ไอ้คนขี้หวง เออๆ กุกลับก่อนละว่าจะแวะไปดูไอ้เคมันหน่อย ดูท่าจะหายซ่าไปอีกนาน”
“ครับ”
ผมยิ้มให้พี่เอกก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาดวงใจที่ยืนรออยู่