พอเวลาเลื่อนเลยได้ห้าปีเศษ ชาวเมืองเทียนโจวก็ลืมไปแล้วว่านางคือสะใภ้สกุลหยาง พากันเรียกขานสาวน้อยว่าคุณหนูเถียนเถียน เสมือนว่านางคือลูกสาวอีกคนของหยางซือถงและฮูหยินหยางชิวเหยา
สองผู้อาวุโสปลื้มใจเพราะได้ลูกสะใภ้ดี นางเรียกขานกันว่าท่านพ่อท่านแม่ คอยเอาอกเอาใจ จนทำให้สองสามีภรรยาเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีบุตรชายที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอีกคนหนึ่ง
“บ่ายนี้เรามีนัดกับผู้ใดหรือ”
เถียนเถียนเอ่ยถามบ่าวคนสนิท
จางฉวน บ่าวใบ้ทำมือทำไม้บอกกับคุณหนูว่าเป็นลูกค้ารายใหม่ ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงกำยำได้ยินทุกอย่าง ทว่าตอบโต้ได้ด้วยภาษามือเท่านั้น ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านสกุลหยางพร้อมกัน ครอบครัวของเถียนเถียนนึกสงสารเด็กน้อยบ้าใบ้ จึงรับเลี้ยงดูให้อยู่เป็นเพื่อนเล่นของคุณหนู
เถียนเถียนมีความเมตตามากตั้งแต่ยังเด็ก ยามบ่าวใบ้ป่วยไข้ก็ขอให้ท่านพ่อช่วยเรียกหมอมาดูแล หากถูกกลั่นแกล้งก็จะออกโรงยอมลงแรงปกป้อง มิยอมให้คุณหนูสกุลอื่นหรือคนในบ้านรังแก และนั่นทำให้จางฉวนซื่อสัตย์รักมั่นต่อคุณหนู ทว่าร่างกายของเขาก็มิค่อยแข็งแรง จึงทำได้เพียงหยิบจับนู่นนี่ ช่วยล้างพู่กันเตรียมกระดาษไปตามเรื่อง
กระทั่งอายุมากขึ้นจึงแข็งแรงสมชาย ร่างกายกำยำล่ำสัน คอยรับหน้าที่ปกป้องคุณหนูให้รอดพ้นจากเหล่าคุณชายที่หมายจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง
“เจ้าพวกโง่! นางออกเรือนแล้ว มิสนใจพวกเจ้าดอก!” เสียงตวาดคุ้นหูดังขึ้นมิไกลนัก
“ท่านแม่ทัพมัวเมาอยู่กับสตรีเมืองหลวง คงมิกลับมายังเทียนโจวแล้ว!”
“คุณชายหยางลืมนางแล้ว บอกให้ลูกชายท่านลงนามในหนังสือหย่า และปล่อยนางให้เป็นอิสระเถิด!” หนึ่งในคุณชายตะโกนเสียงดัง หมายให้สาวงามที่ยังไม่เคยเห็นหน้า ได้ยินถ้อยความที่เขาต้องการสื่อ
“ไอ้พวกปากอีกา!”
หยางซือถงขับไล่เหล่าคุณชายรูปงาม รวมถึงอันธพาลที่มาก่อกวนอยู่หน้าบ้านเหลียนซาน ความงามของคุณหนูเถียนเถียนถูกเล่าลือทั่วเมืองเทียนโจวมาได้สองเดือนแล้ว แม้เขาจะระมัดระวังมิให้ชายใดพบเห็น ซ่อนตัวนางให้พ้นจากปัญหานานกว่าห้าปี ทว่าสุดท้ายก็ต้องพลาดอย่างมิน่าให้อภัย
ความสามารถในการวาดรูปของเถียนเถียนนั้นมิเป็นรองใคร หลายเดือนก่อน นางขอให้จางฉวนนำภาพดอกไม้ที่วาดเก็บเอาไว้ นำออกขายแลกกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคุณหนูบ้านหนึ่งลองสอบถามบ่าวใบ้ดูว่า คุณหนูสกุลหยางวาดรูปเหมือนของสตรีได้หรือไม่
หยางซือถงทราบดีว่าการวาดรูปจะทำให้สาวน้อยมีความสุข จึงอนุญาตให้จางฉวนจัดหาลูกค้า พร้อมกับจัดพื้นที่ในสวนเพื่อให้ลูกสะใภ้ได้ทำในสิ่งที่นางรัก
ภายใต้หนึ่งข้อห้าม นั่นคือลูกค้าจะต้องมิใช่บุรุษ
นึกไม่ถึงว่าคำเล่าลือของสตรีจะทำหน้าที่คล้ายกับไฟไหม้ เพราะหลังจากนั้นมินาน ชายหนุ่มทั่วเมืองก็พากันมาลอบส่องดู ว่านางงามดั่งคำกล่าวอ้างจริงหรือไม่ ปรากฏว่ามีสองพี่น้องใจกล้าบุกเข้าสวนของบ้านเหลียนซานโดยมิได้รับอนุญาต และเมื่อพบหน้าของนางก็ถึงกับหมดสติไป
หมดสติเพราะถูกจางฉวนทุบเสียเต็มแรง...
ทว่าข่าวลือก็ไปไกลจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
“หน้ามิอาย ยอมสวมชุดสตรีเพื่อหลอกพบลูกสาวข้าเช่นนั้นหรือ!” หยางซือถงส่ายหน้า ตะโกนสั่งให้บ่าวนำน้ำมาสาดไล่เหล่าคุณชายที่ดื้อด้านมิยอมกลับ ก่อนจะลงกลอนประตูมิยอมรับแขกอีก
สะใภ้สกุลหยางมิได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้าน รวมถึงบริเวณหน้าบ้านด้วยก็เช่นกัน นางจึงทำได้แค่นั่งรอกระทั่งจางฉวนวิ่งกลับมาส่งข่าว ว่าลูกค้าในช่วงบ่ายคือบุรุษปลอมตัวมา และท่านพ่อสามีได้ตะเพิดขับไล่ออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เถียนเถียนเอ๋ย บ่ายนี้เห็นทีเจ้าจะมิได้วาดรูปใครเสียแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าวต่อลูกสะใภ้ที่รักและเอ็นดูราวกับเลือดในอก ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงในศาลาหลังน้อย
ท่าทางเหนื่อยล้าของผู้อาวุโสทำให้เถียนเถียนเร่งรินน้ำชา ก่อนจะขอให้บ่าวไปนำขนมมาเพิ่ม
“สร้างปัญหาให้ท่านพ่ออีกแล้ว จากนี้เถียนเถียนจะเลิกวาดรูป” เถียนเถียนพยักหน้าครั้งเดียว จางฉวนก็จัดการเก็บพู่กันและกระดาษ ในเมื่อสิ่งที่นางรักสร้างปัญหาให้กับผู้มีพระคุณ นางก็เลือกมิยากระหว่างความชอบกับความสบายใจของท่านพ่อสามี
ทว่าชายชรากลับโบกมือสั่งห้าม มิให้จางฉวนทำตามที่นายสาวออกคำสั่ง
“ความสุขของลูก คนเป็นพ่อจะหักห้ามใจมิให้ทำได้อย่างไร เอาเป็นว่าสองสามวันนี้เลื่อนนัดลูกค้าไปก่อน ส่วนเจ้าจางฉวน อย่าลืมดูให้ดีว่าพวกนั้นเป็นสตรีหรือบุรุษปลอมตัวมา เข้าใจหรือไม่”
“อา อา” จางฉวนรับคำอย่างยินดี แสดงทีท่าทำหน้าขึงขัง พร้อมปกป้องคุณหนูอย่างสุดความสามารถ
“หากได้ยินเรื่องอันใดไม่เข้าหู เจ้าก็อย่าไปใส่ใจก็แล้วกัน” หยางซือถงห่วงว่านางจะได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน เรื่องของเจ้าลูกไม่รักดี ที่ยังมิทันได้ทำหน้าที่สามี ก็หนีกลับเมืองหลวงไปเสียแล้ว
“เรื่องของท่านพี่อีกแล้วหรือเจ้าคะ” เถียนเถียนกล่าวถามพร้อมกับโปรยรอยยิ้มสดใส
“อย่าไปสนใจไอ้ลูกไม่รักดีนั่นเลย”
“ท่านพ่ออย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ เถียนเถียนไม่อยากให้ท่านพ่อล้มป่วย”
“จะไม่ให้มีโทสะได้อย่างไร หากวันนั้นเจ้าโง่นั่นยอมเปิดผ้าคลุม มองหน้าเจ้าสักหน่อยก็หมดปัญหาแล้ว”
“ข้ากลับมองเป็นเรื่องดี หากท่านพี่เห็นหน้าข้าก็อาจจะตกใจจนเป็นลมเอาได้” นางหัวเราะน้อย ๆ มิได้เดือดดาลกับความจริงที่ว่าสามีได้หายหน้าไปนานกว่าห้าปีแล้ว
“เจ้านี่นะ ร่าเริงเอาใจทุกคนจนลืมความสุขของตัวเอง”
“ท่านพ่ออย่าได้กังวล ทุกวันนี้ข้ามีความสุขดีแล้ว”
เถียนเถียนประคองผู้อาวุโสจนถึงห้องพัก แล้วจึงกลับมานั่งทอดอารมณ์อยู่ในสวนตามเดิม
หลังจากสูญเสียท่านพ่อ เถียนเถียนก็มิได้ร้องไห้ให้กับเรื่องใดอีก จำได้เพียงว่าตนเองซ่อนตัวอยู่กระโจมของท่านแม่ทัพตามคำสั่งของพ่อสามีในปัจจุบัน โดยมีจางฉวนคอยทำมือไม้ปลอบใจไปตามเรื่อง นางทราบดีว่าดวงหน้าของตนแปลกประหลาด ทั้งดวงตายังดึงดูดความสนใจ ไม่เหมือนกับสตรีรุ่นราวคราวเดียวกัน และเมื่อบิดาสั่งว่าให้หลบซ่อนจากบุรุษให้ดี นางจึงทำตามอย่างเคร่งครัด
นางมิกล้าแม้แต่จะร้องไห้ เพราะนั่นอาจจะดึงความสนใจและนำมาซึ่งปัญหา แม้จะปลอดภัยดีในกระโจมที่พัก แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท คลุมหน้าคลุมตา และพูดน้อยยิ่งกว่าจางฉวนที่เป็นใบ้เสียอีก
เถียนเถียนจำคำของบิดาว่าจะต้องแต่งกับผู้มีอำนาจจึงจะอยู่รอดปลอดภัย หากแต่งให้กับคนธรรมดาก็อาจจะถูกกลั่นแกล้ง
หวังเฉินกง ย้ำต่อบุตรสาวอยู่เสมอว่า หากเขามิรอดจากสงคราม ก็ให้รีบนำจดหมายไปขอพบท่านลุงหยางซือถง เพื่อป้องกันมิให้นางถูกส่งตัวต่อไปเรื่อย ๆ และหากมีใครก็ตามที่ยินดีจะให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์ดูแล นางก็ควรจะสำนึกบุญคุณให้มาก และถ้าเขามิได้ข่มเหงหรือกระทำเรื่องที่ขัดต่อความต้องการ เถียนเถียนก็ควรจะตอบแทนให้ดี
รองแม่ทัพหวังออกคำสั่งต่อบุตรสาวก่อนจากกันว่าไม่อนุญาตให้อ่อนแอ นางจึงร้องไห้ยามทราบข่าวของบิดาแค่เพียงคืนเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น เถียนเถียนย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเป็นถึงบุตรีของรองแม่ทัพ น้ำตาของนางมีค่าเสียยิ่งกว่าไข่มุก หากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรอ่อนแอให้ใครเห็น
เรื่องบุญคุณต้องทดแทนนั่นก็เช่นกัน...
ต่อให้ท่านพี่เหวินเย่จะเจ้าชู้ เลือดร้อน ชอบความรุนแรงอย่างที่ผู้คนกล่าวหา ทว่าเขาก็มิได้ฝืนใจนางในคืนเข้าหอ ทั้งยังร้องขอมิให้เปิดเผยดวงหน้ายั่วยวนให้เกิดกิเลส เถียนเถียนต้องขอบคุณสวรรค์ที่ประทานสามีผู้ประเสริฐให้กับนาง ถึงแม้ท่านพี่จะยืนหนักแน่นว่าจะไม่มีวันมอบความรักให้ เพราะใจมีเจ้าของแล้ว
ทว่านางก็เต็มใจที่จะมอบความรักเป็นการตอบแทน
“วาดรูปเจ้าเพลิน ฟ้ามืดเสียแล้ว” คุณหนูเถียนเถียนยืนยันว่าจะจัดการเก็บพู่กันและกระดาษด้วยตนเอง และออกคำสั่งให้จางฉวนที่นั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่ได้ขยับนานเกือบสองชั่วยามไปพักผ่อน บ่าวใบ้ไม่ขัดนายสาวเลยสักคำ เพราะหลังของมันแข็งจนแทบจะก้มหรือเงยไม่ได้แล้ว
สะใภ้สกุลหยางเก็บล้างข้าวของอย่างใจเย็น พู่กันของนางนั้นมิใช่ของราคาถูก รีบร้อนเกินไปจะทำให้พังก่อนเวลาอันควร หากดูแลอย่างระมัดระวังก็จะยืดอายุการใช้งานได้อีกนานโข นางพึมพำร้องเพลงกล่อมเด็กที่เคยได้ยินมารดาร้องให้ฟัง ทว่าเสียงหล่นของวัตถุขนาดใหญ่ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวาบ
กลิ่นเหล้าโชยหึ่งออกมาจากภูเขาเดินได้ที่ตกลงมาจากกำแพงสูงของบ้านเหลียนซาน เพียงชั่วอึดใจเดียวร่างนั้นก็พลันยืดตัวขึ้นสูง มันย่างสามขุมตรงมายังเถียนเถียน แสงสว่างโพล้เพล้รำไรบอกว่านั่นคือร่างของบุรุษที่สูงกว่าท่านพ่อสามีอย่างต่ำก็หนึ่งศอก เถียนเถียนถอยหลังสองก้าว กลัวเหลือเกินว่าภัยร้ายจะเกิดในบ้านของตน
ตุ้บ!
เจ้าของร่างสูงล้มลงกับพื้นเพราะสะดุดเข้ากับก้อนหินประดับสวนขนาดใหญ่ และเพียงชั่วพริบตาเดียว บ่าวใบ้จางฉวนก็ปรากฏตัวตรงหน้า ยืนกางกั้นระหว่างนางกับผู้บุกรุก!
ร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกคล้ายกับว่ามีบางส่วนในร่างกายแตกหัก คืนเดือนมืดทำให้ท้องฟ้าสว่างมิมากพอ และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เถียนเถียนกำลังตั้งท่าว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน ทว่าแสงตะเกียงของบ่าวใบ้กลับทำให้นางต้องยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้า ก่อนจะวิ่งหนีออกห่างจากบุรุษผู้นั้น
“อา อา” จางฉวนตามมาติด ๆ ทำมือสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“กลับมาแล้ว...”
“อา อ้า!” จางฉวนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“ท่านพี่...ท่านพี่กลับมาแล้ว!”