บทที่ 1 โปรดหย่าภรรยา 1

1477 คำ
เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังออกมาจากเรือนของท่านแม่ทัพเลื่องชื่อ วาจาออดอ้อนของหญิงคณิกาอันดับต้น ๆ จากหอโคมเขียวจำนวนมากถึงสิบนาง ล่อลวงให้คนฟังลุ่มหลงจนยากจะปฏิเสธ ส่วนเสียงหัวเราะของบุรุษ กลับมิได้ดังออกมาจากปากของตัวเจ้าของจวนเอง ทว่าคือองค์ชายรัชทายาทจากวังหลวง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา องค์ไท่จื่อพยายามที่จะชักชวนให้สหายกลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม ด้วยหลังเสร็จสิ้นศึกสงครามในคราวนั้นแล้ว หยางเหวินเย่ก็คล้ายจะทำรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งหายไปด้วย แม่ทัพหนุ่มรูปงามปล่อยให้หญิงสาวบีบนวดระหว่างร่ำสุรายามบ่ายกับสหายสูงศักดิ์ สีหน้าของหยางเหวินเย่มิได้ยินดียินร้าย หากหญิงงามนางใดจูบมา เขาก็โต้ตอบอย่างอ้อยอิ่งเกียจคร้าน หากนางใดเบียดตัวเข้าใกล้ ก็จะบีบตรงนั้นจับตรงนี้ไปตามเรื่อง หรือถ้าเกิดความต้องการมากเข้า เขาก็จะลากพวกนางเข้าห้องไปด้วยกัน จะสองหรือสามนาง ก็แล้วแต่อารมณ์ปรารถนา ทว่าความรู้สึกในวันนี้กลับต่างออกไป “ข้าเห็นชายหนุ่มสองคนยืนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าจวน จะมิเชื้อเชิญเข้ามาสักหน่อยหรือ” องค์ไท่จื่อเยว่หยาง สอบถามสหายหน้าตาย ขณะมือเรียวรินสุราไผ่เขียวชั้นดีที่นำออกจากวังหลวงมาด้วย ทุก ๆ สิบวัน เขาจะแวะมาเยี่ยมเยียนหยางเหวินเย่ แม้ปกปิดสถานะของตนดีแล้ว ทว่าก็ยังมิรอดพ้นจากความรอบรู้ของเหล่าหญิงงาม เพราะแค่รูปร่างและลักษณะที่มองปราดเดียวก็รู้แจ้งชัดแล้วว่า คุณชายท่านนี้มิใช่แค่ขุนนางธรรมดา เหล่านางคณิกาที่มาใหม่มักจะออดอ้อนเอาใจองค์ชายรัชทายาท ส่วนหญิงงามที่รู้งานดีอยู่แล้วมักจะออดอ้อนท่านแม่ทัพ เพราะหากหญิงใดทำให้หยางเหวินเย่พึงพอใจได้ สหายสูงศักดิ์ก็จะตกรางวัลให้อย่างงาม “อากาศร้อน ไม่อยากเสวนากับใคร” หยางเหวินเย่ผลักนางที่เบียดเขาจนน่ารำคาญออก “อยู่ข้างในยังร้อน พวกมันอยู่ด้านนอก จะมิลำบากแย่หรือ” องค์ชายร้องถามน้ำเสียงครึกครื้น ด้วยร้อยวันพันปี สหายผู้นี้ไม่เคยมีแขกจากต่างเมือง ยิ่งทั้งสองคือคุณชายรูปงาม ท่าทางมีฐานะ ก็ยิ่งอยากจะทราบว่ามีธุระอันใดแน่ หยางเหวินเย่มีหรือจะกล้าขัดใจองค์ชายรัชทายาท เขาพยักหน้าออกคำสั่งให้บ่าวไปนำตัวคุณชายทั้งสองเข้ามาสอบถามเอาความว่าต้องการสิ่งใด “มีธุระอันใดกับข้า” เจ้าของจวนกล่าวถามอย่างที่องค์ชายอยากจะให้ถาม คุณชายทั้งสองเกี่ยงกันมิยอมเอ่ย คำพูดที่เตรียมมาเสียดิบดี กลับมิกล้ากล่าวต่อหน้าท่านแม่ทัพมากความสามารถ หลังจากมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ผู้ที่คล้ายจะสูงวัยกว่าสักหนึ่งหรือสองปีก็ยอมเอ่ยปาก “ท่านแม่ทัพหยาง ข้าและน้องชายเดินทางมาจากเมืองเทียนโจวด้วยความยากลำบาก และมีเรื่องสำคัญประการหนึ่งอยากจะร้องขอต่อท่าน” “มีเรื่องอันใดก็รีบเอ่ยมา อย่าชักช้าให้มากความ!” องค์ไท่จื่อเยว่หยางอดใจมิไหว ตวาดสองพี่น้องที่ดูแล้วอย่างไรก็อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสองปี “คุณชายอย่าเพิ่งมีโทสะ พี่ชายของข้ากำลังจะเอ่ยขอเดี๋ยวนี้แล้ว” คุณชายผู้น้องกระตุกแขนเสื้อพี่ชายเต็มแรง “เรื่องที่พวกข้าอยากจะขอ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก ทว่าหัวใจรักยากนักที่จะห้ามปรามมิให้รู้สึก จึงจำต้องเอ่ยถ้อยความที่ไม่เหมาะสม หากคำของข้าทำให้ท่านแม่ทัพหยางขุ่นเคืองใจไปบ้าง...” “จะเข้าเรื่องได้หรือยัง” หยางเหวินเย่วางจอกสุรา หันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน ดวงตาของเขาว่างเปล่าคล้ายกับคนไร้หัวใจ “พวกข้าอยากให้ท่านหย่าภรรยาเสีย!” บรรยากาศในจวนของท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่เงียบสนิท แม้แต่เสียงใบไม้ไหววูบหนึ่งก็ไม่ปรากฏรบกวน คิ้วสวยได้รูปยกสูงแสดงความประหลาดใจ ทั้งยังมิแน่ใจว่าได้ยินคำขอของสองคุณชายถูกต้องดีแล้วหรือไม่ “ท่านแม่ทัพมีภรรยาแล้วหรือเจ้าคะ” สาวงามจากหอคณิกาอดถามมิได้ นางทำหน้าที่ปรนนิบัติเขาได้เกือบจะสองปีแล้ว ทว่าก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่าท่านแม่ทัพเลื่องชื่อมีภรรยา “บังอาจ กล้าขอให้ท่านแม่ทัพหย่าภรรยา พวกเจ้าสติดีอยู่หรือนี่!” องค์ชายตวาดเสียงดัง เหล่าสาวงามที่ทราบถึงฐานันดรศักดิ์ของบุคคลสำคัญต่างพากันถอยหนี ด้วยมิอยากอยู่เป็นประจักษ์พยานโทสะของผู้มีอำนาจ ทว่าสองพี่น้องมิได้ทราบถึงสถานะของคุณชายรูปงาม จึงตวาดกลับเสียงดังก้อง “คุณชายมิรู้ก็อย่าสอด! ท่านแม่ทัพทอดทิ้งนางนานกว่าห้าปี ถือว่ามิใช่เรื่องที่สามีควรกระทำต่อภรรยา และหากท่านมิต้องการนางแล้วก็ควรจะหย่าขาด เปิดโอกาสพวกข้าสองพี่น้องได้เกี้ยวพาราสีเอาชนะใจหญิงงามแห่งเมืองเทียนโจว มิใช่ปล่อยให้ความงามดั่งนางสวรรค์ของนางถูกละเลย ไร้เหล่าภมรชื่นชมเช่นที่ผ่านมา” “หญิงงามแห่งเมืองเทียนโจว หึ” หยางเหวินเย่หัวเราะเสียงต่ำ ทว่านั่นก็มากพอแล้วสำหรับบุรุษที่ลืมเลือนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนานกว่าห้าปี “ใช่แล้ว แม่นางเถียนเถียน หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเทียนโจว” ผู้เป็นน้องยืนยัน คล้ายจะลุ่มหลงในตัวนางมากกว่าพี่ชายที่เอ่ยปากขอให้หย่าตั้งแต่ทีแรกเสียอีก “พวกเจ้าไปเถิด” หยางเหวินเย่เอ่ยปากไล่ “ไม่ไป! ท่านต้องรับปากว่าจะหย่าให้นางเสียก่อน” “เฆี่ยนสิบไม้แล้วค่อยไป ไม่สิ ยี่สิบไม้พอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หยางเหวินเย่หันไปถามองค์ชายที่กำลังสงบสติอารมณ์ นี่คือครั้งแรกที่องค์ไท่จื่อเยว่หยางถูกบุรุษใจกล้าเอ่ยปากด่าทอ ต่อให้ปลอมตัวมาก็มิใช่การปลอมตัวที่แท้จริง เพราะเหล่าองครักษ์หรือสหายมักจะทำให้ความแตกเสียก่อน ทว่าไม่ใช่กับครั้งนี้ สองพี่น้องต้องการให้สะใภ้สกุลหยางแห่งเมืองเทียนโจวหย่าขาดจากสามี จนมิได้สังเกตรอบข้างให้ถี่ถ้วนว่าใครดำรงตำแหน่งอะไรแน่ “ท่านเป็นคนบอกให้ข้าพูด จะมาสั่งเฆี่ยนกันได้อย่างไร!” “ข้ามิได้สนใจเรื่องหย่าภรรยา แต่เจ้าเพิ่งจะกล่าววาจาลบหลู่องค์ไท่จื่อ เฆี่ยนยี่สิบหนถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ” “องค์ไท่จื่อ!” สองพี่น้องมองหน้าสลับกันไปมา กลืนน้ำลายตัวสั่นเทา มิกล้าโต้เถียงอันใดอีก “ปล่อยลูกนกหลงทางพวกนี้ไปเถิด นาน ๆ จึงจะมีคนโง่หลงเชื่อว่าข้าเป็นเพียงคุณชายธรรมดาก็ดีเหมือนกัน” พออารมณ์โกรธเริ่มบรรเทาและหายใจคล่องขึ้นมาบ้าง องค์ชายรัชทายาทก็มิถือสาเด็กน้อยไม่รู้ความอีก “ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อที่เมตตากระหม่อมสองพี่น้อง” “ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้มากพิธี ว่าแต่ทำไมพวกเจ้าจึงอยากจะให้หยางเหวินเย่หย่าภรรยา นางไหว้วานให้เจ้าทั้งสองมาส่งสาส์นเช่นนั้นหรือ” “แม่นางเถียนเถียนมิได้ทราบเรื่องที่พวกข้ามาที่นี่ นางรักและซื่อสัตย์ต่อสามี มิยอมชายตามองพวกข้า” บุรุษผู้พี่เฉลยความให้ฟังอย่างมิขัดเขิน สีหน้าเพ้อฝันทำเอาหยางเหวินเย่เกือบจะเชื่อว่าภรรยาของเขาคือหญิงงามจริง ๆ มิใช่หญิงอัปลักษณ์ที่เกือบจะต้องร่วมหอด้วยเมื่อห้าปีก่อน “ท่านแม่ทัพเองก็มีความสุขดีกับเหล่าหญิงงาม และคงมิคิดกลับเมืองเทียนโจวในเร็ววันนี้ มิสู้ปล่อยนางให้เป็นอิสระ ฝากหนังสือหย่ากลับบ้านเหลียนซานมิดีกว่าหรือ” พอกล่าวจบ สองพี่น้องก็ถูกโยนออกจากจวนของท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่ ไม่ได้โต้เถียงต่อรองอันใดกับบุรุษผู้ลืมเลือนว่าตนยังมีภรรยารออยู่ที่เมืองเทียนโจวอีก คำกล่าวของแขกจากต่างเมืองทำให้ท่านแม่ทัพเลือดร้อนวัยสามปีเอ็ดปี หมดอารมณ์สนุกกับบรรดาสาวงามจากหอคณิกาชื่อดัง ความต้องการทางกายเจือจางเมื่อถูกเตือนให้จำได้ว่าตนมิใช่ชายไร้พันธะ ทว่ามีภรรยาที่อายุห่างกันถึงสิบสองปีรออยู่ที่บ้านเหลียนซาน ภรรยาที่เขามิต้องการ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม