ปัง! ปัง!
ร่างสูงที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนสีดำสนิทขนาดคิงไซส์สะดุ้งตื่นขึ้นมาตามเสียงในทันใด ฉันหันมองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจรอบกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงปืนอีกสามถึงสี่ครั้งและในที่สุดมันก็เงียบสงบลง
ก๊อก! ก๊อก!
“นายน้อยครับ นายน้อย!” ตงเคาะประตูและเอ่ยเรียกกันทำให้ฉันต้องรีบลุกขึ้นไปเปิดในทันทีอย่างร้อนใจในเสียงปืนเมื่อสักครู่
เขาดูใบหน้าขาวซีดและกำลังมีความกังวลจนฉันจับสังเกตได้ เหงื่อที่ไหลผุดขึ้นมาบริเวณหน้าผากและอาการหอบเหนื่อยของเขาทำให้ฉันเริ่มที่จะใจเสียจนต้องส่งสายตาดุ ๆ ไปให้ในทันทีเพราะไม่เช่นนั้นวันนี้ทั้งวันคงไม่รู้เรื่องเป็นแน่
“เจ้าสัวครับ เจ้าสัวถูกยิง!”
ฉันรีบพาร่างของตัวเองเดินไปตามทิศทางในทันทีที่ลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกจนจบ ก่อนที่ดวงตาของฉันจะเบิกโพล่งขึ้นมาในทันทีเมื่อพบเห็นว่าบิดากำลังนอนหอบหายใจรวยรินในขณะที่เหล่าลูกน้องกำลังยืนล้อมกันอย่างทำตัวไม่ถูก
ฉันรีบฝ่าฝูงคนเพื่อเข้าไปประชิดตัวของบิดาในทันทีอย่างร้อนใจ และเมื่อเขาได้เห็นหน้าของฉัน...น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไม่เคยปรากฏให้ฉันได้พบเห็น กลับเอ่อนองขึ้นมาจนฉันคนนี้ก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“พวกมึงออกไปรอข้างนอก!” ตงที่เห็นได้ว่าเจ้านายต้องการความเป็นส่วนตัวเขาก็รีบเอ่ยบอกกับลูกน้องที่กำลังยืนล้อมกันในทันที และพวกเขาก็ยอมทำตามคำสั่งอย่างง่ายดาย “ทำใจดี ๆ นะครับเจ้าสัว *อี่เซิงกำลังเดินทางมาแล้ว” และตงก็เดินออกไปในทันทีที่เขาพูดจนจบ
“ป๊า! ใจเย็น ๆ นะป๊า!” น้ำตาของฉันรินไหลลงมาเป็นสายเมื่อสิ้นสุดแล้วซึ่งความอดทน
ฉันไม่เคยร้องไห้ให้ใครได้เห็นเนื่องจากว่าตัวเองถูกสั่งสอนให้เข้มแข็งมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเพราะว่าฉันต้องอยู่คนเดียวโดยไร้ซึ่งบิดาและมารดาอยู่เคียงข้างตั้งแต่จำความได้ มันจึงค่อย ๆ สั่งสมมาให้ฉันเป็นคนที่แข็งแกร่ง
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายในของฉันเองก็ต้องการใครสักคนอยู่เหมือนกัน...
“อาลี...ฟังอั๊วนะ”
“…” ฉันกุมมือของท่านเอาไว้แน่น และได้แต่อ้อนวอนต่อเทพเทวดาทั้งหลายว่าขอให้ท่านอยู่กับฉันก่อน
มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแล้ว...ฉันก็อยากที่จะได้รับความรักจากบิดาของตัวเองบ้าง
“ลื้อจะต้องดูแลตระกูลของเราให้ดี เพราะ*เหยเห่ยของลื้อกับสหายของเขาตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้ตระกูลของเรานั้นน่าเกรงขามเกินกว่าที่ใครจะมาย่ำยีเอาได้” ฉันฟังที่ป๊าสั่งสอนอย่างตั้งใจแม้ว่าคำพูดของท่านมันจะโรยรินสักแค่ไหน
เลือดที่ไหลออกมาจากกายหลายจุด ไหนจะริมฝีปากที่เริ่มซีดเผือกเพราะการขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงเป็นเวลานาน ๆ และมันทำให้ฉันอยากจะกดหยุดเวลาไว้แต่เพียงเท่านี้
“ลื้อสัญญากับอั๊วมาสิอาลี ลื้อจะต้องเข้ารับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าคนที่มอบตำแหน่งให้ลื้อจะไม่ใช่อั๊ว”
“ป๊า...” น้ำตาของฉันรินไหลเป็นสายอีกครั้ง
มือหนาของชายแก่เอื้อมขึ้นมาแตะที่ไหล่ของฉันบางเบา ท่านสบมองใบหน้าของฉันด้วยแววตาสั่นไหว และรอยยิ้มของท่านก็ค่อย ๆ ประดับขึ้นมาที่มุมปาก และนี่มันเป็นรอยยิ้มแรกที่ฉันได้เห็น...หลังจากที่ตลอดหลายสิบปีมานี้ ฉันไม่เคยได้พบเห็นและสัมผัสมันอีกเลยตั้งแต่จำความได้
“สัญญากับอั๊วอาลี...”
“อืม...อั๊วสัญญา” สุดท้ายแล้วฉันก็กลั้นใจพูดมันออกไปทั้งน้ำตาที่ค่อย ๆ รินไหล
ชายแก่ตรงหน้าสบมองใบหน้าของฉันอีกครั้งทั้งรอยยิ้มอบอุ่นที่มันทำให้ฉันอุ่นซ่านไปถึงหัวใจ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ และเอ่ยพูดอะไรบางอย่างออกมาซึ่งมันแผ่วเบามากจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน
“ลื้อยังเป็นลูกสาวคนโปรดที่อั๊วพึ่งพาได้เสมอเลยนะอาลี ถึงที่ผ่านมาอั๊วจะไม่เคยบอกให้ลื้อได้ยินเลย...”
“…”
“แต่ป๊าคนนี้...รักลื้อที่สุดในดวงใจ” ก่อนที่ลมหายใจของท่านจะค่อย ๆ แผ่วลง และหลังจากนั้น...ผู้ที่เป็นบิดาของฉัน ก็สิ้นใจตายไปในที่สุด
“ป๊า...”
“...”
“ป๊า ป๊า...ไม่เอา อั๊วไม่เล่นแบบนี้นะ” ฉันพยายามที่จะเขย่าตัวของบิดาให้ฟื้นกลับคืนมาแม้รู้ว่าจะไม่มีหวัง
ร่างของบิดาที่นอนหลับไปทั้งรอยยิ้มยังอยู่ที่ตรงหน้า และดูเหมือนว่าเขาจะจากไปอย่างสงบ...แต่ทำไมสวรรค์ถึงได้ชอบกลั่นแกล้งฉันกันนะ
ให้ป๊าอยู่กับฉันก่อนไม่ได้เลยหรือ...ฉันพึ่งจะได้กลับมาอยู่กับท่านยังไม่พ้นวันเลยด้วยซ้ำไป
“ป๊า!”
“นายน้อยครับ!” ตงวิ่งเข้ามาหากันในทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน
เขาจับไหล่ของฉันเอาไว้และลูบเบา ๆ อย่างปลอบใจ ส่วนฉันคนนี้ก็ได้แต่กอดร่างที่ไร้ลมหายใจของบิดาเอาไว้ พร้อมทั้งความรู้สึกแค้นใจที่ค่อย ๆ เผยชัดออก
“ผมว่าพรุ่งนี้เราเลื่อน...”
“ไม่ต้อง”
“แต่นายน้อยครับ...”
“ไอ้อีคนไหนที่มันฆ่าพ่อกู กูจะลากหัวมันมาเด็ดให้เป็นอาหารของหมากิน!” ฉันพูดขึ้นมาด้วยความแค้นใจ มือก็กำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองสุดขีด
“นายน้อยครับ” ทั้งฉันและอาตงหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพบเห็นว่าเป็นลูกน้องในบ้าน และเขาก็ดูเหมือนจะหวั่นใจเล็กน้อยที่อาจจะเข้ามาผิดจังหวะ “มันทำสิ่งนี้ตกไว้ก่อนที่จะหนีออกไปได้ครับ” ฉันรีบลุกขึ้นไปเพื่อหยิบมันขึ้นมามองดู
มันเป็นจี้รูปหัวใจที่มีหัวใจอยู่เพียงครึ่งดวง และรูปลักษณะของมันดูแล้วจะต้องมีอีกครึ่งดวงอยู่ที่ใครอีกคนแน่ ๆ และของสิ่งนี้แหละที่จะเป็นเบาะแสให้กับฉันเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าป๊า
“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา มึงก็ต้องหามาให้กูให้ได้” อาตงพยักหน้ารับก่อนจะหยิบจี้นั้นขึ้นไปเพื่อสบมองดู “ส่วนไอ้พวกที่เฝ้าประตูทางเข้าวันนี้ไปเจอกูที่โรงฝึก หากใครเอาชนะกูไม่ได้ในวันนี้ ยิงหัวมันทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือไอ้พวกคนสัพเพร่า!”
สิงโตเชิดที่แสดงถึงงานรื่นเริงในเช้าวันใหม่กำลังทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม ผู้คนต่าง ๆ ก็เริ่มจับกลุ่มจิบน้ำชา และพูดคุยกันในงานอย่างออกรสชาติสำหรับการมาร่วมแสดงความยินดีกับผู้นำคนใหม่ในตระกูลของเนตรมังกร
มีเพียงแต่ร่างสูงอย่างลีเท่านั้นที่ได้แต่ยืนเหม่อและไม่สนใจผู้ใดภายในงานเลย แม้ว่าจะมีสาว ๆ เบต้าหรือแม้กระทั่งโอเมก้าที่เข้ามาแวะเวียนเพื่อทักทาย เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้มีกระจิตกระใจที่จะมาทำเรื่องอะไรแบบนั้น
“งานใกล้เริ่มแล้วนะครับนายน้อย” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะออกเดินไปเพื่อไปขึ้นเวที
ข่าวคราวของบิดาฉันได้แพร่กระจายออกไปแล้วอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นคนใหญ่คนโตของพื้นที่แห่งนี้ มีหลายคนที่แวะเวียนมาแสดงความเสียใจที่ออกมาจากใจจริง และก็มีพวกหัวธุรกิจที่มาตามมารยาท ซึ่งส่วนมากมันก็มีแต่ไอคนพวกนี้ทั้งนั้น
“อาลี...ลื้อไหวนะ”
“อั๊วไหว ขอบคุณ*เซียนเซิงมากที่เป็นห่วง” ฉันยกมือทำความเคารพเซียนเชิงซึ่งเป็นสหาพของป๊าฉัน
และเขาเป็นหนึ่งในจักรวาลของแก๊งมังกรที่เหยเห่ยของฉันและสหายของเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เขาเป็นผู้นำสูงสุดของแก๊ง ‘เขี้ยวมังกร’ และเป็นหนึ่งในตระกูลที่ป๊าของฉันนั้นไว้ใจเนื่องจากว่าพวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยก็ว่าได้
ในจักรวาลของแก๊งมังกรจะมีแตกแขนงการปกครองออกเป็นสี่แก๊งนั่นก็คือ ‘เนตรมังกร’ ‘เขี้ยวมังกร’ ‘หนวดมังกร’ และสุดท้ายก็คือ ‘หัวใจมังกร’ พวกเราทั้งหมดเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่คอยปกปักดูแลรักษาคนของตัวเองในเขตพื้นที่นั้น ๆ
แต่เหมือนว่าทายาทของแก๊งหัวใจมังกรจะแตกต่างออกไปก็คือเป็นอัลฟ่าแต่เป็นยีนส์ด้อย ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนักเพราะพบว่าทายาทของแก๊งนี้หายตัวไปตั้งแต่เกิดแล้ว
“ลื้อมีอะไรก็มาปรึกษาคุยกับพวกอั๊วได้นะ ป๊าของลื้อ...ก็คือเพื่อนของอั๊ว”
“อืม...ขอบใจเหล่าเซียนเซิงมากที่เอ็นดูอั๊วนะ”
“อ่า ๆ ลื้อไปเตรียมตัวเถอะอาลี เดี๋ยวจะได้ฤกษ์ทำพิธีแล้ว” ก่อนที่ฉันจะยกมือทำความเคารพอีกครั้ง พร้อม ๆ กับที่ฉันเดินหลบมาอีกทางเพื่อที่จะเตรียมตัว
วันนี้ในตอนแรกจะต้องเป็นป๊าของฉันที่ทำหน้าที่เป็นผู้มอบตำแหน่งให้ แต่ในเมื่อป๊าไม่อยู่แล้ว...หน้าที่นั้นก็จะตกเป็นของเหล่าเซียนเซิงของแก๊งมังกรที่มาทำหน้าที่นั้นแทน
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ฉันหันไปสบมองคนที่เดินชนในทันทีอย่างหงุดหงิด เพราะฉันเดินมาดี ๆ แท้ ๆ แต่แม่คน ๆ นี้ดันเดินมาชนฉันเสียได้
และทันทีที่ฉันหันไปสบมองใบหน้าของเธอ...ความสวยและความหมวยของคน ๆ นี้ก็แตะตาต้องใจฉันให้แล้วอย่างจัง เธอใส่ชุดจีนซึ่งเป็นสีแดงสว่าง ทั้งยังแต่งหน้าจัดเต็มแต่มันไม่ได้บดบังความสวยงามของเจ้าหล่อนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
กลิ่นจาง ๆ จากกายของเธอซึ่งฉันสัมผัสได้ถึงความพิเศษอะไรบางอย่าง แต่บ่งบอกได้ว่าเธอคนนี้เป็นโอเมก้า และมันทำให้ฉันค่อย ๆ ย่างกรายเข้าไปหาเธออย่างหลงลืมตัวจนผู้หญิงคนนั้นต้องค่อย ๆ ถอยหลังร่นหนีด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
“คะ คุณ...” เธอยกมือขึ้นมาอย่างพยายามดันไหล่ของฉัน เพราะตอนนี้สติของฉันหลุดลอยไปไกลแล้ว
ความสามารถพิเศษของอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ก็คือเขาสามารถเลือดคู่โซลเมทให้กับตัวเองได้...
แต่ไม่ใช่อยู่ ๆ จะไปเลือกว่าจะเอาคนนี้ แต่มันจะเป็นไปตามกลไกลธรรมชาติของมันด้วยการเพิ่มสายใยความสัมพันธ์ขึ้นมา โดยที่อัลฟ่าคนนั้นและโอเมก้าผู้นั้นจะไม่รู้สึกตัว
และตอนนี้อัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์อย่างฉันกำลังเลือกเธอผู้นี้ให้เป็นคู่โซลเมทโดยที่ฉันเองก็ไม่ทันได้รู้สึกตัวเหมือนกัน
“นายน้อยครับ ได้เวลาแล้ว...” ฉันชะงักฝีเท้าพร้อมกับที่สติของตัวเองกลับมาในทันใด
ฉันเหม่อมองไปที่เธออย่างสำรวจร่างกาย ก่อนจะพบเห็นจี้แปลก ๆ ที่คล้องอยู่กับสร้องคอของเธอ แต่มันก็พาลทำให้ฉันยกยิ้มออกมาได้ง่าย ๆ และฉันจะไม่ปล่อยเธอไปให้สูญเปล่าอย่างแน่นอน
“ต่อให้พลิกแผ่นดินหา...ฉันก็จะหาเธอให้เจอ” ฉันยกมือลูบใบหน้าของเธอบางเบาราวกับตีตราเป็นเจ้าของ
ก่อนที่ตัวเองจะเดินจากออกไปในทันทีโดยไม่สนใจเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะแสดงสีหน้าหรือท่าทางเช่นไรอยู่
คล้อยหลังจากมาเธอคนนั้นก็รีบเดินหลบมุมเข้ามาอยู่ในซอกตึก หัวใจของเธอคนนั้นเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะโดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดจากอะไร ไหนจะร่างกายที่ร้อนรุ่มราวกับกำลังจะฮีททั้ง ๆ ที่มันพึ่งผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ไม่นานนี่อีก
เธอสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะล้วงเข้าไปใต้กระโปรงของตัวเองและหยิบเอากระเป๋าสตางค์ของคนเมื่อครู่ที่เธอเดินชนขึ้นมาถือเอาไว้ เธอเปิดกระเป๋าดูก่อนจะยกยิ้มออกมาเพราะมันช่างคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เธอจะโดนเป่าหัวเสียจริงเชียว
“นายน้อยอย่างนั้นหรือ...ว่าแต่เป็นนายน้อยจากที่ไหนกันนะ”
***(อี่เซิง) = หมอ
***(เหยเห่ย,เหยียเยีย) = คุณปู่,อากง
***(เซียนเซิง) = ใช้เรียกผู้ชายที่อายุมากกว่าในช่วงวัยหนึ่ง คุณอา,คุณลุง