กลับมาพบกัน ตอนที่ 3

2017 คำ
หล่อนชั่งใจตัวเองขณะคืบย่างออกมา แต่มองสภาพประตูห้องและเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาแล้ว หญิงสาวได้ไตร่ตรองว่าไม่ควรแข็งข้อกับภูมิศิลาให้มากนัก ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ลำบากกว่านี้แน่นอน            "ไปกินข้าว..." เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับเดินนำหน้าเปิดประตูห้องออกไปก่อน โมรียารีบหยิบรองเท้าแตะแบบหนีบซึ่งบางอยู่ข้างประตูมาสวมแล้วสาวเท้าตามติดๆ สายตากวาดมองกวาดมองรอบๆ เมื่อออกมาสู่ด้านนอก ทุกอย่างอึมครึมไปหมด เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพรซึ่งไม่คุ้นตาหล่อนเลยแม้แต่น้อย            ทางเดินที่ทอดยาวสองข้างทางปูพรมด้วยผืนหญ้า ถัดไปเป็นกระท่อมและบ้านหลังเล็กๆ ทรงรีสอร์ทอีกหลายหลัง ปลูกไว้เป็นแนวเรียงรายในขณะที่หล่อนเดินผ่าน ทุกหลังสวยหมด ตกแต่งง่ายๆ แต่สบายตาผนวกกับสายลมเย็นที่พัดโกรกฉิวทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง            แต่!! ทำไมหลังที่หล่อนอยู่มันถึงโกโรโกโสนัก แถมยังห่างออกไปไกลกว่าสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ติดขอบแนวป่ารกทึ้มมองดูแล้วน่ากลัวเช่นนั้น...            "นายครับ..." ชายร่างใหญ่ในชุดคนงานเสื้อเชิ้ดพับแขนสีเข้มสวมกางเกงยีนเปรอะเปื้อนฝุ่นและดินวิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าทำให้ภูมิศิลาหยุดชะงัก เหลือบมองร่างระหงด้านหลังเล็กน้อย คนงานคนนั้นก็เช่นกัน...            มันมองด้วยสายตาล่อกแล่ก จนหล่อนอดไม่ได้ที่จะแบะปากกลอกตาใส่ แล้วก็หยุดเดินตามชายหนุ่ม รักษาระยะห่างเกือบสองเมตร            "เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการเอง...ครั้งที่แล้วมันยังไม่หลาบไม่จำ ครั้งนี้ฉันต้องกระชากหน้ากากมันออกมาแล้วยัดใส่ตะรางให้จงได้..."            "ครับนาย...ดูท่าทางกลับมารอบนี้คงอยากแก้แค้นนายกับนายณกรเป็นการส่วนตัว ผมว่าพวกมันคงวางแผนมาอย่างรัดกุมแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลายปีแบบนี้หรอกครับ คงรอจังหวะอยู่...นายจะไปไหนมาไหนก็ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะครับ ให้ผมกับคนอื่นๆ ผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นเพื่อนบ้างก็ได้"            " ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่...วันนี้ต้องอาบน้ำให้บุญถวายหรือเปล่าพัน" พลันก็เอ่ยถามถึงม้าตัวของตนเอง ซึ่งเขาให้คนงานดูแลเป็นอย่างดี เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวเลยทีเดียว            "อ๋อ...เพิ่งจะอาบให้เมื่อวานซืนเองครับ ช่วงนี้ไม่ร้อนด้วยวันนี้คงยังไม่ต้องอาบ"            "งั้นฉันไปกินข้าวก่อน แล้วแกไปจูงไอ้บุญถวายมาผูกไว้ที่โรงอาบเลยนะ เดี๋ยวฉันไป..."            พันทำหน้างงเมื่อได้รับคำสั่ง เนื่องด้วยปกติแล้วเจ้าบุญถวายจะได้รับการอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งภูมิศิลาเป็นคนกำหนดเรื่องนี้เอง แต่ก็พยักหน้ารับทราบทันใด ด้วยเห็นหน้านายเหนือหัวแล้วก็พอจะเดาออกถึงอารมณ์ ไม่นึกอยากต่อปากหรือขัดใจสักเท่าไหร่นัก            เจ้าพันปลีกตัวเข้าไปในสวนในไร่เมื่อเจรจาปรึกษาเรื่องงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว...            ภูมิศิลาเอียงหน้าไปมองหญิงสาวที่ยืนกอดอกบุ้ยปากอยู่ด้านหลัง เขาแสยะยิ้มแล้วก็เดินต่อไป โมรียาจำต้องก้าวตามโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเอ่ยทักท้วง สองเท้ากระแทกลงพื้น ประหนึ่งต้องการระบายความในใจที่อัดแน่นอยากจะปาระเบิดใส่ร่างนั้นแหลกละเอียดให้รู้แล้วรู้รอด            หล่อนเดินตามเขามาถึงแคร่ไม้ไผ่เก่าๆ ซึ่งวางสำรับอาหารเอาไว้สองสามอย่าง และโถใส่ข้าวพร้อมเครื่องดื่มในกระบอกไม้ไผ่สีเขียวเข้ม โมรียามองชายหนุ่มที่หันมายักคิ้วเชิงเชื้อเชิญด้วยสายตาเคืองขุ่น หล่อนไม่อยากคาดเดามื้อเช้าของที่นี่เอาเสียเลย            "รีบมากินซะสิ เดี๋ยวจะได้ไปทำงาน" ภูมิศิลากล่าวห้วนๆ แล้วหันกลับไป เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วถอดรองเท้าขึ้นนั่งขัดสมาธิบนแคร่นั้น เปิดฝาสำรับและตักข้าวใส่จานเปล่าที่ถูกจัดวางเอาไว้ให้เรียบร้อย แต่โมรียายังคงยืนหน้าบึ้งตึงยกมือกอดอกอยู่อย่างนั้น            "จะมาดีๆ หรือต้องให้..."            "..." เหมือนประกาศิตจังผู้บังคับบัญชา หญิงสาวคลายอ้อมแขนแล้วถอนหายใจอย่างขัดอารมณ์ แล้วกระแทกเท้าเดินเข้าไปนั่งสะพายข้างฝั่งตรงข้ามกับเขา            หล่อนยอมตักข้าวใส่จานโดยไม่ต้องให้ชายหนุ่มเอ่ยปาก เขาใช้สายตาดุเข้มเหลือบมองเป็นระยะๆ พร้อมกับการตักอาหารเข้าปากไปด้วย            โมรียารู้สึกแขยงกิริยานั้นเต็มประดา สำหรับหล่อนมันโสมมเกินจะรับไหว กับการที่ผู้ชายแต่งตัวมอซอผมเผ้ายาวเฟื้อย หนวดเครารุงรังมานั่งตักแกงตักข้างเคี้ยวหยาบๆ อย่างไม่มีมารยาทอยู่ตรงหน้า แทบลืมไปเลยว่าเขาคือพี่ภูมิผู้ที่เคยอ่อนโยนและแสนดีทุกกระเบียดนิ้วในอดีต            แม้แต่เค้าเงา....ก็ไม่หลงเหลือความเป็นภูมิศิลาคนนั้นที่หล่อนเคยรู้จักเลย            "กินเข้าไปสิ...รอฤกษ์วิมานอะไรอยู่!"            หล่อนจำต้องตักข้าวสวยเปล่าๆ เข้าปากตามคำสั่ง กล้ำกลืนฝืนเคี้ยวอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด ซึ่งทุกการกระทำไม่ได้รอดพ้นสายตาของภูมิศิลาไปได้เลยแม้แต่น้อย            "กินให้มันเยอะๆ หน่อยเดี๋ยวไม่มีแรงทำงานให้ฉัน" เขากล่าวแล้วก็ง่วนอยู่กับอาหารของตัวเองในจานต่อ ทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวที่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับการถูกบังคับฝืนใจ            "...." หล่อนหยุดตักข้าวใส่ปาก กัดริมฝีปากของตัวเองจนรู้สึกเจ็บ แต่ความจุกหนึบกลับร้าวไปถึงในอก กลั่นกรองสะท้อนให้ดวงตากลมโตแดงก่ำน้ำตาคลอหน่วย            "สำออยอะไรอีก...ที่นี่ไม่มีใครคอยให้ท้ายคนกลับกลอกอย่างเธอหรอกนะโมรียา รีบกินๆ เข้า" ชายหนุ่มเคี้ยวข้าวในปากไปพลางพูดพลาง ในขณะที่โมรียาเหลือบมองแล้วแบะปากใส่อย่างรังเกียจ แล้ววางจานข้าวแรงๆ ตามโทสะที่ไม่นิ่งสงบนัก            "อิ่ม...กินไม่ลง..."            "อ้อ...หึ ไม่มีอาหารฝรั่ง ไม่ได้นั่งร้านห้าดาวในห้องแอร์ ไม่มีพนักงานเสิร์ฟ ไม่ได้จิบไวน์ถึงกับกระเดือกไม่ลงเลยเหรอ"            "สกปรกโสโครกที่สุด...ใครจะไปกินลง..." หล่อนบ่นตอบเสียงไม่ดังนักแต่ก็จงใจให้อีกฝ่ายได้ยินก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่น แสดงอาการกระอักกระอวลเต็มประดา            "สกปรก...โสโครก...มันเธอต่างหาก คนที่ดูถูกข้าวปลาอาหารเพียงเพราะมันไม่ใช่ของหรูราคาแพง มันไม่มีทางเจริญหรอก รู้ไหม...ว่ามีคนอีกกี่แสนกี่ล้านคนบนโลกนี้ ที่มี่โอกาสแม้จะได้กินข้าวสวยเปล่าๆ อย่างในจานที่เธอโยนทิ้งนั่น!!!" ภูมิศิลาสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเม็ดข้าวในจานกระเด็นหก เนื่องมาจากแรงกระแทกจากมือของหญิงสาว            โมรียาหันมาแหยหน้าใส่ แล้วหยิบจานใบนั้นขึ้นมาระดับอก...            "แล้วการที่ใครจะมีกินหรืออดอยากปากแห้งอดตายกันเนี่ย...มันเป็นความรับผิดชอบของฉันหรือไง!! แล้วการที่ฉันมีกินมีใช้ มีชีวิตสุขสบายมันก็เป็นเพราะปู่ย่าตายายพ่อแม่ของฉันเขาทำมาหากินหาเก็บไว้ให้ ไม่ได้เหยียบหัวไปแย่งข้าวน้ำใครเบียดเบียนใครป่ะ ขี้เกียจสันหลังยาวงานการไม่ทำแล้วมาโทษฟ้าโทษดิน โทษว่าฉันเป็นต้นเหตุ! มันใช่เหรอ!" โมรียาโกรธจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่กับการถูกถากถางด้วยวาจาหยาบกระด้าง หล่อนสวนกลับตามนิสัยไม่ยอมลดราวาศอก            แต่หล่อนหารู้ไม่ว่า...การตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่เท่าเทียมกันนั้น ยิ่งทำให้ภูมิศิลาบังเกิดความชิงชังในตัวหล่อนมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว            โครม!! จานขาวในมือถูกโยนลงบนแคร่ตรงหน้าภูมิศิลาด้วยความยโสอวดดี สายตาคมกล้าของชายหนุ่มมองจานที่ตกคว่ำ เม็ดข้าวหล่นกระจัดกระจายปนรวมกับสำหรับกับแกงในถ้วยอื่นๆ จนไม่อาจรับประทานได้อีก เขาโกรธจนหูดับหูอื้อ สองมือกำแน่นจนเส้นเลือดตรงกล้ามเนื้อล่ำสันปูดโปนเด่นชัด            โมรียาลุกขึ้นจากแคร่...สะบัดหน้าหวังเดินกลับไปยังที่พัก ซึ่งหล่อนจากมา โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะกระฟัดกระเฟียดบ้าคลั่งอย่างไรต่อ            “ว้าย!!” แต่แล้วหล่อนก็คิดผิดถนัด...ว่าการสร้างรอยร้าวเอาไว้ แล้วหนีหน้าไปเสียเฉยๆ จะเป็นการจบปัญหา เพราะเพียงย่างเท้าก้าวที่สามเท่านั้น หล่อนก็ต้องเสียการทรงตัวหันกลับไปอีกครั้งเมื่อถูกมือใหญ่ดึงกระชาก พร้อมกับลากผลักให้หล่อนล้มลุกคลุกคลานขึ้นไปบนแคร่ไม้            "คำพูดของเธอมันบ่งบอกถึงความเลวที่ฝังอยู่ในสันดานได้เป็นอย่างดีเลยนังงูพิษ! รังเกียจขยะแขยงดูถูกคนที่ด้อยกว่าตัว คิดว่าสูงส่งมากหรือไง! ดี!! ฉันจะให้เธอกินของต่ำๆ พวกนี้ให้หมด แล้วดูสิว่ากระเดือกเข้าไปแล้วมันจะตายไหม!!!"            "ไม่...อื้อ!!!" หัวใจของหล่อนเต้นเร่าระทึก มือไม้ปัดป้องผลักไสให้ร่างใหญ่ที่ใช้กำลังบังคับให้หล่อนก้มลงเพื่อนำอาหารเหล่านั้นเข้าปากออกไปพ้นตัว เข่าและขาเจ็บแปลบจากการถูกลากถูและครูดไปกับซี่ไม้ไผ่ซึ่งใช้ประกอบทำแคร่ จนเกิดรอยแดงโดยทั่ว            มือใหญ่ข้างหนึ่งกดต้นคอระหงซึ่งมีผมยาวเกือบกลางหลังสีบลอนทองของหล่อนสยายพะรุงพะรังดูไม่จืดโดยทั่ว ทั้งยังบดบังใบหน้างามที่บัดนี้แทบไม่เหลือเค้าคุณหนูผู้สูงศักดิ์อยู่เลย เขาจับกดจนหล่อนจำต้องนั่งก้มหน้าใช้สองมือค้ำกับแคร่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คงได้หน้าทิ่มลงไปในถ้วยชามบรรจุอาหารเป็นแน่            "กรี๊ด!! ปล่อย! ปล่อยนะไอ้บ้า!!" หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลง น้ำตาไหลนองด้วยความแค้นใจที่ไม่อาจหลุดพ้นจากอำนาจของเขาได้ อีกทั้งยังผิดหวังกับการเปลี่ยนไปของภูมิศิลาอย่างหนักหน่วง แต่น้ำตาของหล่อนยามนี้...ไม่อาจต่อรองให้เขาอาทรในตัวหล่อนได้อย่างวันเก่าๆ อีกแล้ว            ภูมิศิลาใช้คุกเข่าข้างหนึ่งข้างๆ ร่างเล็กที่พยายามหยุดการกระทำของเขา แต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าหลายเท่า จึงไม่อาจทัดทานอำนาจของเขาได้แม้สักครึ่ง แค่ใช้แรงกดจับกดตรงต้นคอ ก็สยบโมรียาให้ไม่อาจขยับได้มากนักด้วยความเจ็บ เขาใช้มืออีกข้างจ้วงตักแกงในถ้วยที่ปนเปื้อนข้าวสวย นำมันมายัดใส่ปากของหล่อน จุกอัดบังคับให้หล่อนกลืนกินมันเข้าไป            "อื้อ!!" โมรียาร่ำไห้รับอาหารเหล่านั้นเข้าปากโดยไม่อาจขัดขืน ทั้งผมและน้ำแกงเปรอะเปื้อนใบหน้า หญิงสาวสำลักแต่ก็ถูกอัดเข้าไปใหม่จนหล่อนรู้สึกแสบไปทั้งทรวงอก หายใจไม่ออก ทรมานเป็นที่สุด...มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิต            "อื้อ กรี๊ด!!" เสียงหวีดร้องไม่อาจดึงสติของภูมิศิลาให้กลับคืน แต่มือของโมรียาที่ปัดป่ายไปโดนถ้วยชาม ทำให้ตกลงพื้นแตกกระจายนั้นเรียกให้เขาหักชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะก้มมองร่างหญิงสาวที่สั่นสะเทิ้นเพราะความกลัวและแรงสำลัก เขารีบดึงปล่อยมือจากเธอแล้วผละออกห่าง ลูบใบหน้าคมเข้มด้วยความไม่เข้าใจว่าตนเองคิดจะทำอะไรกันแน่            แต่อยากสั่งสอน อยากทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บปวดบ้าง หรืออยากให้หล่อนตายด้วยน้ำมือนี้...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม