EP.1 จับสามีรวย ๆ เถอะ!

1638 คำ
EP.1 LOVE LIE “วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้จ้ะ เด็ก ๆ” ฉันกดปิดวิทยุเก่าที่ยังคงเล่นเพลงไทยเดิมวนไปมา เป็นสิบ ๆ รอบ “ทุกคนรำได้ถูกต้อง และก็สวยมาก ๆ เลย” ฉันปรบมือชมอย่างให้กำลังใจเด็ก ๆ นักเรียนที่มาซ้อมกันที่บ้าน “แต่ครูเพลงพิณคะ เมื่อไหร่จะมีคนจ้างเราไปออกงานสักทีละคะ หนูอยากแสดงจริง ๆ แล้ว” เด็กตัวน้อยยกมือถามฉันอย่างมีมารยาท “หนูด้วย ๆ” เด็กอีกคนก็พูดตาม “แก้วใสกับเฟื่องฟ้า เพิ่งจะหัดรำได้แค่ สองสามบทเพลงเองนะลูก" “ถ้าพวกหนูจำท่ารำในบทเพลงอื่น ๆ ได้ ครูว่าต้องมีคนมาจ้างพวกเราไปออกงานเยอะแน่ ๆ” ฉันเอ่ยต่ออย่างให้กำลังใจเด็ก ๆ "ตอนนี้ฝึกซ้อมให้แม่นท่า รำตรงจังหวะดนตรีกันไปก่อนเนอะ” ฉันตอบไปอย่างให้กำลังใจลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ ตาดำ ๆ ทั้งหก “เลิกรำแล้วก็มาเอาขนมจากทวดนี่มา มาเร็ว ๆ” ยายของฉันเรียกพวกเด็ก ๆ ให้ไปรับถุงขนมถุงเล็ก ๆ ที่ท่านมักจะเตรียมเอาไว้เป็นรางวัลให้พวกเด็ก ๆ หลังจากซ้อมรำเสร็จทุกครั้ง “เก่งมาก ๆ ลูกศิษย์บ้านจันทร์ผาเก่งที่สุด” ยายยังคงเอ่ยชมอย่างชอบใจ “ขนมคุณย่าทวด อร่อยที่สุดในโลก” เสียงของเด็กผู้ชายตัวน้อย ที่ลุกจากวงกลองพื้นบ้าน วิ่งตรงมาหายายของฉันอย่างน่าเอ็นดู พวกลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ ก็มาจากลูกของชาวบ้านแถว ๆ นี้ที่เอามาฝากไว้ให้เรียนศิลปะพื้นบ้าน เพราะว่าพวกเขาส่วนใหญ่ทำไร่ทำสวน ไม่มีเวลาดูแลลูก รวมถึงไม่มีเงินมากพอจะส่งไปเรียนพิเศษที่อื่น “คุณย่าทวดคะ วันนี้มีนิทานอะไรเล่าให้ฟังก่อนกลับบ้านมั้ยคะ” เด็กตัวน้อยเคี้ยวขนมไปก็นั่งตรงหน้าคุณยาย รวมถึงคนอื่น ๆ ที่คลานเข่าเข้ามารวมวง คุณยายของฉัน ซึ่งท่านก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ฉันเองก็อดยิ้มตามไม่ได้เลย ยายของฉันท่านอายุมากแล้ว แต่ในอดีตท่านเป็นครูสอนนาฏศิลป์เก่า ท่านใจดี และรักเด็ก ส่วนคุณตาท่านก็เป็นทหารรบตามชายแดน ที่ต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องดินแดนเอาไว้ ในตอนที่ตาจากไป ยายก็ได้รับบำนาญ บ้าน ที่ดิน ตามลำดับชั้นยศของคุณตานั่นเอง และแม้ว่ายายฉันจะอายุเกือบเก้าสิบปีแล้ว แต่ท่านก็ยังรักในการเป็นครู และยังคงสอน ถ่ายทอดวิชาความรู้เกี่ยวกับศิลปะการแสดงพื้นบ้านและนาฏศิลป์ไทย เพื่อให้เราอนุรักษ์และสืบทอดต่อ ๆ กันไป แต่ในความเป็นจริง เราก็ต้องยอมรับว่าสังคมของเราในปัจจุบัน ที่มีวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากมาย จึงทำให้เยาวชนรุ่นหลัง ให้ความสำคัญกับนาฏศิลป์ไทยน้อยลงไป และมีแค่เพียงบางกลุ่มคนเท่านั้นที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งก็น้อยเอามาก ๆ จนนาฏศิลป์ รวมถึงศิลปะการแสดงพื้นบ้านค่อย ๆ ถูกลืม เลือนรางหายไป... __________________ “เจ้าพวกเด็ก ๆ กลับบ้านกันไปหมดแล้วเหรอพิณ” ยายเอ่ยทักขึ้นเมื่อฉันเดินเข้ามาในชานเรือน หลังจากที่เดินลงไปส่งเด็ก ๆ กลับถึงมือของพ่อแม่ครบทุกคนแล้ว “ค่ะ ยาย” ฉันตอบอย่างเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะค่อย ๆ เดิมก้มตัวลงมานั่งข้าง ๆ เก้าอี้โยกของยายตัวเดิม “เมื่อก่อนนะ เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น วิ่งเต็มเรือนไทยไปหมด” ยายเริ่มพูดตามประสาคนแก่ที่เล่าถึงอดีตให้ฉันได้ฟัง “คุณครูคะ คุณครูครับ ผมอยากเรียนดนตรีไทย” “ครูจ๋า หนูอยากเรียนรำไทยค่ะ” ยายเล่าและยกมือที่สั่น ๆ ชี้ไปทั่วทุกมุมของบ้าน “บ้านจันทร์ผา แทบจะรองรับนักเรียนไม่ไหว ในสมัยยายยังสาว ๆ” ยายเล่าต่ออย่างภาคภูมิใจ “แต่พอวันเวลาผ่านพ้นไป เด็ก ๆ ก็ค่อย ๆ หายไป จนแทบไม่มีใครอยากจะเรียนวิชานาฏศิลป์อีกแล้ว” ยายเล่าด้วยแววตาเศร้า ๆ “น่าเศร้าใจนะ” ยายพูดอย่างซึม ๆ “เรามีลูกศิษย์ตั้ง 6 คนให้สอนนะคะยาย” ฉันกุมมือของท่านเอาไว้ และพูดอย่างให้กำลังใจ “อื้ม ก็จริงของพิณ” ยายพยักหน้าตอบและลูบใบหน้าของฉันเบา ๆ “ยายคงต้องฝากพิณเป็นคนช่วยดูแล ถ่ายทอดวิชาให้กับเจ้าเด็กพวกนี้ด้วยนะ” ยายมองฉันอย่างคาดหวัง “บ้านจันทร์ผาของเรา คงเปิดสอนรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายแล้วละ” ยายมองไปรอบ ๆ อย่างถอนหายใจ “หนูจะรักษาบ้านจันทร์ผาเอาไว้ให้ดีที่สุด และถ้าเด็กคนไหนอยากจะเรียนดนตรีไทย หรือนาฏศิลป์ พิณจะสอนพวกเขาด้วยตัวเอง” ฉันตอบไปและบีบมือของยายเอาไว้ “ยายต้องแข็งแรง อยู่ช่วยพิณสอนด้วยนะ” ฉันบีบนวดยายอย่างอบอุ่นใจ “เทียนที่จุดมานานแล้ว วันหนึ่งมันก็ต้องดับลง ไม่ดับเพราะสายลมก็เพราะมันหมดเชื้อเพลิง” ยายหัวเราะและลูบหัวของฉันเบา ๆ อย่างเอ็นดู ฉันได้แต่นั่งคุกเข่าเอาใบหน้าวางลงบนตักของยาย “กับข้าวมาแล้วจ้าแม่ ยัยพิณมาช่วยป้าเอาใส่จานหน่อย” เสียงของป้าจันทร์เดินยกถาดกับข้าว มาให้ยายและอยู่ทานข้าวพร้อมกัน เหมือนเช่นทุกเย็น ....... “ป้าว่าเอ็งเอาเวลาไปร่ำเรียน ให้จบดีมั้ย?” ป้าจันทร์หันมาถามไถ่ฉันที่กำลังตักอาหารไปวางให้จานของยาย “มัวสอนฟรีให้พวกเด็ก ๆ แล้วเราจะเอาอะไรกิน” ป้าจันทร์บ่น ๆ เพราะแกไม่เห็นด้วย กับการที่เราเปิดสอนให้พวกเด็ก ๆ แบบไม่คิดเงินสักบาท “พวกพ่อแม่มันก็แค่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเอง เลยเอามาฝากเป็นภาระของพวกเรา” ป้าจันทร์ไม่พอใจเรื่องนี้มานานแล้ว และแกก็บ่นแบบนี้ประจำ “โถ จันทร์ ก็พวกเด็ก ๆ เขาอยากเรียน เอ็งจะมาขัดทำไมกัน” “ตัวเองก็ไม่ได้มาเหนื่อยสอนสักหน่อย” ยายก็ตอบกลับป้าจันทร์ไปแบบช้า ๆ “นาฏศิลป์นะ มันกินไม่ได้ไงแม่” ป้าจันทร์ส่ายหน้า "ฉันไม่ได้ นั่งมองฟ้อนรำ ฟ้อนมาลัยแล้วอิ่มนี่” ป้าจันทร์พูดแบบตรง ๆ ตามสไตล์ของแก “พิณว่าเรากินข้าวกันเถอะนะ อย่าคุยเรื่องเครียด ๆ เลย” ฉันตักอาหารให้ทางป้าจันทร์ด้วยอีกคน “เอ็งน่ะ รีบ ๆ เรียนให้จบสักที ไปเป็นครูรับราชการมีหน้ามีตาสักที” “แล้วก็หาผัวรวย ๆ แต่งงานไป จะได้สุขสบายกันทั้งโคตร” ป้าจันทร์แกก็พูดกับฉันตามภาษาชาวบ้าน ๆ แกเป็นคนคิดอะไรก็พูดออกมาเลย “ความคิดของเอ็งนี้มันจริง ๆ เลยนะ” ยายดุป้าจันทร์เล็กน้อย " จะคบจะแต่งกับใคร ก็ต้องเลือกที่เขาเป็นคนดี รักเดียวใจเดียว เป็นสุภาพบุรุษ” ยายกับป้าจันทร์ก็ยังคงเห็นต่างกันในทุกเรื่อง “ฉันก็แค่ไม่อยากให้หลานมันเหนื่อย และมาใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำแบบเรา ๆ ดูสิหาข้าวจะกินแต่ละวันยังเหนื่อยแทบตาย” ป้าจันทร์สวนกลับทันที “ฉันกับผัวทำงานงก ๆ เงินก็น้อย ภาระหนี้ก็เยอะ" “ไหน ๆ เห็นนังพิณมันรักดี เรียนจนจะจบปริญญาได้" “ฉันก็หวังให้มันหาผัวรวย เป็นนายธนาคาร นายอำเภอ อะไรแบบนั้นไป" “หน้าตามันก็ดี คงหารวย ๆ ได้ไม่ยาก” ป้าจันทร์พูดตามที่แกคิดเอาไว้ “ฉันไม่เอาหรอกจ้ะป้า ฉันอยากยืนได้ด้วยแขนขาตัวเอง” ฉันตอบปฏิเสธไปอย่างนิ่มนวล “เรื่องเรียนน่ะฉลาดนัก” ป้าจันทร์ส่ายหน้าใส่ฉัน “ฉันจะหางานทำดี ๆ ป้าไม่ต้องห่วงนะ” ฉันตอบไปเสียงเบา ๆ “ขอให้เป็นอย่างที่พูดแล้วกัน!" “ยังไงก็มาช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านบ้างแล้วกัน และก็ช่วยส่งไอ้เพลิงมันเรียนจนจบด้วยอีกคน” ป้าจันทร์ถอนหายใจเมื่อพูดถึงลูกชายจอมแก่นของตัวเอง ที่ยังเรียนไม่จบมัธยมเลยเพราะสอบตก และเกเรจนเปลี่ยนโรงเรียนอยู่บ่อย ๆ “ลูกตัวเองแท้ ๆ ทำไมต้องมาให้เพลงพิณส่งเสียกันด้วยละ?” ยายก็กินข้าวไปและบ่นอย่างไม่เห็นด้วย ป้าจันทร์มองหน้ายายสลับกับฉันเล็กน้อย “แล้วทีแม่มันหนีตามผู้ชายไปกรุงเทพ ทำไมแม่ต้องมานั่งเลี้ยงดูมันจนโตด้วยละ?" ป้าจันทร์ก็มองฉันแบบไม่ค่อยพอใจ เมื่อยายปกป้องฉัน ฉันได้แต่นั่งเงียบอย่างไม่คิดมีปากมีเสียงอะไร “แล้วที่ครอบครัวเอ็งนะ มันไม่พอมีพอกินแบบนี้ก็เพราะผัวเอ็งมันติดพนัน หาเงินจากขายข้าวโพดขายของไร่ได้ ก็เอาไปเล่นไฮโลจนหมด" ป้าจันทร์เมินหน้าหนีทันที “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ถึงจะอยู่แต่บ้าน แต่หูตาข้าก็กว้างไกล!" “แล้วข้าจะบอกอะไรให้นะอีจันทร์เอ๋ย" “บ้านไฟไหม้ยังเหลือที่ดินทำกิน แต่เสียการพนันแม้แต่ที่ดินเอ็งก็จะไม่เหลือ!” ยายทนไม่ไหวจึงบ่น ๆ ออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม